#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/entertain/510312

Black Water: Abyss
วันศุกร์ ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2563, 16.43 น.
ชื่อเรื่อง Black Water : Abyss
ชื่อไทย กระชากนรก โคตรไอ้เข้
ประเภท ระทึกขวัญ
กำหนดฉาย 12สิงหาคม 2020
บริษัทจัดจำหน่าย โมโนฟิล์ม
ความยาว 98 นาที
อำนวยการสร้าง โรเบิร์ต สลาเวียโร
โปรดิวเซอร์ ไมเคิล โรเบิร์ตสัน, นีล คิงสตัน และ แพม คอลลินส์
กำกับโดย แอนดรูว์ทรอคกี้(Black Water, The Reed, The Jungle)
เขียนบทโดย เอียนจอห์นไรลีย์ (I Am The Thunder และ The Girl Beneath, Nowhere Boys)
ซาราห์สมิธ (Bite Club, Bloom, House of Bond , The Killing Field, Winter)
แสดงนำ เจสสิกา แมคนามี(The Meg)
ลูคมิตเชลล์(The Code, Blindspot, Marvel Agents of the Shield)
อามาลีโกลเดน
เบนจามิน โฮอตีส
แอนโทนีเจชาร์ปี
เมื่อกลุ่มคนผู้รักการผจญภัยเข้าไปสำรวจถ้ำในป่าลึกแถบออสเตรเลีย พวกเขาต้องพบความน่าสะพรึงจากคมเขี้ยวของฝูงจระเข้สุดโหดที่พร้อมกัดกระชากทุกอย่างลงนรก
เรื่องย่อ
เอริคและเจนนิเฟอร์คู่รักสายผจญภัยหลอกล่อโยลันดาและวิคเตอร์เพื่อนของ
พวกเขาเข้าร่วมสำรวจถ้ำที่ไม่เคยมีใครเคยไปมาก่อนในป่าลึกทางเหนือของออสเตรเลียพร้อมกับความช่วยเหลือจากไกด์สำรวจถ้ำที่เอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างแคช
นักสำรวจถ้ำทั้ง5 คน เดินทางมาถึงปากถ้ำสุดลึก ขณะเดียวกันพายุก็กำลังตั้งเค้าอยู่ แต่กลับไม่มีใครสนใจ เพราะทุกคนเชื่อมั่นว่าจะปลอดภัยอยู่ภายในถ้ำใต้ดินแห่งนี้ แต่แล้วเมื่อฝนกระหน่ำลงมา น้ำเริ่มท่วมภายในถ้ำ ความสับสนและตึงเครียดจึงเกิดขึ้นกับพวกเขาอย่างรวดเร็ว พวกเขาพยายามหาทางออกและเอาชีวิตให้รอด แต่แล้วเมื่อความกังวลกับการเอาตัวรอดจากระดับน้ำที่เพิ่มสูง และอากาศที่อับชื้น กลับกลายเป็นสิ่งที่พวกเขากังวลน้อยที่สุด นั่นเพราะพวกเขาค้นพบว่าพายุได้นำพาเหล่านักล่าหิวกระหายมายังถ้ำแห่งนี้ด้วย…
เกี่ยวกับผู้สร้าง
กระชากนรกโคตรไอ้เข้ (Black Water: Abyss) เป็นภาพยนตร์ภาคต่อจากภาพยนตร์เรื่องเหี้ยมกว่านี้ไม่มีในโลก (Black Water) ซึ่งออกฉายเมื่อปี 2007
ผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาผู้ชมดำดิ่งไปสู่ความตื่นเต้นและลุ้นระทึกภาพยนตร์ที่จะทำให้สารอะดรีนาลีนในตัวคุณต้องพุ่งเพราะความน่ากลัวที่แท้จริงของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ขากรรไกรจระเข้ที่พร้อมกัดกระชากแต่มันคือความลุ้นว่าขากรรไกรสุดโหดพวกนั้นจะโผล่มาตอนไหน! ถ้ำที่เป็นสถานที่ถ่ายทำของภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งสวยงามและชวนขนลุกในเวลาเดียวกันกลายเป็นส่วนผสมที่น่าทึ่งระหว่างความลึกลับและความสยอง
อัลทิจูดฟิล์ม (Altitude Films )และบริษัท R&R ร่วมกับสกรีนควีนส์แลนด์ (Screen Queensland ) ขอเสนองานสร้างสุดตื่นเต้นและสุดเปียกเรื่องนี้
กระชากนรกโคตรไอ้เข้ (BLACK WATER: ABYSS) กำกับโดยแอนดรูว์ทรอคกี้ (จากเรื่อง Black Water, The Reed, The Jungle) เขียนบทโดยเอียนจอห์นไรลีย์ (จากเรื่อง I Am The Thunder และ The Girl Beneath, Nowhere Boys) และซาราห์สมิธ (จากเรื่อง Bite Club, Bloom, House of Bond , The Killing Field, Winter)
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยเจสสิกาแมคนามี (จากเรื่องThe Meg, Battle of the Sexes), ลูคมิตเชลล์(จากเรื่อง The Code, Blindspot, Marvel Agents of the Shield), อมาลีโกลเดน (จากเรื่อง Monster Problems, Bloom), เบนจามินโฮอตีส (จากเรื่องMystery Road, Knightfall) และแอนโทนีเจชาร์ปี (จากเรื่องMiss Fisher’s Mysteries, Wentworth).
