#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/712393

สกสว.จัดประชุมสรุปผลจากการระดมสมอง 12 หน่วยงานภายใต้กระทรวง อว.
วันจันทร์ ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 16.13 น.
สกสว. จัดประชุมสรุปผลจากการระดมสมอง 12 หน่วยงานภายใต้กระทรวง อว. ก่อนยื่นข้อเสนอโครงการ เพื่อยกระดับสถาบันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ตอบโจทย์เป้าหมายของประเทศและสามารถเทียบเคียงระดับนานาชาติ
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดประชุมคณะทำงานผู้แทนหน่วยงานด้านกลยุทธ์และพัฒนาองค์กรในการขับเคลื่อนเพื่อการยกระดับองค์กรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ครั้งที่ 1/2566 โดยเชิญผู้บริหาร/ผู้แทนหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยจำนวน 12 หน่วยงานที่สังกัดกระทรวง อว. ร่วมรับฟังผลสรุปและความเห็นจากการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกันในหัวข้อ“การขับเคลื่อนเพื่อการยกระดับองค์กรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ครั้งที่ 2”รวมถึงนโยบายและแนวทางการสนับสนุนทุนวิจัยของ บพค. ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ 2566ณ โรงแรมแมนดารินกรุงเทพ (สามย่าน)
รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ กล่าวว่า หน่วยงานวิจัยถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ จึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาสถาบันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาง สกสว. จึงได้เชิญผู้แทนหน่วยงานด้านกลยุทธ์และพัฒนาองค์กรจากสถาบันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสังกัดกระทรวง อว.รวมถึงหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม(บพค.)ร่วมเป็นคณะทำงานชุดนี้ เพื่อร่วมกันพัฒนาและสนับสนุนข้อมูลเพื่อใช้ในการวางแผนพัฒนา ทั้งทางด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพ กำลังคนและความเชี่ยวชาญ ตลอดจนทำความเข้าใจและมีข้อตกลงร่วมกันในบทบาทหน้าที่และเป้าหมายสถาบันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแต่ละแห่งผ่าน 3 กลไกคือ (1) การทำงานร่วมกันในระดับผู้บริหาร (2) ความร่วมมือและสนับสนุนข้อมูลในการออกแบบและพัฒนากลไกให้สถาบันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถยกระดับให้เทียบเคียงกับระดับนานาชาติ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลและ (3) การยกระดับองค์กรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ผ่านการสนับสนุนงบประมาณเชิงกลยุทธ์(Strategic Fund; SF)และการสนับสนุนงานมูลฐาน(Fundamental Fund; FF) ซึ่งจะทำให้หน่วยงานสามารถยกระดับให้เกิดการพัฒนาประเทศได้ โดยการประชุมนี้จะเน้นการนำเสนอผลสรุปและรับฟังความเห็นจากที่ประชุมที่นำไปสู่เป้าหมายการยกระดับหน่วยงานให้เทียบเคียงกับหน่วยงานคู่เทียบในต่างประเทศให้หน่วยงานเห็นช่องว่างของการพัฒนา(Room of improvement)และสามารถจัดทำข้อเสนอโครงการของหน่วยงานต่อไป
ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.เริงชัย ตันสุชาติ หัวหน้าโครงการวิจัย“โครงการขับเคลื่อนการรยกระดับสถาบันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์เป้าหมายของประเทศและสามารถเทียบเคียงระดับนานาชาติ”ได้สรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการระดมสมองร่วมกับสถาบันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยจำนวน 12 แห่งที่สังกัดกระทรวง อว.