‘อิ่มบุญ-ยลวัฒนธรรม’ได้ทั้ง12เดือน สัมผัสวิถีชุมชน‘ชาวมอญเมืองกาญจน์’

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/715327

‘อิ่มบุญ-ยลวัฒนธรรม’ได้ทั้ง12เดือน  สัมผัสวิถีชุมชน‘ชาวมอญเมืองกาญจน์’

‘อิ่มบุญ-ยลวัฒนธรรม’ได้ทั้ง12เดือน สัมผัสวิถีชุมชน‘ชาวมอญเมืองกาญจน์’

วันจันทร์ ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

“ชาวมอญให้ความสำคัญในพระพุทธศาสนา เห็นได้จากความเชื่อส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากผู้นำทางจิตวิญญาณและผู้สูงอายุในชุมชนเป็นสำคัญ ดังเช่นแนวความคิดและการริเริ่มประเพณีสำคัญต่างๆ ซึ่งเกิดจากหลวงพ่ออุตตมะ พระเกจิอาจารย์เชื้อสายมอญ นอกจากนี้ชุมชนชาวมอญ ณ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นศาสนสถานที่โดดเด่น”

ผศ.ดร.เฉลิมพล ศรีทอง อาจารย์ประจำสาขาวิชาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี กล่าวถึงผลการศึกษาในประเด็น “ความเชื่อด้านพระพุทธศาสนากับความเชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชนชาวมอญ บ้านวังกะ หมู่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาว่าด้วยการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และชาติพันธุ์ ที่น่าสนใจของ จ.กาญจนบุรี

โดยศาสนสถานที่ หลวงพ่ออุตตมะ ได้สร้างไว้เป็นมรดกแก่ชุมชน ได้แก่ “วัดวังก์วิเวการาม” เป็นวัดและโบสถ์ที่ใหญ่ สงบ สวยงาม เหมาะแก่การถือศีลภาวนา เป็นที่ชื่นตาเย็นใจแก่ผู้มาเยือนและนักท่องเที่ยวมีวิหารที่เป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปหยกขาว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อขาว”เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีน้ำหนักรวมหกตัน มี “เจดีย์พุทธคยาจำลองจากอินเดีย” ที่ประดิษฐานพระบรมสาริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ตระหง่านอย่างสวยงาม ซึ่งสามารถมองเห็นมาแต่ไกลก่อนเข้าถึงเขตตัวอำเภอสังขละบุรี

และที่สำคัญมี “สะพานไม้อุตตมานุสรณ์”หรือ “สะพานมอญ” ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่ โดยความเชื่อในพระพุทธศาสนาและเชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยวชุมชนชาวมอญ สามารถแบ่งออกเป็น 12 เดือน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมชมและร่วมพิธี ได้ดังนี้ “เดือนกราคม” ประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวและลงแขกฝัดข้าวช่วงเดือนยี่เป็นฤดูเก็บเกี่ยวหลังจากเกี่ยวและเก็บข้าวเข้าลาน ซึ่งปัจจุบันหาชมได้ยาก

“เดือนกุมภาพันธ์” ประเพณีทำ “ข้าวยาคู”ชาวมอญเรียกว่า “อะคากกะน้า ฮะปักเปิงยิกุ”ในช่วงเดือนสามจะมีพืชผลเกษตรได้เก็บเกี่ยวเสร็จเรียบร้อย ชาวบ้านจะพากันทำข้าวยาคูในวันพระใหญ่ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ตรงกับวันมาฆบูชา ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมการทำข้าวยาคูในช่วงเวลาดังกล่าวได้ “เดือนมีนาคม” ประเพณีบูชาสักการะพระเจดีย์ เป็นงานประจำปีเพื่อการสักการะพระเจดีย์พุทธคยา ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดวังก์วิเวการาม

“เดือนเมษายน” ประเพณีมหาสงกรานต์เดือน 5 เป็นปีใหม่ของชาวมอญ ถือเป็นงานฉลองและเป็นการร่วมทำบุญและให้ทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวมอญ ซึ่งชาวมอญจะนำทรายไปก่อเป็นเจดีย์ที่วัด โดยรวมกันเป็นองค์เดียวและจะยกฉัตรเจดีย์ทรายในวันรุ่งขึ้น พร้อมทั้งทำบุญกรวดน้ำ มี “ประเพณียกฉัตรเจดีย์ทราย”ในวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ ชาวมอญที่ร่วมพิธีจะแต่งหน้าพร้อมสวมชุดมอญสีสันสดใส ร่วมแห่ฉัตรยอดเจดีย์ทรายจากวัดไปยังเจดีย์ทรายที่บริเวณลานเจดีย์พุทธคยา ซึ่งประเพณีนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างยาวนาน

