#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2635821

21 ก.พ. 2566 23:58 น.

• ข่าว
• ต่างประเทศ
• ไทยรัฐออนไลน์

ปูตินระงับความร่วมมือข้อตกลงคุมนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ขู่ทดสอบนุกรอบใหม่

ตึงเครียดรอบใหม่ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศระงับความร่วมมือสนธิสัญญาคุมอาวุธนิวเคลียร์ฉบับสุดท้ายกับสหรัฐฯ จวกชาติตะวันตกต้องการทำลายรัสเซีย

เมื่อวันอังคารที่ 21 ก.พ. 2566 ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประกาศในงานแถลงนโยบายประจำปี (state of the nation address) ว่า รัสเซียจะระงับความร่วมมือในสนธิสัญญา ‘New START’ ซึ่งเป็นข้อตกลงควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ฉบับสุดท้ายที่พวกเขาทำร่วมกับสหรัฐฯ เอาไว้ชั่วคราว

ผู้นำรัสเซียให้เหตุผลในการตัดสินใจของเขา โดยกล่าวหาสหรัฐฯ กับนาโตว่า ประกาศอย่างเปิดเผยว่ามีเป้าหมายที่จะเอาชนะรัสเซียในยูเครน “พวกเขาต้องการสร้างความพ่ายแพ้เชิงยุทธศาสตร์แก่เรา และพยายามเข้าควบคุมโรงงานนิวเคลียร์ของเราในเวลาเดียวกัน”

ปูตินอ้างด้วยว่า บางคนในรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังคิดที่จะหวนกลับไปทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง ดังนั้นกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานนิวเคลียร์ต่างๆ ของรัสเซีย ก็ควรเตรียมพร้อมที่จะทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ด้วยหากจำเป็น แต่ปูตินย้ำว่า พวกเขาจะไม่เริ่มทดสอบก่อน

ประธานาธิบดีรัสเซียบอกอีกว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน เขาได้ลงนามกฤษฎีกาจัดระบบยุทธศาสตร์ภาคพื้นดินใหม่ ให้อยู่ในสภาพพร้อมต่อสู้แล้ว แต่ไม่เปิดเผยชัดเจนว่าระบบดังกล่าวคืออะไร เขากล่าวด้วยว่า ยูเครนกำลังหาทางโจมตีฐานทัพ ‘เอนเกลส์’ (Engels) ภายในรัสเซียซึ่งมีเครื่องบินทิ้งระเบิดติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ได้ จอดอยู่

อย่างไรก็ตาม นายปูตินย้ำว่า รัสเซียเพียงระงับความร่วมมือในสนธิสัญญา New START เท่านั้น ไม่ได้ถอนตัวออกมาอย่างสิ้นเชิง

ทั้งนี้ รัสเซียกับสหรัฐฯ ครอบครองหัวรบนิวเคลียร์รวมกับกว่า 90% ของที่มีอยู่บนโลก พวกเขาลงนามสนธิสัญญา New START ในปี 2561 เพื่อจำกัดไม่ให้ทั้งสองฝ่ายนำหัวรบนิวเคลียร์กว่า 1,550 ลูก ติดตั้งบนขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM), ขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ และเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่

ประกาศล่าสุดของปูตินซึ่งเกิดขึ้นก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปี รัสเซียยกทัพรุกรานยูเครนไม่กี่วัน เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ ทันที ว่าเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบและน่าเสียดายอย่างยิ่ง ซึ่งสหรัฐฯ จับตาดูอย่างใกล้ชิดว่ารัสเซียจะทำอะไรต่อไป

ที่มา : cna , cbsnews