ทีมผู้สร้างประกอบด้วยผู้อำนวยการสร้างโรเบิร์ตสลาเวียโร (Storm Boy, Don’t Tell) และทีมโปรดิวเซอร์ไมเคิลโรเบิร์ตสัน (Black Water, Road Train, The Reef, The Pack), นีลคิงสตัน (Nerve, Neighbours) และแพมคอลลินส์ (The Proposition)
เบื้องหลังการถ่ายทำ
ทีมงานเบื้องหลังภาพยนตร์ :ผู้อำนวยการสร้างโรเบิร์ตสลาเวียโรโปรดิวเซอร์ไมเคิลโรเบิร์ตสัน, นีลคิงสตันและแพมคอลลินส์กำกับโดยแอนดรูว์ทรอคกี้เขียนบทโดยเอียนจอห์นไรลีย์และซาราห์สมิธออกแบบงานสร้างโดยอดัมเฮดและแสดงนำโดยเจสสิกาแมคนามี, ลูคมิตเชลล์, อมาลีโกลเดน, เบนจามินโฮอตีสและแอนโทนีเจชาร์ปีจะมาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวกว่าจะนำภาพยนตร์
เมื่อมีการประกาศสร้างภาคต่อกระชากนรกโคตรไอ้เข้ Black Water: Abyss ภาพยนตร์ที่สานต่อความสำเร็จที่แฟนเดนตายของภาพยนตร์เรื่อง Black Water รอคอยเหล่าแฟนๆก็ตอบรับด้วยความดีใจ
ภาพยนตร์ภาคแรกเป็นเรื่องราวการเอาชีวิตรอดจากจระเข้แค่หนึ่งตัวแต่การมาของภาคต่อแบบนี้ความคาดหวังก็ต้องเพิ่มสูงขึ้นเป็นธรรมดาครั้งนี้ฉากแอคชันต้องมีมากขึ้นและคุณต้องเดาได้ว่า ..ภาคนี้จะต้องมีจระเข้มากขึ้น! การกลับมารวมตัวกันของผู้กำกับแอนดรูว์ทรอคกี้และโปรดิวเซอร์ไมเคิลโรเบิร์ตสันทำให้ผู้ชมมั่นใจได้เลยว่าอะดรีนาลีนจะต้องพุ่งทะลุขีดแน่นอน
Black Water: Abyss เล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่เดินทางไปสำรวจถ้ำขนาดใหญ่ในป่าลึกและพบว่าตัวเองกำลังถูกล้อมโดยฝูงจระเข้ความกลัวที่แท้จริงของเรื่องนี้ไม่ใช่ขากรรไกรสุดโหดของฝูงจระเข้แต่มันคือความลุ้นว่าขากรรไกรสุดโหดพวกนั้นจะโผล่มาตอนไหน! ถ้ำที่เป็นสถานที่ถ่ายทำของภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งสวยงามและชวนขนลุกในเวลาเดียวกัน–กลายเป็นส่วนผสมที่น่าทึ่งระหว่างความลึกลับและความสยอง
ปีนี้เป็นปีครบรอบ 13ปีนับจากการเข้าฉายของภาพยนตร์ภาคแรกและตอนนี้มีผู้ชมหันมาสนใจภาพยนตร์แนวระทึกขวัญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยังมีผู้ชมกลุ่มใหม่ที่มาจากช่องทางสตรีมออนไลน์มากมายตอนนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะกับภาคต่อที่สุด
“ผมคิดเรื่องทำภาคต่อมาซักพักแล้วนะแล้วพอผมได้ไปตลาดภาพยนตร์ในต่างประเทศก็เห็นชัดเลยว่าคนดูกำลังหิวกระหายหนังแนวนี้ ” โรเบิร์ตสันส์พูดแบบไม่ได้ตั้งใจปล่อยมุข
หลังจากความสำเร็จของ Black Water (2007) ภาคแรกและ The Reef (2010) ซึ่งหยิบแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงมาสร้างโดยโปรดิวเซอร์ไมเคิลโรเบิร์ตสันและผู้กำกับแอนดรูว์ทรอคกี้ ทั้งสองคนพูดคุยและหาโอกาสกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งมาซักพักแล้วและเมื่อผู้อำนวยการสร้างโรเบิร์ตสลาเวียโรและโปรดิวเซอร์นีลคิงสตันเข้ามาร่วมวงไมเคิลก็รู้สึกได้เลยว่าแค่เริ่มก็เป็นทีมที่ดีแล้ว
โปรดิวเซอร์นีลคิงสตันเล่าให้ฟังว่า “ผมเป็นแฟนตัวยงของหนังต้นฉบับและผมรู้จักไมเคิลโรเบิร์ตสันมาหลายปีแล้วพอได้ยินว่าเขากำลังมองหาโปรเจกต์ใหม่ผมรีบบอกเลยว่า ‘เฮ้นายมีหนังชั้นยอดอย่าง The Reef และ Black Water ทำไมเราลองเอามาทำภาคต่อล่ะ’ ไมเคิลถามผมกลับว่าผมจะไปดูแลเรื่องบทให้ไหมและตอนนั้นแหละความสนุกก็เริ่มต้นขึ้น”
ผู้อำนวยการสร้างโรเบิร์ตสลาเวียโรพูดเสริมอย่างครึกครื้นว่า “ผมอยู่กับโปรเจกต์นี้กับไมเคิลและนีลมาสองปีแล้วพอได้ถ่ายทำมันก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก! การที่มี 15 ประเทศซื้อหนังเราไปฉายและมีค่ายในสหรัฐอเมริกาสนใจก่อนจะเปิดกล้องล้วนทำให้ทุกคนรู้ว่ากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่นอกจากการเป็นผู้อำนวยการสร้างแล้วผมยังดูแลการฉายในประเทศออสเตรเลีย / นิวซีแลนด์ผ่านทางบริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์ R&R ซึ่งผมเพิ่งเปิดตัวกับริชาร์ดหุ้นส่วน”
เพื่อให้ภาพยนตร์มีความโดดเด่นและแตกต่างทีมงานได้ตัวเอียนจอห์นไรลีย์และซาราห์สมิธนักเขียนบทมากประสบการณ์และกำลังฮอทในออสเตรเลียการันตีด้วยรางวัลมากมายเข้ามาร่วมพัฒนาบทภาพยนตร์
“พวกเราเคยดูภาพยนตร์ภาคแรกแล้วซึ่งทำให้เราเข้าใจโทนและสไตล์ของแอนดรูว์รวมถึงจุดแข็งของเขาในฐานะผู้กำกับซึ่งมักเน้นไปยังการสร้างความตึงเครียดให้ผู้ชมและเพราะเรื่องนี้เป็นภาคต่อกลายๆเราจึงต้องพยายามเก็บจุดแข็งของเรื่องดั้งเดิมไว้ให้ครบ”
