#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2651566

12 มี.ค. 2566 11:15 น.
- ข่าว
- ต่างประเทศ
- ไทยรัฐออนไลน์
สหรัฐฯ สั่งปิดธนาคาร Silicon Valley Bank หลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง
สหรัฐฯ สั่งปิดกิจการ Silicon Valley Bank (SVB) ซึ่งเป็นธนาคารที่เน้นให้บริการเงินกู้ให้แก่บริษัทสตาร์ทอัพ หลังเผชิญปัญหาสภาพคล่องรุนแรงจนลูกค้าแห่ถอนเงิน นับเป็นการล่มสลายของสถาบันการเงินใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกเมื่อปี 2551
หน่วยงานกำกับการเงินแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียได้แต่งตั้งให้ Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) เป็นสถาบันของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ประกันเงินฝากจากความล้มเหลวของธนาคาร เข้ามาเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ของ SVB โดย FDIC จะทำการขายสินทรัพย์ของธนาคาร เพื่อจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้ฝากเงินและบรรดาเจ้าหนี้ธนาคาร
สำนักงานใหญ่ และสาขาต่างๆ ของ SVB จะกลับมาเปิดให้บริการในวันที่ 13 มี.ค. โดยผู้ฝากเงินที่มีประกันจะสามารถเข้าถึงเงินฝากส่วนที่ได้รับความคุ้มครอง 250,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 บัญชี ไม่เกินเช้าวันจันทร์นี้ และจะจ่ายดอกเบี้ยล่วงหน้าให้แก่ผู้ฝากเงินที่ไม่มีประกัน ภายในสัปดาห์หน้า
สัญญาณการล่มสลายของ SVB เกิดขึ้นหลังจาก SVB ประกาศแผนขายหุ้นแก่นักลงทุน วงเงิน 2.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการระดมทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง หลังจากประสบภาวะขาดทุนถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์ จากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ถือครองอยู่ ซึ่งมีมูลค่าในพอร์ตลดลงอย่างมาก จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ SVB ยังประสบปัญหากระแสเงินสดหมุนเวียน จากการที่ธุรกิจสตาร์ตอัพพากันถอนเงินฝากจากธนาคารอย่างรวดเร็ว
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของธนาคารร่วงลงกว่า 60% และลดลงหลังปิดตลาดอีก 20% ในวันพฤหัสบดี และในเช้าวันศุกร์ หุ้นของ SBV ถูกระงับการซื้อขายและล้มเลิกความพยายามในการเพิ่มทุนอย่างรวดเร็ว
SVB ถือเป็นสถาบันการเงินหลักที่ปล่อยเงินกู้ให้แก่ธุรกิจสตาร์ทอัพมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 และกลายมาเป็นสถาบันการเงินใหญ่อันดับที่ 16 ของสหรัฐฯ โดยข้อมูลในช่วงสิ้นปี 2565 พบว่า ธนาคารมีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 209,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนนี้แบ่งเป็นเงินฝาก 175,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การสั่งปิดธนาคารแห่งนี้ไม่เพียงถือเป็นการล่มสลายของสถาบันการเงินใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ นับตั้งแต่กรณีธนาคาร Washington Mutual ล้มเมื่อปี 2551 แต่ยังถือเป็นธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยที่ใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯ ที่ต้องปิดตัวลง
เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เรียกประชุมหน่วยงานกำกับดูแลด้านธนาคารของสหรัฐฯ เป็นการด่วน โดยกระทรวงฯ แถลงว่า “รัฐมนตรีคลังเชื่อมั่นว่า ผู้กำกับดูแลกิจการธนาคารของสหรัฐฯ จะมีมาตรการตอบสนองอย่างเหมาะสม และย้ำว่าระบบการเงินของสหรัฐฯ ยังคงยืดหยุ่น และมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการรับมือสถานการณ์เช่นนี้”
การล่มสลายของ SVB ยังทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะส่งผลกระทบเป็นโดมิโนไปยังสถาบันการเงินอื่นๆ ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่องเช่นกัน สืบเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูง.