#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/681508

การดื้อยาต้านจุลชีพ หายนะร้ายใกล้ตัว ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข
วันพฤหัสบดี ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2565, 06.00 น.
การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นทำให้ปัญหาเชื้อดื้อต่อยาต้านจุลชีพทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจในระดับโลก ปัญหาเชื้อดื้อยาเป็นปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกับทั้งการใช้ยาในคนในสัตว์ และสิ่งแวดล้อมการแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาอย่างมีประสิทธิผลจึงควรเกิดจากความร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งด้วยการบูรณาการภายใต้แนวคิด “สุขภาพหนึ่งเดียว”
นายแพทย์เรืองวิทย์ ธรรมอารี ผู้จัดการอาวุโส แผนกการแพทย์ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในการอภิปรายหัวข้อ “Combating a Silent Pandemic : Antimicrobial Resistance”ระหว่างงานประชุม SEAOHUN 2022 International Conference ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี ว่า
“การดื้อยาต้านจุลชีพเป็นปัญหาที่สำคัญที่ส่งผลต่อระบบสาธารณสุขและระบบเศรษฐกิจโลก โดยตัวเลขจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ชี้ให้เห็นว่าหากปราศจากการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพอย่างทันท่วงทีแล้ว ในระหว่างปี พ.ศ. 2558-2593 จะมีผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์เชื้อดื้อยาในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย รวมกันสูงถึง 2.4 ล้านคน ซึ่งหากมองปัญหาในเชิงลึกจะพบว่า สถานการณ์โรคระบาดไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน หรือแม้แต่ในอนาคตล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ ดังจะเห็นได้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มากมายได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะโดยประมาณ 50% ของผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราร่วม ซึ่งในจำนวนนี้บางส่วนก็ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ”
“การควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสม (Antimicrobial Stewardship) คือการบูรณาการเวชปฏิบัติเพื่อให้เกิดการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผลเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี การจัดการอย่างมีประสิทธิภาพโดยทีมสหสาขาวิชาชีพที่ต้องคำนึงถึงทั้งชนิดของยา ขนาดยา และระยะเวลาในการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมกับผู้ป่วยและโรคที่เป็นจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนการจัดการกับปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพในคนจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการหลากหลายกระบวนการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการด้านการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ การวินิจฉัย การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล การควบคุมโรค รวมทั้งการใช้วัคซีนในการป้องกันโรค การลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ไขปัญหาเชื้อดื้อยาได้อย่างยั่งยืน องค์การอนามัยโลก และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา คาดว่าหากสามารถดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวได้ก็จะสามารถช่วยชีวิตคนได้กว่า 1.6 ล้านคน ภายในปี 2593 ซึ่งคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี” นายแพทย์เรืองวิทย์กล่าวสรุป