“เดือนพฤษภาคม” ประเพณีรดน้ำต้นโพธิ์จัดขึ้นในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับวันวิสาขบูชาของทุกปี ทั้งนี้ ชาวมอญจะให้การปฏิบัติกับต้นศรีมหาโพธิ์เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า โดยเชื่อว่าผู้ใดบำรุงกราบไหว้ สักการบูชา ก็เสมือนว่าได้บำรุง กราบไหว้ สักการะ บูชา พระพุทธเจ้าด้วยเช่นกัน ประเพณีออกร้านตลาดนิพพาน ตรงกับวันวิสาขบูชา จัดขึ้นช่วงเย็นชาวบ้านจะออกร้านโดยนำผลไม้ ขนม น้ำดื่มมาตั้งร้าน ผู้มาร่วมพิธีหลังสมาทานศีลจะมารับของจากร้านต่างๆ เปรียบเสมือนการนำบุญมาแลกกับอาหารดังกล่าว ผู้ออกร้านก็จะได้บุญแทนเงิน

“เดือนมิถุนายน” ประเพณีขอขมาพระอุปัชฌาย์ จะมีประเพณีขอขมาพระอุปัชฌาย์อาจารย์ และประเพณีบรรพชาอุปสมบท ในช่วงนี้เป็นช่วงก่อนเข้าพรรษาหนึ่งเดือน ชาวมอญนิยมบรรพชาอุปสมบทแก่บุตรชายของตนเอง ส่วนประเพณีขอขมาพระอุปัชฌาย์อาจารย์ โดยพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่ออุตตมะ จะมาพร้อมกันที่วัดวังก์วิเวการาม เพื่อมาขอขมาพระเถระผู้ใหญ่

“เดือนกรกฎาคม” ประเพณีเข้าพรรษาวันอาสาฬหบูชา ชาวมอญจะถือดอกไม้ ผ้าอาบน้ำฝนเทินเครื่องไทยธรรมมาถวายพระ ซึ่งจะมีพระภิกษุเดินเป็นแถวตามวิหารคด ลงโบสถ์ “เดือนสิงหาคม” ประเพณีบุญข้าวนิธิ เป็นเดือนแห่งการเก็บทรัพย์ มีประเพณีบุญหม้อนิธิ (นิธิแปลว่า ขุมทรัพย์) ชาวมอญจะทำบุญด้วยการถวายหม้อนิธิ คือ บรรจุวัตถุทานตามต้องการ ได้แก่ ข้าว น้ำ ผ้า ยา และของกินของใช้อื่นๆ ลงในหม้อ จากนั้นทำการฝังเหมือนเป็นขุมทรัพย์ ประเพณีดังกล่าวเป็นความเชื่อของชาวมอญ

“เดือนกันยายน” ประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ เป็นการบูชาพระรัตนตรัย ชาวมอญวัดวังก์วิเวการามยังคงสืบสานประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์เช่นเดียวกับชาวมอญในอดีต โดยช่วงเช้าชาวบ้านมอญถือถาดเครื่องบูชาที่ได้เตรียมไว้ไปยังลานวัดหรือลานเจดีย์ จากนั้นจึงได้นำเครื่องบูชาใส่เข้าในเรือสะเดาะเคราะห์ ธงตุงกระดาษสีปักไว้ที่ขอบเรือ มีการปล่อยโคมลอยขนาดใหญ่ ตามบ้านเรือนและรายทางก็จะประดับโคมเป็นรูปต่าง ๆ สวยงาม

ประเพณีดังกล่าวเป็นการทำบุญสะเดาะเคราะห์และจุดเทียนอธิษฐานให้เคราะห์ร้ายในชีวิตได้ผ่านพ้นไป ซึ่งประเพณีดังกล่าวจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยมีนักท่องเที่ยว และผู้สนใจเข้าร่วมจำนวนมาก ยังมีประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง เป็นประเพณีที่ชาวมอญต้องการถวายเภสัช 5 ชนิด ได้แก่ น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เนยใส เนยข้นน้ำมันงา แก่พระสงฆ์ผู้จำพรรษา ก่อนออกพรรษา 1 เดือน เพื่อใช้ปรุงยา โดยเชื่อว่าการถวายเภสัชยารักษาโรคจะได้รับผลบุญคือเป็นคนมีโรคน้อยโดยประเพณีดังกล่าวจัดยิ่งใหญ่และมีการสืบทอดกันมาช้านาน

