#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
https://www.posttoday.com/world/682995
วันที่ 13 พ.ค. 2565 เวลา 19:00 น.
นักวิเคราะห์หวั่นความไม่เสถียรของ Stablecoin ซ้ำรอย Lehman Brothers
Business Insider รายงานโดยอ้างคำพูดของมาร์คัส โซติริอู นักวิเคราะห์จาก GlobalBlock Digital Asset ซึ่งกล่าวว่าราคาที่ร่วงลงของ USDT สกุลเงินดิจิทัลแบบ Stablecoin อาจเป็นช่วงเวลา “Lehman Brothers” ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
“ความไม่เสถียรของเหรียญ Stablecoin ต่างๆ อาจเป็นตัวแทนของช่วงเวลา Lehman Brothers ของคริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในตลาดสกุลเงินดิจิทัล” เขากล่าวหลังจากที่ราคา USDT เริ่มเบี่ยงเบนไปจากราคาที่ตรึงไว้ที่ 1 เหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ การล้มละลายของ Lehman Brothers วาณิชธนกิจระดับโลกจากสหรัฐเป็นชนวนให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2008
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว CNBC รายงานว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซีอีโอของบริษัท Berkshire Hathaway วิพากษ์วิจารณ์ Bitcoin โดยกล่าวว่าหากจะยก Bitcoin หมดทั้งโลกให้เขาในราคาเพียง 25 เหรียญสหรัฐ เขาก็ไม่เอา โดยบอกว่า “สิ่งที่ผมค่อนข้างแน่ใจคือมันไม่ได้ผลิตอะไรขึ้นมาเลย”
บัฟเฟตต์กล่าวว่า “ถ้าคุณบอกว่าจะยกผลประโยชน์ 1% ในพื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาในราคา 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ผมจะเขียนเช็คให้คุณบ่ายวันนี้ ถ้าเสนอขายอพาร์ตเมนต์ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาด้วยเงินจำนวนเท่ากัน ผมก็จะเขียนเช็คให้ทันทีเลย … แต่ถ้าคุณบอกว่าคุณเป็นเจ้าของ Bitcoin ทั้งหมดในโลก และเสนอให้ผมในราคาแค่ 25 เหรียญสหรัฐ ผมก็ไม่เอา” โดยชี้ว่า Bitcoin ไม่มีผลผลิตที่จับต้องได้ ยกตัวอย่างอพาร์ตเมนต์ยังสามารถผลิตค่าเช่า
ในเดือนม.ค. Financial Conduct Authority (FCA) ของอังกฤษเตือนว่า “การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมาพร้อมกับความเสี่ยงสูง หากต้องการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้นักลงทุนต้องพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจสูญเงินทั้งหมด”
ซูซานนาห์ สตรีเตอร์ นักวิเคราะห์อาวุโสด้านการลงทุนและการตลาดชองบริษัท Hargreaves Lansdown อธิบายความเสี่ยงดังกล่าวกับ i news ว่า “นอกเหนือจากความผันผวนอย่างมากแล้ว คริปโตเคอร์เรนซีส่วนใหญ่ไม่ได้รับการควบคุม ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความไม่แน่นอนของราคาแล้วนักลงทุนไม่ได้รับการป้องกันการฉ้อโกงด้วย”
Business Today รายงานโดยอ้างคำพูดของซูบาช จันทรา การ์ค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดีย กล่าวว่าไม่มีวิธีการที่แท้จริงในการวัดมูลค่าจริงๆ ของคริปโตเคอร์เรนซี ดังนั้น ราคาของมันถูกกำหนดขึ้นตามอุปสงค์และอุปทานในช่วงเวลานั้นๆ ผู้คนซื้อโดยที่ไม่รู้และไม่เข้าใจมันจริงๆ สิ่งนี้ถูกขับเคลื่อนโดยสภาพคล่อง
การ์คกล่าวต่อว่า เมื่อมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนตระหนักว่าไม่มีสภาพคล่องมากพอที่จะซื้อสินทรัพย์ และมีแรงกดดันในการขาย ซึ่งเป็นเหตุให้ราคาของคริปโตร่วงลงในขณะนี้ กล่าวคือมูลค่าของคริปโตขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนอีกส่วนหนึ่งยังคงเชื่อมั่นในการเติบโตในระยะยาวของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
รวมถึง ไบรอัน อาร์มสตรอง ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Coinbase ซึ่งคาดการณ์ว่าจำนวนคนที่เข้ามาอยู่ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอีก10 ถึง 20 ปีข้างหน้า โดยเชื่อว่าอาจถึง 1 พันล้านคน หรือมากขึ้นถึง 5 เท่าจากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่กว่า 220 ล้านคน
Photo by JUSTIN TALLIS/AFP