หลังบทเริ่มเป็นรูปเป็นร่างทุกคนก็เห็นด้วยว่าแอนดรูว์ทรอคกี้ต้องกลับมาเป็นผู้กำกับเพราะความจริงจังในการทำภาพยนตร์แนวสัตว์สยองของเขายังคงมีอยู่แต่ทีมงานไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาอยากทำหนังจระเข้อีกเรื่องหรือเปล่า
“เขาเงียบไปนิดนึงตอนผมชวนแต่เขาสนใจจะอ่านบทนะแล้วพอเขาได้อ่านเขาก็พูดว่า ‘โอเคผมกำกับ” โปรดิวเซอร์นีลคิงสตันเล่า
แอนดรูว์ทรอคกี้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์และเขียนบทเองเขารู้สึกตื่นเต้นกับบทมาก “มันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆที่ผมถูกชวนมากำกับเพราะผมไม่ได้เขียนบทเรื่องนี้เองการสร้างภาคต่อที่ได้รับอิทธิพลจากภาคแรกขนาดนี้มันเป็นหลักฐานว่าภาคแรกมันประสบความสำเร็จมากแค่ไหน”
“แอนดรูว์เป็นผู้กำกับที่หาได้ยากในประเทศออสเตรเลียผมว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่น่าจับตามองที่สุดของภาพยนตร์แนวเขย่าขวัญ”
นีลคิงสตันเล่าแอนดรูว์ทรอคกี้สนใจความสะพรึงและความพยายามเอาตัวรอดจากผู้กำกับชั้นครูอย่างฮิทช์ค็อกถึงสตีเฟนคิงส์และแซมเรมีเขารู้วิธีที่จะจัดการกับความคาดหวังผู้ชมอย่างมีชั้นเชิงและพาภาพยนตร์แนวนี้ไปอีกระดับ
เมื่อแอนดรูว์ตอบตกลงเขาก็เข้ามาร่วมปรับแต่งสคริปต์ทั้งลงรายละเอียดและใส่ความคิดหลายอย่างของเขาเข้ามา
“ผมต้องทำงานในสองระดับระดับแรกคือเนื้อเรื่องเราจะทำให้เนื้อเรื่องดีขึ้นได้อย่างไรแต่อีกเรื่องหนึ่งคือผมจะทำให้มันสำเร็จภายใต้งบและข้อจำกัดต่างๆด้วย” แอนดรูว์เล่าเนื้อเรื่องเดิมไม่เปลี่ยนแปลงมากนักแต่เขาต้องคิดหาวิธีจะสร้างความสะพรึงให้มากขึ้นได้อย่างไร
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับสูตรสำเร็จของหนังแนวระทึกขวัญเอียนอธิบายว่า “มันมีหลายสูตรมากแต่หนังเหล่านี้มักมีส่วนผสมบางอย่างเช่นการล่อผู้ชมว่าจะได้เจอกับอะไรซึ่งมักจะเป็นการให้เห็นนิดหน่อยตั้งแต่เริ่มเรื่อง (เช่นการบุกของฉลามเริ่มต้นในเรื่อง JAWS) และความน่ากลัวนั้นต้องใกล้ต้วผู้ชมแม้ว่าสิ่งที่มาคุกคามจะเป็นมนุษย์ต่างดาวก็ตามและที่สำคัญคือการสร้างความตึงเครียดและความคาดหวังจนถึงช่วงเวลาไคลแมกซ์ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดฉากโจมตีจะเป็นการปลดปล่อยความตึงเครียดและทำให้ผู้ชมได้ระบาย”
ผู้เขียนบทร่วมอีกคนซาราห์เห็นด้วย “ผู้ชมต้องการจุดผ่อนคลายเพื่อที่หนังจะสร้างความตื่นเต้นใหม่อีกครั้งเคล็ดลับคือการหาจังหวะที่ถูกต้องระหว่างการสร้างความเครียดและการคลายผู้ชมจึงจะถูกกดดันให้มีความตึงเครียดสูงสุดอยู่ตลอดเวลาวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือคุณต้องยิงด้วยคำถามและคลายปมเพื่อเป็นการเพิ่มระดับเรื่อยๆจนถึงจุดสุดยอด”
“คุณต้องทำให้คนดูคาดเดาและครุ่นคิดตลอดเวลาว่าฉากต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น” แอนดรูว์เล่าต่อ “ผมชอบนั่งคิดตามว่าถ้าผมอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นผมจะทำอย่างไรผมจะรอดชีวิตไหมผมชอบหนังแบบนั้นมาก”
การรวบรวมนักแสดงชั้นเยี่ยมและไม่ทำให้หนังมีแต่นักแสดงที่ดูเหมือนเรื่องอื่นๆสำคัญมากๆ สำหรับทีมผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้นีลคิงสตันอธิบายอย่างละเอียดว่า “พวกเขาจำเป็นต้องเป็นนักแสดงที่เก่งในหลายด้านตั้งแต่ผมได้เริ่มทำงานในภาพยนตร์ชุดเรื่องNeighbours (2008 – 2012) และอีกหลายเรื่องผมพยายามหานักแสดงออสเตรเลียที่โดดเด่นและพวกเราเลือกลูคมิตเชลล์(The Code, Marvel Agents of the Shield) ซึ่งรับบทเป็นเอริคและเจสสิกาแมคนามี (The Meg, Battle of the Sexes) ในบทเจนแฟนสาวของเอริค”
เรายังรวบรวมเอานักแสดงหน้าใหม่อย่างอมาลีโกลเดน (จากเรื่อง Monster Problems, Bloom) ในบทโยลันดาผู้รักความตื่นเต้น, วิกเตอร์นักเขียนเรื่องท่องเที่ยวที่เกลียดการท่องเที่ยวรับบทโดยเบนจามินโฮอตีส (Mystery Road, Knightfall) และนักแสดงหน้าใหม่แอนโทนีเจชาร์ปี (จากเรื่อง Miss Fisher’s Mysteries, Wentworth) กับบทแคชไกด์นำเที่ยวมือใหม่สุดห่าม “ผมเป็นแฟนตัวยงของอมาลีและเบ็นแม้ผมจะไม่คุ้นกับงานของแอนโทนี่แต่เมื่อได้ดูเขามาแคสพวกเราก็ต้องช็อคไปเลย” คิงส์ตันกล่าว
ไอ้เข้และถ้ำ
