ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/413161

ชาวนาเมืองช้าง!! ลงแขกหว่านข้าวนาปี หลังฝนตกหนักหวังรบ.ช่วยพยุงราคา
12 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่แห้งแล้งมานานหลายเดือน ในเขตพื้นที่ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ก็เริ่มชุ่มชื้นทำให้ผืนดินชุ่มฉ่ำขึ้นมา เพราะฝนได้ตกติดต่อกันมาหลายวัน ชุมชนชาวบ้านท่าลาดเริ่มลงมือหว่านข้าวนาปี ซึ่งปีนี้แล้งนานกว่าทุกปี และหวังว่ารัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะช่วยพยุงราคาข้าวให้ดีขึ้นกว่าทุกปี และอยากให้ควบคุม ราคาปุ๋ย และ ยาฆ่าหญ้า ถูกลง เพื่อลดต้นทุนการผลิตให้แก่ชาวนาด้วย
นายสมัน แสงงาม อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 3 ต.ศรีณรงค์ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ฝนตกหนักติดต่อกันมา 2-3 วัน ตนและญาติๆ ได้ร่วมกันลงแขกหว่านข้าว ซึ่งก็หวังว่าจะทันได้เก็บเกี่ยว ขายได้ราคาในเดือนพฤศจิกายนที่จะมาถึง เพราะการทำนาต้องใช้ต้นทุนสูง ไม่ว่าไหนจะค่าปุ๋ยที่มีราคาแพงตกกระสอบละ 700-800 บาท ต้นทุนเมล็ดพันธ์ข้าวก็ตกไปกระสอบละ 680-700 บาทแล้ว และมีทีท่าว่ากำลังจะขึ้นราคาอีก ปีที่ผ่านมา อ.ชุมพลบุรี ประสบกับปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ตนทำนาก็ไม่มาก แต่ค่าใช้จ่ายสูง ไหนจะค่าไถตกไร่ละ 200 บาท ถ้าไถ่หว่านด้วยตกไร่ละ 220-240 บาท เลยทีเดียว ตนแค่อยากให้รัฐบาลช่วยลดภาระ และต้นทุน ที่เพิ่มขึ้นแทบจะทุกปี หวังว่าทางรัฐบาลจะช่วยและคงจะได้ข้าวราคาที่แพงมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว
นายสมัน กล่าวอีกว่า ชีวิตของคนอีสาน หลังจากทำนาแล้ว ต้องไปรับจ้างทำมาหากินในต่างถิ่น มีหลายอาชีพไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง งานโรงงาน ค้าขาย แต่รายได้หลักคือ การทำนา ถึงแม้ว่าราคาข้าวจะไม่เป็นไปอย่างที่คิด แต่ก็จะทำยังไงได้ เพราะเกิดมาเป็นลูกชาวนา หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ถ้าชาวนาไม่ทำนาแล้วจะให้ไปทำอะไร เพราะที่ทางในเมืองกรุงไม่มี นี่แหละที่เขาบอกว่าชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติโดยแท้จริง