#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/entertain/711861

โอ๊ยเล่าเรื่อง : แอนท์-แมน และ เดอะ วอสพ์ : ตะลุยมิติควอนตัม (Ant-Man and the Wasp : Quantumania)
วันเสาร์ ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.
หลังจากที่ Ant-Man มีหนังของตัวเองมาแล้วถึง 2 ภาค คือ Ant-Man (2015) กับ Ant-Man and the Wasp (2018) และไปร่วมแจมในเรื่องของฮีโร่คนอื่นๆ มาปีนี้ภาคสามก็ถูกดันออกมา Ant-Man and the Wasp : Quantumania หนังเรื่องที่ 31 และเป็นการเปิดตัว เฟส 5 ของจักรวาลมาร์เวล งานกำกับของ เพย์ตัน รี้ดที่ผูกขาดทำเรื่องนี้มาครบทุกภาค
หลังจากที่ครอบครัวมดๆ ได้มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ชีวิต เหมือนจะมีความสุข ก่อนที่ในวันหนึ่งทุกคนถูกดึงเข้าสู่มิติควอนตัม
อีกครั้ง คู่หูซูเปอร์ฮีโร่ สก็อตต์ แลง และ โฮป แวน ไดน์ หวนคืนสู่การผจญภัยอีกครั้งในฐานะแอนท์-แมน และ เดอะ วอสพ์ ครั้งนี้ พ่อแม่ของโฮป แฮงค์ พิม และ เจเน็ต แวน ไดน์ และลูกสาวของสก็อตต์ แคสซี่ แลงถูกดึงมาร่วมผจญภัยด้วยการเข้าสู่มิติควอนตัมในครั้งนี้ พวกเขาต้องพบกับเหล่าสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ สุดแปลก, โมด็อก เพื่อนเก่าเพื่อนรักเพื่อนแค้น จอมแคงผู้พิชิต วายร้ายที่ถูกเนรเทศ ผู้มีส่วนเขื่อมโยงกับ พหุจักรวาล ที่นำมาซึ่งความตายของในจักรวาล
Ant-Man and the Wasp : Quantumania ยังคงให้ความสนุกในแบบของจักรวาลมาร์เวล สนุกแบบไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ สนุกในแบบที่ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ ไม่มีอะไรพีคที่ทำให้ต้องมาร้องว้าว!!โดนใจ หรือมีอะไรให้ต้องจดจำ ดูจนจบแล้วจบกันแต่ที่รู้สึกเบื่อคือการโยงเข้ากับพหุจักรวาล หรือ Multiverse ที่เหมือนจะกลายเป็นเส้นเรื่องหลักๆ ของจักรวาลมาร์เวล ในเฟซนี้ไปแล้ว ทุกเรื่องมีหมด มีตัวละครใหม่ๆ เข้ามาเกี่ยวมีเอี่ยวมีผลกระทบหมด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเอ่ยถึง แรกๆก็โอเค!! แต่ยิ่งดูยิ่งวกวน ทำให้เริ่มไม่สนุกกับมัลติยูนิเวิร์สแล้ว และที่ขัดตามากที่สุดในภาคนี้คือโลกต่างมิติ มิติควอนตัม ทั้งบรรยากาศ ตัวละครมาในรูปแบบเก่าๆ เดิมๆ ไม่มีอะไรที่ดึงดูด ไม่ตื่นตาตื่นใจ ไม่แปลกใหม่จนชวนให้นึกว่า มาดู สตาร์วอร์ส เหมือนภาคต่อของสตาร์วอร์สมากกว่าจะเป็นฮีโร่มาร์เวล มันชวนในนึกอย่างนั้นจริงๆ อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบคือ ตัวร้าย แคง ผู้พิชิต นั้น ดูเหมือนจะเก่งกาจ ออร่า!! มีล้นเหลือ แต่เอาเข้าจริงๆ กลับธรรมดาๆ ไปซะงั้น และที่ลดทอนความสนุกไปส่วนหนึ่งคือแทบจะจำความสัมพันธ์ของตัวละครไม่ได้ แม้ตัวหนังจะมีการเกริ่นๆ แต่ก็นึกไม่ออก ฟื้นความทรงจำได้เพียงนิดๆ หน่อยๆ เพียงเสี้ยวๆ เท่านั้น
พอล รัตต์ ยังคงเป็น สก็อต แลง ที่ดูดีลื่นไหล เป็นภาพจำของ แอนท์แมน เพียงแค่ในตอนนี้ด้วยน้ำหนักตัวละครที่กระจายเลยไม่โดดเด้ง
ออกมา กลืนไปกับตัวละครตัวอื่นๆ
อีแวนเจลีน ลิลลี่ กลับมารับบทเดิม โฮป แวน ไดน์ หวานใจของสก็อต บทเด่นและดูเยอะกว่าภาคที่แล้ว ไมเคิล ดักลาส ควงคู่ มิเชล ไฟรเฟอร์ ได้อย่างมีพลัง ดูเด่นในทุกๆ ตอน เล่นสบายๆ แต่ช่วยเพิ่มความสนุกให้กับตัวเรื่องได้มาก
แคทริน นิวตัน ในบท แคสซี่ แลง ที่สวยใส แก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่า น่ารักใสๆ เพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้กับตัวเรื่อง
โจนาธาน เมเจอร์ส มารับบท แคง ผู้พิชิต ตัวร้ายของเรื่อง เดวิด แดสท์มัลแชน เป็น เว็บ เคที โอไบรอัน เป็น เจนทอร์รา วิลเลียม แจ็กสัน ฮาร์เปอร์ เป็น ควาซ คอรีย์ สตอล เป็น โมด็อก และ บิลล์ เมอร์เรย์ เป็น ลอร์ดไครลาร์
และที่ชอบมากๆ คือ บรรดากองทัพมดที่ออกแบบมาให้ความเป็นมดตัวน้อยตัวนิด แต่มีพลังล้นเหลือจริงๆ Any-Man คือ ซูเปอร์ฮีโร่
ในจักรวาลมาร์เวลที่ออกมาในโทนครอบครัวๆ ที่ดูยังไงๆ ก็ไม่ดาร์คไม่ดราม่า ไม่หนักอึ้ง และไม่แอ๊กชั่นจ๋า สนุกระดับ 7/10 คะแนน