กยท.จัดระบบตรวจสอบ แหล่งกำเนิดยางตามกฎEUDR

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/735241

วันจันทร์ ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า การตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งกำเนิดผลผลิตของผลิตภัณฑ์ยางพาราเป็นนโยบายสำคัญที่ กยท.มุ่งเน้น ซึ่งกระแสโลกกำลังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งรวมถึงประเทศผู้นำเข้ายางรายใหญ่ เช่น ยุโรปที่ออกกฎระเบียบ EU Deforestation-free Regulation (EUDR) คือผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจะต้องตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าผลิตด้วยวัตถุดิบมาจากพื้นที่ปลอดการตัดไม้ทำลายป่า และไม่รุกล้ำป่าสงวนซึ่ง กยท.มีความพร้อมในเรื่องการจัดการระบบข้อมูลเกษตรกรชาวสวนยาง พื้นที่ปลูก สถาบันเกษตรกรผู้แปรรูปยางตลอดจนการจัดการระบบตลาดกลางยางพารา เพื่อรองรับการตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งกำเนิดของผลผลิตยาง ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบการจัดการสวนยางอย่างถูกต้องตามหลักสากล

นายณกรณ์กล่าวต่อว่า ได้ตั้งเป้าหมายว่าไทยจะสามารถแสดงแหล่งกำเนิดของผลผลิตยางและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทั้งหมดภายใน 2 ปีซึ่งที่ผ่านมา กยท.ดำเนินมาตรการที่สนับสนุนมาตรการตรวจสอบย้อนกลับอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง ทำให้ทราบข้อมูลพื้นที่ปลูกของเกษตรกรฯ แต่ละราย โดยนำระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS Rubber) ซึ่งสามารถแสดงที่ตั้งของสวนยาง ทำให้ทราบว่าพื้นที่ปลูกตั้งอยู่บนที่ดินมีเอกสารสิทธิในรูปแบบโฉนดหรือเอกสารสิทธิอื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ด้านผลิตภัณฑ์แปรรูปยางของสถาบันเกษตรกรฯ ก็มีระบบเก็บข้อมูลสมาชิกและข้อมูลการรับซื้อยางของสหกรณ์ที่บันทึกข้อมูลทั้งปริมาณและคุณภาพของยางพาราที่นำมาขายให้กับสถาบัน ตลอดจนข้อมูลการซื้อขายยางพาราของตลาดกลางยางพาราทั้ง 8 แห่งของ กยท.ผ่านระบบ “Thai Rubber Trade” ที่พัฒนาขึ้น สามารถเชื่อมโยงข้อมูลยางของตลาดกลางยางพารา กยท.ทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งเทคโนโลยี Block chain ที่นำมาใช้ รองรับการตรวจสอบย้อนกลับข้อมูล แหล่งที่มาของผลผลิตยางพาราได้

“ระบบมาตรฐานจัดการข้อมูลของ กยท.ที่เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง จะสามารถรองรับการตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งกำเนิดของผลผลิตยางพาราได้ ช่วยให้ผู้ซื้อยางทราบถึงแหล่งกำเนิด เป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเรื่องการส่งออกได้ เนื่องจากไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่เริ่มเตรียมความพร้อม และมีระบบรวบรวมข้อมูลทะเบียนเกษตรกรและที่ตั้งของสวนยางแล้ว” นายณกรณ์ กล่าว

กรมข้าวเชิญร่วมงาน วันข้าว-ชาวนาช่วยเกษตรกร

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/735245

วันจันทร์ ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ได้เตรียมจัดงานรณรงค์ถ่ายทอดเทคโนโลยีลดต้นทุนการผลิตด้านเกษตร สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2566 ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยการจัดงานในส่วนกลางนั้น ในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 มิถุนายน 2566 ที่กรมการข้าว ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ภายใต้ชื่องาน “91 พรรษา สายธารแห่งน้ำพระทัย สร้างชาวนาวิถีใหม่ สู่ข้าวไทยยั่งยืน”

นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดงานวันข้าวและชาวนาที่ จ.นครราชสีมา ในวันที่ 22–23 มิถุนายน 2566 จัดขึ้นที่ Korat Hall ชั้น 4 เซ็นทรัลนครราชสีมา ภายในงานจะมีการนำนิทรรศการด้านข้าวต่างๆ มากมาย มาจัดแสดง อาทิ นิทรรศการเทิดพระเกียรติ 91 พรรษา นิทรรศการและสาธิตด้านการลดต้นทุนการผลิตข้าว การสาธิตจัดแสดงนวัตกรรมข้าวในรูปแบบต่างๆ และมีการนำเทคโนโลยีการผลิตข้าว รวมไปถึงเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ มาจัดแสดงและสาธิตองค์ความรู้ เพื่อถ่ายทอดให้ผู้ที่สนใจนำไปปรับใช้ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกชิงรางวัลมากมาย อาทิ กิจกรรมประกวดหนุ่มข้าวเหนียว สาวข้าวหอม กิจกรรมการประกวดสุนทรพจน์ กิจกรรมการประกวดภาพถ่าย ระบายสี กิจกรรมการประกวดจัดสวนถาด ทั้งนี้ การจัดงานในส่วนภูมิภาค ยังมีการจัดขึ้นที่ จ.พิษณุโลก ที่ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก ในวันที่ 16-17มิถุนายน 2566 จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมงานครั้งนี้ด้วย

กรมประมงรับรองสินค้า‘ประมงธงเขียว’

