#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/545048

สยามไบโอไซเอนซ์ โรงงานยาของไทยจะผลิตวัคซีนโควิด : อาทร จันทวิมล
วันพุธ ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2564, 11.37 น.
ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดโควิด ซึ่งอาจเปรียบเสมือนพายุร้ายที่พัดกระหน่ำตลอดคืนข้างแรมอันมืดมิด ได้ปรากฏแสงดาวสุกใสดวงหนึ่งในหัวใจของคนไทย คือ การที่หน่วยงานของประเทศไทยสามารถผลิตชุดตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิดจากสารพันธุกรรม (RT-PCR) และกำลังจะผลิตวัคซีนป้องกันโควิดที่มีคุณภาพมาตรฐานโลกได้แล้ว โดยบริษัท “สยามไบโอไซเอนซ์ (SiambioSciences)”

เมื่อ พ.ศ.2563 นายกรัฐมนตรีไทยได้มอบชุดตรวจโควิด-19 แบบ Real-time RT-PCR (Reverse Transcription Polymerese Chain Reaction) ให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประสงค์จะขอรับ เช่น เมียนมา และสิงคโปร์ ประเทศละ 10,000 ชุด เพื่อใช้ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จากสารพันธุกรรม โดยสามารถตรวจหาเชื้อได้ในระยะแรกของโรคด้วยการเก็บตัวอย่างจากการป้ายเยื่อบุในคอหรือเนื้อเยื่อหลังโพรงจมูกส่งมาตรวจที่ห้องปฏิบัติการ แล้วสามารถทราบผลภายใน 3-5 ชั่วโมง โดยมีต้นทุนในการตรวจครั้งละประมาณ 3,000 บาท ชุดตรวจดังกล่าวสามารถผลิตขึ้นในประเทศไทยโดยผ่านการตรวจสอบแล้วว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากลและองค์การอนามัยโลก จากการร่วมมือการวิจัยและพัฒนาของ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์
บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นบริษัทผลิตยาชีววัตถุแห่งแรกของประเทศไทย ที่ตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2552 จากพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือหุ้น 100% ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท มี พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง เป็นประธานกรรมการ นายอภิพร ภาษวัธน์ เป็นประธานกรรมการบริหาร และ ดร.ทรงพล ดีจงกิจ เป็นกรรมการผู้จัดการ ทำงานโดยคนไทยทั้งหมด
.jpg)
มีโรงงานอยู่ที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ทำการวิจัย พัฒนา ผลิตยา เครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆครบวงจร ตั้งแต่ตัวยาสำคัญและสารออกฤทธิ์ จนถึง ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น ชุดตรวจโควิดด้วยวิธี RT-PCR ยาชีววัตถุ (Biopharmaceuticals) ที่สกัดสารสำคัญจากเชื้อแบคทีเรียมาเป็นยาโดยเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง (Advanced Bioprocess Technology) ยาฆ่าเซลล์มะเร็งแบบเฉพาะเจาะจง (Target therapy) ซึ่งให้ผลข้างเคียงน้อยกว่ายาเคมีบำบัดที่จะฆ่าทั้งเซลล์ดีและเซลล์ร้ายในร่างกาย ยาแก้ปวดชนิดเฉียบพลันรุนแรง ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดงสำหรับผู้ป่วยโรคไตวายระยะสุดท้าย (erythropoietin หรือ EPO) ยาเพิ่มเม็ดเลือดขาวให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ (filgrastim หรือ G-CSF) ยารักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม มะเร็งสมอง โรคแพ้ภูมิตนเอง โรคโลหิตจาง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคสะเก็ดเงิน ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดงสำหรับสัตว์ที่เป็นโรคไต และจะผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยโรงงานสยามไบโอไซแอนซ์จะมีความสามารถในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้ 200 ล้านโดสต่อปี ซึ่งจะใช้ในประเทศไทยเพียง 26 ล้านโดสสำหรับประชาชน 13 ล้านคน ส่วนที่เหลือจะส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งมีประชากรกว่า 650 ล้านคน โดยจะส่งมอบวัคซีนชุดแรกได้ ในเดือนพฤษภาคม 2564

เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2563 กระทรวงสาธารณสุข สยามไบโอไซเอนซ์ เอสซีจี และแอสตร้าเซนเนก้า ได้ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ในการผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 AZD1222 โดย แอสตร้าเซนเนก้าจะถ่ายทอดเทคโนโลยีและร่วมมือกับสยามไบโอไซเอนซ์ ในการติดตั้งกระบวนการผลิตโดยมีเป้าหมายเริ่มจัดสรรวัคซีนสำหรับประชาชนชาวไทยได้ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564
วัคซีนป้องกันโควิด ของบริษัทแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ทำมาจากไวรัสไข้หวัดทั่วไป (หรือที่รู้จักกันในชื่อ อะดีโนไวรัส – adenovirus) โดยได้นำเชื้อมาจาก “ลิงชิมแปนซี” แล้วไปดัดแปลงพันธุกรรม เพื่อที่เชื้อไวรัสนี้จะได้ไม่สามารถขยายตัวในมนุษย์ จากนั้น จะนำยีนที่ได้จากปุ่มโปรตีนของเชื้อไวรัสโคโรนา ไปใส่ในไวรัสไข้หวัดที่อ่อนแอและไม่เป็นอันตราย วัคซีนที่ได้จะถูกนำไปฉีดให้กับมนุษย์แล้วเซลล์ในร่างกายมนุษย์จะสร้างปุ่มโปรตีนขึ้น เป็นการกระตุ้นให้ร่างกาย สร้างแอนติบอดี หรือภูมิคุ้มกัน และกระตุ้นให้ ที-เซลล์ ทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อ

ในขณะเดียวกัน หน่วยงานอื่นๆ ในประเทศไทยก็ได้พยายามพัฒนาวัคซีนป้องกัน และยารักษาโควิด สูตรต่างๆอย่างเร่งรีบ เช่น บริษัทใบยา โฟโต้ฟาร์ม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลศิริราชไบโอเนทเอเชีย องค์การเภสัชกรรมและบริษัทในเครือซีพี เจริญโภคภัณฑ์
ผลงานของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์และหน่วยงานของไทยอื่นๆ ในการผลิตวัคซีนยารักษา และชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 นี้ เป็นคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อประเทศไทย เพื่อป้องกันรักษา ช่วยชีวิตคนไทยจากไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้คนทั่วโลกติดเชื้อไปแล้วกว่า 80 ล้านคน และสร้างชื่อเสียงของประเทศไทยให้ก้าวไปสู่หนึ่งในผู้นำทางเภสัชกรรมและการแพทย์ระดับโลก