ภาพยนตร์ถ่ายทำใน 3 ที่หลักใช้เวลาถ่ายทำ 28 วันโดยรวมเวลา17 วันในสตูดิโอซึ่งเอาเข้าจริงมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยแพมคอลลินส์โปรดิวเซอร์เล่าว่า“เรารู้ตั้งแต่เริ่มถ่ายเลยว่าการถ่ายจระเข้จริงไม่ใช่ความยากเดียวของการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้”
การออกแบบฉากเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของผู้กำกับโดยได้อดัมเฮดมารังสรรค์ออกแบบฉากโดยอดัมทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมผู้สร้างทำให้แต่ละเฟรมออกมาเป็นจริงทั้งการสร้างถ้ำใต้ดินในฉากที่เกือบมืดสนิทและพื้นที่ที่น้ำต้องท่วมและแห้งได้ยังต้องออกแบบให้ทีมงานทั้งนักแสดงกองถ่ายกล้องและไฟจระเข้เทียมจำนวนมากการออกแบบฉากต้องออกแบบให้ขยับเปลี่ยนพื้นที่ได้หลากหลายและดูสมจริงที่สุด
“เราเห็นตรงกันว่าอดัมเฮดเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้” คิงส์ตันกล่าว“ เขาเป็นผู้ออกแบบงานสร้างที่มีความสามารถอย่างน่าทึ่งและความคิดสร้างสรรค์ของเขามักออกมาในระดับที่ใหญ่มาก”
อดัมเคยผ่านการร่วมงานในภาพยนตร์เรื่อง The Reef กับทั้งไมเคิลและแอนดรูว์แล้วอดัมก็รู้ดีว่าเขาต้องทำอะไรอดัมเคยร่วมงานกับมืออาชีพเรื่องจระเข้อย่างสตีฟเออร์วินและเขายังเคยกำกับภาพยนตร์เรื่อง The Crocodile Hunter: Collision Course (2002) อดัมมีความสามารถที่จะทำภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเกินพอ
“ผมแอนดรูว์และทีมโปรดิวเซอร์ได้ทำการบ้านเกี่ยวกับถ้ำอย่างจริงจังจากนั้นเราก็เริ่มที่จะหาขนาดถ้ำที่เข้ากับบท” อดัมกล่าว “เราลองเริ่มด้วยสระว่ายน้ำขนาดเล็กแต่สุดท้ายมันก็ใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นสระว่ายน้ำขนาด 20 x 20 เมตรซึ่งเราสร้างถ้ำในสระว่ายน้ำซึ่งใส่น้ำได้ถึง 300ตัน”
การสร้างถ้ำเหมือนจริงในช่วงเวลาสั้นๆทีมต้องทำงานแข่งกับเวลา “คุณต้องสร้างแม่พิมพ์หินด้วยยางขนาดยักษ์และเทโฟมลงในแม่พิมพ์ซึ่งแม่พิมพ์ต้องลอกมาจากหินจริงซึ่งทีมงานได้มาจากหินในแถวคูรุมบินของรัฐควีนส์แลนด์เพื่อความสมจริง”
ผู้ควบคุมให้ความฝันกับความจริงอยู่ในงบการสร้างตกเป็นหน้าที่ของคอลลินส์ “มันเป็นการทำงานที่ออกมาน่าทึ่งมากฉากหลักเมื่อใส่น้ำท่วมดูสมจริงมากและเมื่อพอเราปรับแสงให้มืดมันช่างดูน่ากลัวจริงๆ” นักแสดงทุกคนต่างเห็นด้วย
เจสสิกาแมคนามีนักแสดงที่ไม่ใช่มือใหม่ในโลกภาพยนตร์ระทึกขวัญหลังจากได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ฉลามนักฆ่าอย่างเรื่อง The Meg เล่าถึงการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “วันที่เรามาถึงกองถ่ายวันแรกมันเหมือนกับได้เห็นโลกใหม่จากที่เราได้อ่านในบทเลยทั้งที่ยังไม่เคยเห็นภาพเลยมันเท่ห์มากฉันหมายถึงมันหนาวมากนั่นคือสิ่งที่ฉันอยากบอกด้วยน้ำสีทะมึนและน่ากลัวความคิดของคุณเล่นตลกกับความรู้สึกคุณได้ตลอดเวลาแน่นอน”
และเธอไม่ได้คิดแบบนี้คนเดียว “ครั้งนึงผมเห็นสิ่งเคลื่อนไหวมามืดในหัวผมคิดว่ามันน่าจะเป็นจระเข้เทียมที่ควบคุมระยะไกลและทีมงานกำลังทดสอบอะไรอยู่ตอนมันขยับใกล้เข้ามาผมยื่นคบเพลิงผมไปดูใกล้ๆมันเป็นแค่ส่วนตัวของจระเข้เทียมที่ทำให้ผมตกใจจนต้องร้องออกมาเลย” แอนโทนีกล่าวเสริม
เมื่อพูดถึงชิ้นส่วนจระเข้เทียมในการถ่ายทำอดัมเล่าว่า “ผมว่าการไม่บอกนักแสดงว่าฉากที่ต้องเจอมีร่างกายมนุษย์เทียมอยู่ด้วย ผมว่าเราต้องไม่ซ้อมฉากนั้นเพื่อให้นักแสดงตกใจอย่างสมจริง” และนักแสดงก็ตกใจเหมือนที่ทีมสร้างคาดไว้
การที่ต้องถ่ายกับฉากในน้ำตลอดสามสัปดาห์ครึ่งจากการถ่ายทำห้าอาทิตย์ครึ่งทำให้นักแสดงรู้สึกอยู่ในบทตลอดเวลาทรอคกี้ เล่า “มันเป็นการถ่ายทำที่ยากและท้าทายร่างกายของทุกคนเพราะการถ่ายในน้ำยากกว่ามากแม้จะเป็นฉากง่ายๆเช่นการเดินพอทุกย่างเปียกหมดคุณจะเหนื่อยมากและคุณยังต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ฝูงจระเข้จ้องทำร้ายคุณตลอดเวลาแต่ทุกวันนักแสดงทุกคนก็ยังแสดงออกมาได้เหมือนที่ผมคาดหวังไว้พวกเขาเป็นนักแสดงชั้นยอดจริงๆ”
อมาลีเล่าถึงประสบการณ์เบื้องหลังว่า “เหมือนตัวละครที่ผมเล่นพวกเราโดนบีบให้ต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าตลอดเวลาเพราะเมื่อคุณต้องเอาตัวรอดกับเหตุการณ์ที่คุณเตรียมตัวก่อนไม่ได้พอคุณอยู่ตรงนั้นทั้งเปียกทั้งมืดมันทำให้คุณรู้สึกว่าคุณอยู่ในถ้ำจริงๆและมันทำให้พวกเราทำงานง่ายขึ้นมากเลย”