“เดือนตุลาคม” ประเพณีตักบาตรเทโวโรหนะ เป็นงานบุญฉลองวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากโปรดพุทธมารดาที่เทวโลกดาวดึงส์ 1 พรรษา ซึ่งจัดขึ้นตรงกับวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี “เดือนพฤศจิกายน” ประเพณีทอดกฐิน ประเพณีนี้จะมีช่วงเวลาการทอดกฐินเพียง 1 เดือน โดยเรียกตามภาษามอญว่า “อะแลกะท่อน” แปลว่า ทอดกฐินในเดือนสิบสอง ชาวมอญจะรวมตัวกันไปจัดตั้งกองผ้าป่าและร่วมกันตัดเย็บจีวร อังสะ สบง และผ้าผืนยาว ภายในหนึ่งเดือนหลังวันปวารณาออกพรรษาของพระภิกษุสงฆ์จะเป็นเทศกาลทอดกฐิน

และ “เดือนธันวาคม” ประเพณีตำข้าวเม่า“มอญตำข้าวเม่า” จัดขึ้นในช่วงเดือนอ้ายใกล้ฤดูเก็บเกี่ยว โดยข้าวเม่า หรือในภาษามอญเรียกว่า “อะงาน” ได้มาจากรวงข้าวสีเขียวไล่มาจนถึงสีเขียวตกน้ำตาล เรียกว่าข้าวน้ำนม ส่วนข้าวเหนียวเริ่มเป็นเมล็ดข้าวอ่อนๆ เหมาะสำหรับตำข้าวเม่า มีทั้งข้าวเม่าข้าวเหนียวและข้าวเหนียวดำ ประเพณีตำข้าวเม่าสืบทอดมาตั้งแต่อดีต มีวัตถุประสงค์เพื่อทำอาหารถวายพระ นอกจากนี้ประเพณีดังกล่าวยังก่อให้เกิดความสนุกสนานเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างครอบครัวและชุมชน สามารถส่งเสริมให้เกิดเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวและเป็นของฝากของที่ระลึกได้

ผศ.ดร.เฉลิมพล ยังกล่าวอีกว่า จังหวัดกาญจนบุรี มีศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และชาติพันธุ์ตลอดจนเป็นรูปแบบของการท่องเที่ยวชุมชน หากต้องการให้เกิดการท่องเที่ยวที่ประสบความสำเร็จต้องมุ่งเน้นความร่วมมือระหว่างชุมชน ภาครัฐ และเอกชนในพื้นที่ ควรมีการจัดโปรแกรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง

ตลอดจนนักท่องเที่ยวควรให้ความสำคัญตระหนัก และมีจิตสำนึกในการท่องเที่ยวชุมชน เช่น การจัดการขยะ การปฏิบัติตามประเพณีและวิถีชุมชน เพื่อร่วมกันสืบสานและอนุรักษ์รวมทั้งการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงระหว่างแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ประเพณีและวิถีชีวิตของชาวมอญกับแหล่งท่องเที่ยวหลักของ อ.สังขละบุรี ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักร่วมสร้างประสบการณ์จากมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน

เช่น โปรแกรมการท่องเที่ยววัดวังก์วิเวการามเจดีย์พุทธคยา ร่วมกับประเพณีสงกรานต์มอญในเดือนเมษายนของทุกปี หรือให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมในกิจกรรมการทำข้าวเม่า เพื่อยกระดับของฝากของที่ระลึกชุมชน เป็นต้น โดยผู้สนใจ สามารถติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม โดยส่ง อีเมล ได้ที่ ผศ.ดร.เฉลิมพล ศรีทอง อาจารย์ประจำสาขาวิชาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี chaloempon.sri@mahidol.ac.th

“อย่างไรก็ตาม หากเป็นการส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยวชุมชนเพื่อสัมผัสชาติพันธุ์ ควรจัดทำเป็นปฏิทินกิจกรรม12 เดือน พร้อมทั้งส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวควบคู่กับการอนุรักษ์วัฒนธรรมเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อไป” ผศ.ดร.เฉลิมพล กล่าวในตอนท้าย

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s