พบว่าการจัดกลุ่มหน่วยงานแต่ละกลุ่มมีลำดับความสำคัญไปในแนวทางเดียวกันและได้นำแนวทางการพัฒนาที่ได้มาวิเคราะห์เพิ่มเติม เพื่อให้ตรงตามกรอบแนวทางการพัฒนาเพื่อยกระดับสถาบันฯ ที่นำไปสู่ผลสัมฤทธิ์(Key result)ของแผนงานพัฒนาและยกระดับสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้ตอบโจทย์เป้าหมายของประเทศอย่างชัดเจนและสามารถเทียบเคียงนานาชาติ (P22)ตัวอย่างเช่น แนวทางการยกระดับในกลุ่มหน่วยงานเฉพาะทางสารสนเทศและองค์การส่งเสริมความรู้ทางวิทยาศาสตร์คือ การจัดตั้ง Academy Center ด้านการบริหารและจัดการน้ำที่เชื่อมโยงและเข้าถึงได้ในระดับพื้นที่กลุ่มหน่วยงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครบวงจรเน้นแนวทางการยกระดับเพื่อปรับปรุงข้อมูลการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้าน ววน. แบบ open scienceการเพิ่มจำนวนห้องปฏิบัติการและสถานีวิจัยเพื่อการวิเคราะห์สำหรับงานวิจัยขั้นสูงและการยกระดับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากการทำงานวิจัยร่วมกับองค์กรในต่างประเทศ การเตรียมความพร้อมในการยกระดับเป็นผู้ผลิตสารอ้างอิงมาตรฐานเพื่อให้ได้การรับรองตามมาตรฐาน ISO 17034 และการพัฒนามาตรฐานการวัดปฐมภูมิดิจิทัลเป็นต้น
เช่นเดียวกับ ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณที่ปรึกษากลุ่มภารกิจพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ ดร.พสุโลหารชุน ที่ปรึกษาคณะทำงานฯให้ข้อคิดเห็นว่า การยกระดับหน่วยงานให้เทียบเคียงกับหน่วยงานที่เป็นคู่เทียบ จำเป็นต้องเดินให้ถูกทาง ต้องปรับความต้องการ(need) ตามพันธกิจหน่วยงานให้ตรงกับความต้องการของประเทศให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศในอนาคต และ การสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เชื่อมต่อกับการทำงานของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)เพื่อให้กลุ่มผู้ประกอบการไทยเข้าถึงในด้านการทดสอบมาตรฐานโดยมีกลไกการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ให้ภาคเอกชนสามารถขยับผลิตภาพการผลิตจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 40 GDP ของประเทศรวมถึงการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องในเรื่องconnectingskill setเพื่อให้เข้าใจ pain point ของผู้ประกอบการ
ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรจิตต์ เศรษฐพรรค์ รองผู้อำนวยการบพค. กล่าวถึงนโยบายและแนวทางการสนับสนุนแผนงานพัฒนาและยกระดับสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้ตอบโจทย์เป้าหมายของประเทศอย่างชัดเจนและสามารถเทียบเคียงระดับนานาชาติ ว่าภายใต้แผนงานย่อยมีเป้าหมายเพื่อการยกระดับระบบนิเวศ ววน. สู่สากล (reinventing to excellence) การเข้าถึงบริการ ววน. (Utilization)และกลไกภาคีเครือข่าย ววน. (Strengthen Network) ซึ่งการเข้าถึงบริการ ววน. จะเชื่อมให้เกิดการเข้าถึงของผู้ประกอบการได้อย่างไร บพค. จึงจะแบ่งการทำงานเป็น 4 ระยะด้วยกัน โดยในระยะแรกนี้จะเน้นการจัดลำดับความสำคัญโดยการวางแผนร่วมกัน การสร้างเครือข่ายร่วมกัน หลังจากนี้จะเน้นการสร้าง Strategic Pilot โดยการใช้งานข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน การให้บริการระดับชาติ (National facility)ที่นำไปสู่ Global facilityโดยสร้าง Global excellence ในรูปแบบการใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น
ในส่วนนี้ ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สกสว. กล่าวเสริมและย้ำว่าการพัฒนาข้อเสนอโครงการที่แต่ละหน่วยงานเสนอในการประชุมระดมสมองในครั้งนี้ ขอให้หน่วยงานนำไปพัฒนาเพิ่มเติมให้เกิดความชัดเจนก่อนและเน้นย้ำว่าข้อเสนอโครงการที่หน่วยงานนำส่งมายัง บพค. นั้นจะต้องเป็นงานที่มีกลยุทธ์ที่สามารถส่งมอบผลลัพธ์สำคัญโดยใช้ตัวชี้วัด (Key result) ของแผนด้าน ววน. ปี พ.ศ.2566-2570 ในโปรแกรมที่ 22 เป็นตัวตั้งเพื่อให้ได้ผลในระยะ 5 ปีเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้