ถึงการทำงานในฉากที่ทั้งเปียกทั้งมืดจะไม่ใช่เรื่องง่ายเหล่านักแสดงต้องเข้าอบรมความปลอดภัยในการดำน้ำและการสำรวจถ้ำก่อนการถ่ายทำเบนจามินผู้ที่ตัวจริงไม่เหมือนตัวละครผู้กลัวความเสี่ยงอย่างวิคเตอร์เขาเป็นนักปีนหน้าผาและปีนถ้ำตัวจริงรู้สึกสบายกับการฝึกเหล่านี้มาก “ผมพยายามทำตัวเหมือนไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ผมจะได้เรียนรู้อะไรใหม่และความตื่นเต้นของคนไม่เคยผจญภัยอะไรแบบนี้ซึ่งผมชอบมากเพราะเมื่อคุณทำอะไรบ่อยๆมันจะกลายเป็นสัญชาตญาณมากกว่าความสนุกทั้งการอยู่ใต้น้ำหรือการใต่เชือก
ลูคมิตเชลล์นักแสดงออสที่ปักหลักอยู่อเมริกาสนใจร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะตัวผู้กำกับคนเดียวโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับทรอคกี้ และได้กลับบ้านเกิดไม่ใช่โอกาสที่จะผ่านมาบ่อยๆ “ผมชอบที่เขาอยากทำภาพยนตร์ที่เรียบง่ายทั้งการจัดแสงจริงซึ่งมันทำให้นักแสดงสามารถทำงานได้ง่ายขึ้นแม้จะต้องทำงานในน้ำที่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆการใช้จระเข้จริงก็เหมือนกันแต่พวกเราไม่ได้แสดงใกล้พวกมันหรอกนะองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้นจริงๆ”
เอกลักษณ์ของผู้กำกับทรอคกี้ คือการใช้สัตว์จริงในภาพยนตร์แม้ว่าซีจีไอจะทำอะไรได้เยอะขึ้นในยุคนี้แต่มันไม่มีอะไรเหมือนของจริงหรอกแอนดรูว์อธิบายต่อ “การตัดสินใจใช้จระเข้จริงทำให้ภาพยนตร์สมจริงมากไม่ว่าเรื่องราวจะดูเกินจริงแค่ไหนแต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้เราเชื่อได้และผมว่ายิ่งใช้ความจริงในการเล่าเรื่องเท่าไหร่หนังก็ยิ่งพาคนดูไปได้ไกลเท่านั้น”
และมันก็คือเรื่องจริงจระเข้ความยาว 15 ฟุตใช้ในการเข้าฉากภาพยนตร์เรื่องนี้ดูแลโดยนักสัตววิทยามืออาชีพและมันอาศัยอยู่ในสระหลังบ้านเขาเองด้วย
“แม้การถ่ายทำเรื่องนี้จะจัดการง่ายกว่าภาคแรกแต่การทำงานกับสัตว์เป็นเรื่องใหญ่เสมอเพราะเราต้องเข้าใจว่ามันเป็นสัตว์ป่าและจะไม่ทำตามสั่งง่ายๆเราจึงต้องใจเย็นรอและด้วยเนื้อเรื่องที่ส่วนใหญ่เกิดตอนกลางคืนเราจึงต้องถ่ายกันตอนกลางคืนมันเป็นเรื่องที่บ้าบอมากแต่ผมดีใจที่เราตัดสินใจใช้จระเข้จริงเพราะมันทำให้หนังเราสมจริงไม่เหมือนใคร”
โปรดิวเซอร์คอลลินสรุปให้ว่า “เราใช้จระเข้เทียมเพื่อเข้าฉากกับนักแสดงเพื่อให้พวกเขารอดชีวิตหลังจากการเข้าฉากและเราเอาจระเข้จริงไปแทนตัวปลอมในช่วงตัดต่อ”
ทีมงานของอดัมได้สร้างจระเข้เทียมออกมาหลากหลายแบบทั้งจระเข้เด็กและจระเข้ในท่าทางต่างๆรวมถึงบางตัวที่ขยับได้ทำให้มันตีน้ำเหมือนจระเข้จริงๆได้
ผู้กำกับทรอคกี้กล่าวว่า “การใช้จระเข้จริงมันทำให้ความสมจริงและความน่ากลัวชัดเจนมากไม่ว่าซีจีจะดีแค่ไหนมันไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าจระเข้จริงหรอก”
“ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เอาอารมณ์ความระทึกแบบออสเตรเลียเข้ามาใส่ในภาพยนตร์แนวสยองขวัญได้ดีทั้งการใช้สถานที่ถ่ายทำท้องถิ่นและสัตว์ท้องถิ่นตัวจริงนการถ่ายทำ” คิงสตันเล่าให้ฟังเมื่อเราถามถึงประสบการณ์จากการถ่ายทำ “มันเป็นหนังที่เราตั้งใจไว้สูงและเราก็พอใจที่มันออกมาให้ทุกคนสนุกกันได้อย่างเต็มที่”
ตัวละคร
เจนนิเฟอร์ (รับบทโดยเจสสิกาแมคนามี Jessica McNamee)
เจนนิเฟอร์สาวผู้รักครอบครัวและหัวโบราณการเป็นพยาบาลห้องฉุกเฉินทำให้เธอชอบความรวดเร็วและความคาดเดาไม่ได้ของงานเธอพบกับเอริคระหว่างกำลังปีนเขาและตกหลุมรักเขาทันทีเธอเทุ่มเทกับเอริคมากถึงขนาดย้ายตามมาที่ซิดนีย์แต่ก็ทำไปเพราะเธอรู้ว่านี่คือผู้ชายที่เธออยากแต่งงานด้วยเธอเป็นคนซื่อสัตย์รักสนุกและเอาตัวรอดเก่งในยามวิกฤต
เอริค (รับบทโดยลูคมิตเชลล์ Luke Mitchell)
หนุ่มผู้รักการผจญภัยและความตื่นเต้นเอริคทำงานเป็นนักลงทุนซึ่งเขาเล่นกับความเสี่ยงด้วยเงินของคนอื่นพ่อแม่ของเขาหย่ากันเมื่อเขายังเด็กและทั้งคู่แต่งงานใหม่ซึ่งมีส่วนทำให้เอริครู้สึกไม่มั่นคงทางอารมณ์และรู้สึกโดดเดี่ยวเขามักจะมองหาความตื่นเต้นใหม่ๆเพื่อชดเชยความรู้สึกที่ไม่มีใครรักเขาเป็นคนกล้าหาญตรงไปตรงมาและเป็นผู้นำ
วิคเตอร์ (รับบทโดยเบนจามินโฮอตีสBenjamin Hoetjes)
วิคเตอร์นักเขียนเรื่องการท่องเที่ยวกับงานน่าเบื่อเพราะวิคเตอร์ไม่ชอบเที่ยวเขาอยากออกมาขียนนวนิยายและเริ่มต้นครอบครัวกับโยลันดาวิคเตอร์มีอารมณ์ขันและอารมณ์ฉุนเฉียวแบบชาวออสเตรเลียแท้ๆแต่เขาเป็นนักเล่าเรื่องที่ดีและถึงแม้เขาจะขี้บ่นเขาก็ชอบไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆ
