ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160217/222530.html
เกษตร-วิทยาศาสตร์-ไอที : ข่าวทั่วไป
วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559
ทำมาหากิน : ปรับกลยุทธ์ชู ‘หอม-นุ่ม’ เพิ่มค่า ‘ผ้าไทย’ รับเออีซี : โดย…ธานี กุลแพทย์
ลวดลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ การอนุรักษ์ลายโบราณประยุกต์เข้ากับสมัยใหม่ บวกคุณภาพที่ได้มาตรฐาน ทำให้ผลิตภัณฑ์ “จิดาภาผ้าไทย” เครือข่ายกลุ่มผ้าไหมบ้านหนองโก ต.ดอนกอก อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ตอบโจทย์และได้รับความนิยมจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งเพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน จึงปรับกลยุทธ์การผลิตที่มุ่งความหอม ความนุ่มของผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยี “นาโน” เพื่อเป็นทางเลือกของลูกค้าเพิ่มขึ้น
นายโชติช่วง นาดา รองประธานจิดาภาผ้าไทย กล่าวว่า จิดาภาผ้าไทย เป็นลูกข่ายของกลุ่มผ้าไหมบ้านหนองโก ซึ่งผลิตผ้าไหมมานับสิบปีจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป โดยเฉพาะลวดลายที่สวยงาม แต่ยังคงความเป็นผ้าไหมมัดหมี่แบบดั้งเดิมไว้ ทั้งพัฒนาลวดลายใหม่ๆ ให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่นอกจากส่งขายให้โครงการศิลปาชีพสวนจิตรลดาแล้ว ยังออกขายตามบูธต่างๆ จึงเป็นที่มาของแบรนด์ “จิดาภาผ้าไทย” ดังกล่าว
“เราพัฒนาต่อยอดผ้าไหมเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุคสมัยใหม่ จึงมุ่งเรื่องความนุ่มและความหอม เนื่องจากผ้าไหมส่วนใหญ่เมื่อย้อมและทอเรียบร้อยแล้วจะค่อนข้างแข็ง จึงนำนวัตกรรมใหม่ นาโนไมโครแคปซูล เข้ามาใช้เป็นการนำกลิ่นสกัดจากธรรมชาติดัดแปลงหมักกับผ้าไหม ทำให้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมีกลิ่นหอมและนุ่มยิ่งขึ้น” รองประธาน แจง
พร้อมระบุถึงนวัตกรรมนาโนนี้เกิดจากการที่อุตสาหกรรมภาค 6 ได้จัดอบรมให้ชาวบ้านหนองโกในทุกกลุ่มผลิต เพื่อยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะการเปิดเออีซี ซึ่งคาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้น ทว่า ปัจจุบันเหลือเพียง “จิดาภาผ้าไทย” ที่ยังคงผลิตด้วยวิธีนี้อยู่ เนื่องจากกรรมวิธีในการผลิตยุ่งยาก ต้องอาศัยความประณีต ยิ่งในขั้นตอนสุดท้ายที่นำกลิ่นมาอบหรือหมักกับผ้า 30 นาที ต้องพิถีพิถันมาก
“เริ่มนำผ้าไหมมีกลิ่นหอมออกจำหน่ายได้ 4 ปี ผลตอบรับดีมาก ต่อมาเลยกลายเป็นเอกลักษณ์ของจิดาภาผ้าไทย ราคาขายเริ่มตั้งแต่ 150 บาท ขึ้นอยู่กับลายและความต้องการของลูกค้า”
โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่อบกลิ่น 4 กลิ่นคือ กลิ่นกุหลาบ มะลิ วาเลนเดอร์ ตะไคร้ ซึ่งทุกกลิ่นสกัดจากสารธรรมชาติ และผลิตด้วยมือทุกขั้นตอน หรือที่เรียกผ้าไหมกระทบมือ ทำให้การันตีได้ถึงความนุ่มของเนื้อผ้าในทุกชิ้นงาน
“ผ้าไหมเหล่านี้จะมีความนุ่ม กลิ่นหอม ไม่อับ ทั้งยังทำให้ผ้าตัวอื่นหอมตามไปด้วย แถมเก็บรักษาง่าย ตรงนี้ลูกค้าจะชอบมาก”
ด้านการตลาด นายโชติช่วง กล่าวว่า เป็นการตระเวนออกบูธตามจังหวัดต่างๆ 80 เปอร์เซ็นต์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์ มีลูกค้าชาวไทยสั่งสินค้าส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ อาทิ สวีเดน เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตามแม้ตอนนี้ “จิดาภาผ้าไทย” จะยังไม่ได้ส่งสินค้าไปต่างประเทศโดยตรง แต่ในอนาคตนั้น นายโชติช่วง บอกว่า จะมุุ่งไปที่ตลาดอาเซียน เพราะชื่นชอบผ้าไหมเหมือนกัน โดยเน้นพัฒนาในเรื่องคุณภาพให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันนอกจากมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สั่งสินค้าเป็นจำนวนมากแล้ว ก็เริ่มมีออเดอร์จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเช่นกัน
————————-
(ทำมาหากิน : ปรับกลยุทธ์ชู ‘หอม-นุ่ม’ เพิ่มค่า ‘ผ้าไทย’ รับเออีซี : โดย…ธานี กุลแพทย์)