#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/707315

แหวกฟ้าหาฝัน : เยือนหอศิลป์สิงคโปร์
วันอาทิตย์ ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.
นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบงานศิลปะและมีโอกาสมาเยือนสิงคโปร์ สถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่ควรมาให้ได้ก็คือ National Gallery Singapore หอศิลป์แห่งนี้อยู่ในจุดที่เข้าถึงได้ไม่ยากจากสนามบิน เพราะอยู่ตรงตำแหน่งจอดรถของ MRT สายสีเขียวที่ป้าย City Hall อันเป็นจุดเชื่อมสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเปลี่ยนจากรถสายสีเขียวไปสายสีแดงที่จะไป orchard ถนนช้อปปิ้งโดยเฉพาะของ brand name ที่สำคัญที่สุดของเมือง
National Gallery Singapore หรือที่คนสิงคโปร์เรียกว่า National Gallery นี้เป็นสถาบันและเป็นหอศิลป์ที่อุทิศให้กับศิลปะและวัฒนธรรมของชาติ หอศิลป์ที่ได้ชื่อว่าเป็นหอศิลป์ที่จัดแสดงผลงานพื้นเมืองของชาวตะวันออกที่ใหญ่ที่สุดโดยเฉพาะชาวตะวันออกเฉียงใต้นี้มีของจัดแสดงมากถึง 9 พันชิ้น เป้าหมายในการจัดตั้งหอศิลป์ก็คือ เพิ่มความเข้าใจและความสนใจในด้านศิลปะและวัฒนธรรมผ่านสื่อต่างๆ โดยเน้นไปที่วัฒนธรรมของชาวสิงคโปร์และสมบัติชาติ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างสิงคโปร์ชาติอาเซียนด้วยกันในระดับนานาชาติหอศิลป์นี้จัดตั้งจากอาคาร 2 ส่วนที่เคยเป็นสถานที่ตั้งศาลสูงสุดและศาลาว่าการเมืองจึงมีพื้นที่มากถึง 64,000 ตารางเมตร ส่งผลให้ที่นี่เป็นสถานที่ตั้งของหอศิลป์ที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ โดยมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเพื่อให้เป็นหอศิลป์มากถึง 532 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 13,300 ล้านบาท

อาคารศาลสูงเก่านี้ตั้งอยู่บนตำแหน่งที่เคยเป็น Grand Hotel de I’Europe โรงแรมที่โอ่อ่าที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถูกรื้อทิ้งในปี 1936 Frank Dorrington Ward สถาปนิกหัวหน้าแผนกออกแบบโครงสร้างของรัฐบาลเป็นผู้ออกแบบอาคารศาลสูงใหม่ และเปิดทำการได้ในวันที่ 8 สิงหาคม 1939 สำนักงานศาลสูงสิงคโปร์ ได้ย้ายเข้าสู่ตึกใหม่ในปี 2005ส่วนศาลาว่าการเมืองที่สร้างระหว่างปี 1926-29 ได้รับการออกแบบโดย A.Gordon และ S.D.Meadows ระหว่างปี 1963-91ที่นี่เป็นที่ทำการของสำนักงานหลายแผนกของรัฐบาลรวมทั้งศาลด้วยก่อนที่จะย้ายไปในปี 2006
ในวันชาติสิงคโปร์ที่ 21 สิงหาคม 2005 นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ได้เกริ่นไว้ว่ารัฐบาลมีแผนที่จะเปลี่ยนอาคารศาลสูงและศาลาว่าการเมืองเป็น National GalleryMuseum วันที่ 2 กันยายนปี 2006นาย Lee Boon Yang รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีและศิลปะ จึงได้ประกาศจัดตั้ง National Gallery Singapore อย่างเป็นทางการในงาน Singapore Biennale 2006 และได้แจ้งให้ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องระดมความคิดในการนำเสนอแผนการเกี่ยวกับโครงการนี้ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2007 รัฐบาลร่วมกับสถาบันสถาปัตยกรรมแห่งชาติจัดการประกวดแบบเพื่อหาบริษัทสถาปนิกที่เหมาะสมที่สุด โดยมีบริษัทเข้าร่วมแข่งขันมากถึง 111 แห่ง จาก 29 ประเทศทั่วโลก

คณะกรรมการที่ตัดสินการประกวดยืนยันว่า อาคารหลายส่วนห้ามแตะต้องและต้องคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของความเป็นชาติ อีกทั้งยังต้องนำเสนอแผนการปรับปรุง
ภายใต้งบประมาณ 320 ล้านเหรียญสิงคโปร์เท่านั้น ในการประกวดรอบสุดท้ายที่เหลือผู้ออกแบบเพียงแค่ 5 ราย คณะกรรมการได้จัดการแสดงผลงานเพื่อรับคำติชมจากประชาชนด้วย เมื่อประกาศผลในปี 2008 คณะกรรมการได้แสดงเหตุผลของการเลือกผู้ชนะการประกวดเพื่อแสดงความโปร่งใสและเป็นบรรทัดฐานสำหรับการประกวดแบบในอนาคตด้วยโดยได้ผู้ชนะประกวดคือ Studio Milou Singapore บริษัทลูกของบริษัทสถาปนิกจากฝรั่งเศสที่เป็นหุ้นส่วนกับ CPG Consultants ที่มีประสบการณ์ในการปรับปรุงอาคารเก่าในสิงคโปร์หลังจากคณะกรรมการได้แบบที่ถูกใจแล้ว พวกเขาก็ได้จ้าง Takenaka-SingaporePiling Joint Venture เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง โดยเริ่มก่อสร้างในเดือนมกราคม 2011 และหอศิลป์สามารถเปิดทำการได้ครั้งแรกในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2015
นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเยือนหอศิลป์แห่งนี้สามารถประทับใจตั้งแต่อาคารภายนอกที่มีความโอ่อ่าสง่างาม บรรยากาศภายในมีความเรียบหรูไม่ต่างจากห้องภาพของชาติยุโรป ข้อดีเหนือห้องภาพของยุโรปก็คือชาวสิงคโปร์สามารถเข้าฟรีส่วนชาวต่างชาติมีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ 3 เหรียญเท่านั้น อย่างไรก็ดี หากบัตรเครดิตที่ชาวต่างชาติใช้มี promotion ร่วมกับทางหอศิลป์ อาทิ Citibank ก็สามารถเข้าชมฟรีได้ด้วยไม่ต่างจากชาวสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างแปลกสำหรับบัตรเครดิตของชาวต่างชาติเลยทีเดียว