โยลันดา (รับบทโดยอมาลีโกลเดนAmali Golden)
ครูมัธยมอย่างโยลันดามีชีวิตอยู่เพื่อรอคอยวันหยุดวันที่เธอสามารถสำรวจสถานที่ใหม่ๆเธอเหมือนเป็นเอริคภาคผู้หญิงทั้งสองหัวเราะเรื่องเดียวกันและชอบอะไรเหมือนๆกันเธอแอบชอบเจนนิเฟอร์แต่เธอก็คิดว่าคงไม่เริ่มอะไร
แคช (รับบทโดยแอนโทนีชาร์ปี)
หนุ่มผู้รักการเล่นกระดานโต้คลื่นและการแสวงหาความตื่นเต้นแบบสุดขั้วเขาเป็นคนที่มักจะมองหาการผจญภัยครั้งใหญ่หรือวิธีหาเงินใหม่ๆอย่างเช่นการนำเที่ยวถ้ำที่ไม่เคยมีใครสำรวจโอกาสที่เขาจะได้ทำทั้งสองอย่างเขาเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์แต่จะเอาแน่เอานอนไม่ได้และแคชรู้จักเอริคมานานเขายังไม่พร้อมที่จะปักหลักตัวเองเป็นหลักแหล่งแต่เขาวาดฝันไว้ว่าจะหาแฟนสาวสักคนทันทีที่เขาเก็บเงินได้ล้านเหรียญแรก
ประวัติของนักแสดง
เจสสิกาแมคนามีรับบทเป็นเจนนิเฟอร์
เจสสิกาแมคนามีเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ฮอลีวูดต้องการตัวที่สุดล่าสุดเธอได้ร่วมแสดงกับหนังสยองขวัญของค่าย Warner Bros. ‘The Meg’ นำแสดงโดยเจสันสเตธแธมและรูบี้โรสก่อนหน้านี้เธอได้ร่วมแสดงใน Battle of the Sexes พร้อมกับนักแสดงแถวหน้าอย่าง Emma Stone และ Steve Carell เจสสิกาได้รับบทนักเทนนิสชื่อดัง Margaret Court ซึ่งเคยเป็นนักเทนนิสอันดับ 1 เจสสิกายังแสดงประกบ Michael Pena และ Dax Shepherd ใน Comedy Chips ของค่าย Warner Bros. ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆของเธอได้แก่ The Neighbor ของ Aaron Harvey และ William Fichtner และ Screen Gems ’The Vow นำแสดงโดย Rachel McAdams และ Channing Tatum ในด้านโทรทัศน์เธอมีร่วมแสดงในซีรีย์ตลกเรื่อง Sirens ที่สร้างโดย Dennis Leary
เจสสิกาเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในภาพยนตร์ชุดเรื่อง Packed to the Rafters ในบท Sammy Rafter นอกจากนี้เธอยังปรากฏตัวในซีรีย์ Home and Away กว่า 30 ตอน
ลูคมิตเชลล์รับบทเป็นเอริค
ลูคมิตเชลล์รับบทนำในซีรีส์เรื่องใหม่ทาง CBS เรื่อง The Code ประกบ Dana Delaney ลูค แสดงในซีรีส์ดัง Blindspot ซีรีส์ยอดฮิตของ NBC และก่อนหน้านั้นในฐานะที่เป็นคู่รักของ Chloe Bennett ใน Marvels Agents of Shield ของ ABC เขาแสดงในภาพยนตร์อินดี้เรื่อง Mothers and Daughters กับ Christina Ricci, Courtney Cox, Sharon Stone, Susan Sarandon และ Mira Sorvino และก่อนหน้านั้นเขาร่วมแสดงในซีรีย์ดรามาเรื่อง The Tomorrow People for Greg Berlanti และยังแสดงในภาพยนตร์อินดี้ของ Seven Martin, Seven Minutes คู่กับLeven Rambin และ Jason Ritter
หลังจากการเริ่มต้นที่น่าประทับใจของเขาในอุตสาหกรรมโทรทัศน์ของออสเตรเลียที่แสดงนำในซีรีส์ฮิต H20 มิตเชลล์ ก็ย้ายไปที่ซิดนีย์เพื่อเข้าร่วมทีมนักแสดงหลักของ Home and Away ในบทโรมิโอสมิธซึ่งเขาได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ชายจากเวที Logie ในปี 2010
อมาลีโกลเดนรับบทเป็นโยลันดา
ก่อนจะเข้าสู่วงการการแสดงอมาลีโด่งดังจากรายการ Australian Idol และมีเพลงฮิตหลายเพลงเธอยังสร้างชื่ออีกครั้งด้วยการเข้ารอบสุดท้ายของรายการX Factor อมาลีถ่ายทำภาพยนตร์ของค่าย Paramount เรื่องMonster Problems (2019) คู่ Dylan O’Brien เมื่อเร็วๆนี้อมาลีได้แสดงในซีรีส์เรื่องBloom (2019) กับ Jacqui Weaver, Phoebe Tonkin และ Ryan Corr และรับบทแขกรับเชิญในซีซั่นที่ 2 ของช่อง ABC เรื่อง International Harrow (2019) Amali รับบทเป็น ‘Amy Ward’ ในมินิซีรีส์ Stab ดั้งเดิม 6 ตอนมินิซีรีส์ The Other Guy (2019) ซึ่งเธอทำหน้าที่เขียนและร้องเพลงประกอบซีรีส์ด้วย
นอกจานี้เธอยังได้ร่วมงานใน Thor: Ragnarok (2017) และรับบท Felicity Cox ในซีรีส์ชื่อดังอย่าง Home and Away (2017)
เบนจามินโฮอตีสรับบทเป็นวิคเตอร์
เบนจามินได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะที่เป็นคนคุ้นเคยบนหน้าจอของเราพร้อมกับบทบาทในการผลิตที่หลากหลายเขาได้ปรากฏตัวในซีรีส์ที่ชนะสองรางวัลสำหรับ ABC ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา – Mystery Road ควบคู่กับ Aaron Pederson และ Judy Davis และ The Code กับ Dan Spielman, Anthony LaPaglia และ Ashley Zukerman และยังมีรางวัลอื่นๆ อีกมากมายรวมถึงละครที่ได้รับรางวัลของ Saul Dibb NW จากนวนิยายของ Zadie Smith, Knightfall มหากาพย์ทางประวัติศาสตร์ของ A&E Studios, The Home and Away, ซีรีส์ออสเตรเลียเรื่อง The Doctor Blake Mysteries และ The Time of Our Lives และภาพยนตร์สารคดีกำกับการแสดงโดย 10×10, Suzi Ewing กับ Luke Evans และ Kelly Reilly และ Felony นำแสดงโดย Jai Courtney และ Joel Edgerton บนเวทีเบนจามินแสดงที่ MTC, Malthouse และ Ensemble ทั้งในบทละครและละครเวที
แอนโทนีเจชาร์ปีรับบทเป็นแคช
แอนโทนี่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในบทบาท Cecyl ‘Cec’ Yates ในภาพยนตร์ลึกลับMiss Fisher’s Murder Mysteries ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้ง 3 ซีซั่นเขากลับมารับบท Cec ในภาพยนตร์ Miss Fisher and The Crypt of Tears เครดิตอื่นๆของ Anthony ได้แก่ซีรีส์ดังอย่าง Wentworth, Murder, Snappers, Wiped, City Homicide, Neighbor และ Blue Heelers Films The Orchard, Robert The Bruce และ Mutt รวมถึงหนังสั้นอีกหลายเรื่องแอนโทนี่ยังเป็นนักดนตรี / นักร้องมากความสามารถที่มีงานแสดงทั่วประเทศ
ประวัติของทีมงานหลัก
โรเบิร์ตสลาเวียโรROBERT SLAVIERO –ผู้อำนวยการสร้าง
โรเบิร์ตเป็นอยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ด้วยมากว่า41 ปีทั้งด้านการจัดจำหน่ายและการผลิตภาพยนตร์โรเบิร์ตตั้งบริษัทของเขาเองในปี 2016 (Graffiti Productions Pty.Ltd) เพื่อการผลิตภาพยนตร์และงานสร้างสำหรับออกอากาศทางทีวีเขาเป็นผู้อำนวยการสร้างเรื่อง Storm Boy ของ Ambience Entertainment, 100% Wolf กับ Flying Bark Productions และล่าสุดกับภาพยนตร์เรื่อง Black Water: Abyss และอีกเรื่อง Great White Shark ยังอยู่ในการเตรียมงานสร้างกับ Prodigy Films โรเบิร์ตเป็นผู้ดูแลสิทธิ์จัดจำหน่ายของภาพยนตร์ออสเตรเลียชื่อดัง Don’t Tell ในปี 2017
โรเบิร์ตได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฝ่ายขายของบริษัท Umbrella Entertainment ปี 2018
ในปี 2019 โรเบิร์ตเปิดตัวภาพยนตร์ R&R บริษัทจัดจำหน่ายโดยความร่วมมือกับ Richard Becker
ไมเคิลโรเบิร์ตสันMICHAEL ROBERTSON –โปรดิวเซอร์
ไมเคิลเป็นที่รู้จักในการสร้างภาพยนตร์แนวใหม่และน่าตื่นเต้นรวมถึง Black Water, Road Train, The Reef และ The Pack ไมเคิลเป็นสมาชิกของ ACE-Producers ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ผลิตในเมือง Amsterdam และเชี่ยวชาญในการจัดหาเงินทุนสำหรับภาพยนตร์ทางเลือก
นีลคิงสตันNEAL KINGSTON –โปรดิวเซอร์
นีลเป็นผู้อำนวยการสร้างซีรีส์ทางโทรทัศน์ที่ออกอากาศยาวที่สุดของออสเตรเลียเรื่อง Neighbours ที่ผลิตออกมามากกว่า 800 ตอนนอกจากนี้เขายังผลิตภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Nerve ซึ่งฉายรอบปฐมทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติซิดนีย์ปี 2013 และเป็นผู้อำนวยการสร้างเรื่อง McLeod’s Daughters ปัจจุบันนีลกำลังพัฒนาทีวีซีรีส์และภาพยนตร์สารคดีอีกหลายเรื่อง
แพมคอลลินส์ PAM COLLIS –โปรดิวเซอร์
แพมได้ทำงานร่วมกับ Chris Brown และ Chris Fitchett (Pictures in Paradise) ในภาพยนตร์เรื่อง The Proposition ซึ่งได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของออสเตรเลียในปี 2005 บนเวที IF Awards เธอผลิตภาพยนตร์มากกว่าหกเรื่องและชื่นชอบภาพยนตร์แนวนี้มาก
แอนดรูทรอคกี้Andrew TRAUCKI –ผู้กำกับ
ในปี 2008 แอนดรูว์เขียนและกำกับภาพยนตร์เรื่อง Black Water และเรื่อง The Reef ในปี 2010 The Reef ได้ฉายใน 105 ประเทศและมักถูกรวมอยู่ในลิสต์ของนักวิจารณ์ในฐานะหนังฉลามที่ดีที่สุดในปี 2013 เขากำกับภาพยนตร์เรื่องที่สามของเขาเรื่อง The Jungle ความสำเร็จระดับนานาชาติหนังสัตว์อันตรายทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการกำกับภาพยนตร์เรื่อง Black Water: Abyss
เดเมี่ยนบีบDAMIEN BEEBE –ผู้กำกับภาพ
ดาเมียนทำงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์มานานกว่า 27 ปีความรักในภาพยนตร์ของเขาเริ่มตั้งแต่งานตัดต่อจนถึงการเล่าเรื่องก่อนที่จะหันมาสนใจในการเป็นผู้กำกับภาพ
เดเมี่ยนเป็นผู้กำกับภาพที่ได้รับการยอมรับในการผลิตภาพยนตร์มากกว่า 30 เรื่องรวมทั้งทำหน้าที่ตากล้องในภาพยนตร์บล็อคบัสเตอร์ Edge of Tomorrow, 13 Hours, Rendition, Into The Woods, Nine และ Mary Poppins Returns
เอียนจอนไรลีย์ Ian John Ridley –เขียนบท
นักเขียนบทมือรางวัลพร้อมรับเครดิตการเขียนบททางโทรทัศน์มากมายเขาได้เขียนละครทางช่องเคเบิลของออสเตรเลียมากมายรวมถึงซีรี่ส์รางวัลเอมมีอย่าง Wanted, Rush, Sea Patrol, Rescue Special Ops Wild Boys, Bite Club, A Place To Call Home และ Nowhere Boys
ในปี 2012เขาร่วมเขียนบทภาพยนตร์โทรทัศน์ให้กับช่อง BBC Worldwide เรื่อง Dripping in Chocolate เขาเขียนบทซีรีส์ Wentworth ของ Foxtel / Netflix มากกว่า 20 ตอนซึ่งได้รับเลือกไปดัดแปลงไปทำใหม่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของจีน iQIYI และเป็นผู้ร่วมสร้างและนักเขียนบทละครช่อง SBS เรื่อง Hungry Ghosts I Am The Thunder และ The Girl Beneath หนึ่งในบทภาพยนตร์ของจอห์นที่ถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมการแข่งขันสคริปต์ LA Gateway อันทรงเกียรติและเรื่อง I Am The Thunder ได้รับเลือกเข้าAussie List
ซาราห์สมิธ SARAH SMITH –เขียนบท
ซาราห์สมิธเป็นหนึ่งในนักเขียนและนักแสดงละครที่มีประสบการณ์และเป็นที่ต้องการมากที่สุดของออสเตรเลียเธอเป็นผู้อำนวยการสร้างผู้ร่วมสร้างและนักเขียนของซีรีส์ Bite Club และเป็นผู้อำนวยการสร้างซีรี่ส์ Bloom ผลงานเขียนของเธอยังรวมไปถึงมินิซีรีส์สี่ชั่วโมง House of Bond และผู้เขียนร่วมของภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง The Killing Field ซึ่งนำไปสู่มินิซีรีส์Winterซึ่งเธอทั้งเป็นคนเขียนบทและโปรดิวซ์
ซาราห์ร่วมสร้างและเป็นเขียนบทในซีรีส์ดราม่า Wild Boys รวมถึง Rescue Special Ops gTvและได้รับรางวัลเหรียญทองที่ The New York Festival TV and Film Awards เธอร่วมเขียนและผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ Dripping in Chocolate ให้กับ BBC Worldwide ผลงานเขียนอื่นๆได้แก่ Wanted, The Alice, All Saints, McLeod’s Daughters, Canal Road, Sea Patrol, Wonderland และ Love Child
ซาราห์ร่วมเขียนภาพยนตร์เรื่อง Nerve และเป็นผู้ร่วมเขียนและอำนวยการสร้างภาพยนตร์ระทึกขวัญ The Girl Beneath และ Black Water: Abyss ในปี 2002 ซาราห์ได้รับรางวัล AWGIE จากภาพยนตร์สั้นเรื่อง Calling Gerry Molloy
อดัมเฮด ADAM HEAD –ออกแบบฉาก
อดัมเฮดเรียนอนิเมชั่นและภาพยนตร์ที่ Queensland College of Art เริ่มอาชีพของเขาในวงการภาพยนตร์ในฐานะคนวาดสตอรี่บอร์ดและศิลปินผู้ออกแบบคอนเซ็ปต์อดัมเติบโตในแผนกออกแบบงานศิลป์ใอย่างรวดเร็ว
อดัมมีชื่อในฐานะผู้กำกับศิลป์จากภาพยนตร์เรื่อง Paperback Hero นำแสดงโดย Hugh Jackman ในบทบาทแรกของเขาในวงการตั้งแต่นั้นมาอดัมมีงานกำกับศิลป์และออกแบบภาพยนตร์หลายเรื่องตั้งแต่บอลลีวูดไปจนถึง WWE Horror ภาพยนตร์ออสเตรเลียอย่าง The Reef รวมถึงทีวีซีรีส์เรื่อง Wayne Manifesto และ K9 – Doctor Who
ในปี 1996 อดัมก่อตั้ง Heads Up Film Services ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างและสร้างอุปกรณ์ประกอบฉากและ Heads Up Film Services ได้กลายเป็นบริษัทที่ทุกคนถามหาเมื่อพูดถึงอุปกรณ์ประกอบฉาก Adam Head และ Heads Up Film Services สามารถนำความคิดอะไรก็ได้และทำให้มันกลายเป็นงานศิลปะ .
โมนิกาโอไบรอันMONICA O’BRIEN – ออกแบบเครื่องแต่งกาย
โมนิกาโอไบรอันทำงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ของออสเตรเลียมานานกว่าสามสิบปีแล้วเธอเริ่มอาชีพของเธอในเมืองเมลเบิร์นรัฐวิคตอเรียและย้ายไปอยู่ที่รัฐควีนส์แลนด์ในช่วงกลางปี2000 โมนิกา มีประสบการณ์หลากหลายตั้งแต่ภาพยนตร์ไปจนถึงโทรทัศน์ผลงานล่าสุดได้แก่ SBS The Family Lawและ Homecoming Queens รวมถึง Blue Water Empire.
นาตาลีสแตนฟีล NATALIE STANFIELD –ออกแบบทรงผมและแต่งหน้า
นาตาลีสแตนฟีลเป็นช่างผมและช่างแต่งหน้ามืออาชีพและมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปีในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และความงามผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคพิเศษสีทาร่างกายและงานออกแบบศิลป์งานของนาตาลีพบได้ตั้งแต่ในภาพยนตร์โทรทัศน์มิวสิควิดีโอสิ่งพิมพ์และแคมเปญดิจิทัลเธอพร้อมที่จะทำให้ทุกคนดูดีบนจอ
ผลงานล่าสุดได้แก่ Black Water: Abyss, Reef Beak, Thor-Ragnarok, Pirates of the Caribbean 5, San Andreas, Unbroken