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/735242

วันจันทร์ ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเปิดงาน “Fisherman Shop Festival” โดยมีนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการ รมว.เกษตรฯ นายประยูร อินสกุลปลัดกระทรวงเกษตรฯ นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ว่ากรมประมง ได้จัดตั้งร้านค้า Fisherman Shopเพื่อสนองนโยบายการตลาดนำการผลิต มุ่งหวังช่วยเหลือพี่น้องชาวประมงและเกษตรกร กระจายสินค้าประมงคุณภาพสู่ผู้บริโภคซึ่งปัจจุบันขยายสาขาไปกว่า 121 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและผลิตภัณฑ์ ภายใต้การรับรองตราสัญลักษณ์ “ประมงธงเขียว” ซึ่งสร้างรายได้ให้เกษตรกรชาวประมงทั่วประเทศ มากถึง 84 ล้านบาท รวมทั้งกระจายรายได้สู่องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้แก่ชุมชน

ด้านนายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ได้มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้แก่เกษตรกรชาวประมงอย่างต่อเนื่อง เพื่อประชาสัมพันธ์ร้านค้า Fisherman Shopให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และสนับสนุนให้เกิดการเลือกซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงคุณภาพผ่านตราสัญลักษณ์ประมงธงเขียว ที่การันตีความสด สะอาด ได้มาตรฐานปลอดภัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากให้เข้มแข็งโดยภายในงานได้มีการคัดสรรร้านค้าจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มาร่วมออกบูธมากกว่า 30 ร้านค้า โดยนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงซึ่งเป็นของดีของเด็ดประจำจังหวัด มาจำหน่ายกว่า 500 รายการ นอกจากนี้ กรมประมง ยังร่วมกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จัดส่งสินค้าของร้าน Fisherman Shop ในราคาสุดพิเศษด้วย

รองปลัดฯร่วมคกก. เสนอผลการศึกษา นักบริหารเกษตรฯ รับการเปลี่ยนแปลง

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/735238

วันจันทร์ ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.

นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจากนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ให้ร่วมเป็นคณะกรรมการกิจกรรมการนำเสนอผลงานการศึกษากลุ่ม (Group Project) หลักสูตรนักบริหารการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ระดับสูง (นบส.) รุ่นที่ 83 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยกิจกรรมการนำเสนอผลงานการศึกษากลุ่มดังกล่าว ประกอบด้วย 8 กลุ่มปฏิบัติการ8 หัวข้อ ได้แก่ กลุ่มปฏิบัติการที่ 1สู้วิกฤตภัยแล้งด้วยเทคโนโลยี IoTทางเลือกที่ดีของเกษตรกรไทย กลุ่มปฏิบัติการที่ 2 กาแฟสร้างชีวิตตามแนวคิด BCG ด้วยวิถีเกษตรใหม่ กรณีศึกษา จ.น่าน กลุ่มปฏิบัติการที่ 3 ยกระดับผักอินทรีย์เพื่อสร้างมูลค่า สู่การเป็นผู้นำ ภูมิภาคอาเซียน กลุ่มปฏิบัติการที่ 4 พลิกวิกฤตอาหารสัตว์ไทยด้วยการขับเคลื่อน BSF สู่การเป็น HUB แมลงโปรตีนโลก

กลุ่มปฏิบัติการที่ 5 ไข่ผำพืชน้ำพื้นบ้านสู่อาหารแห่งอนาคต กลุ่มปฏิบัติการที่ 6 ยกระดับยางพาราไทยสู่ยางพาราโลกตามแนวทาง BCG Model กลุ่มปฏิบัติการที่ 7 พลิกโฉม “ปลาทองไทย” ทะยานไกลไปตลาดโลก และกลุ่มปฏิบัติการที่ 8 การพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าเพื่อยกระดับปลานิลไทยรุกตลาดโลก

ทั้งนี้ นายเศรษฐเกียรติ ได้ร่วมให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อกิจกรรมการนำเสนอผลงานของแต่ละกลุ่ม เพื่อให้เนื้อหามีความครบถ้วนสมบูรณ์ และเน้นการบูรณาการเชื่อมโยงกับนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ และนโยบายของชาติในการบริหารจัดการภาคการเกษตรรับมือกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก

‘กรมหม่อนไหม’ส่งเสริมศักยภาพการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม และอนุรักษ์พันธุ์หม่อนและไหม

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/735151

‘กรมหม่อนไหม’ส่งเสริมศักยภาพการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม และอนุรักษ์พันธุ์หม่อนและไหม

วันอาทิตย์ ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 09.54 น.

กรมหม่อนไหมได้ส่งเสริมและผลักดันเกษตรกรให้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอย่างมีประสิทธิภาพ มีการแนะนำ ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรอย่างใกล้ชิด ด้วยการลงพื้นที่และผ่านระบบ e-learning เพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ

กรมหม่อนไหม ตอนที่ 1 การส่งเสริมศักยภาพการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม และการอนุรักษ์พันธุ์หม่อนและพันธุ์ไหม https://youtu.be/OGG29U8sskk

จ.อุดรธานี หนุนชาวบ้านปลูกหญ้า ‘วิเศษพารากอน’ทางเลือกรายได้

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/734676

วันศุกร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านโนนสมบูรณ์ หมู่ 9 ต.อ้อมกอ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองผู้ว่าฯ จ.อุดรธานี เดินทางมาเป็นประธานเปิดกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรล่ำซำหญ้าพารากอน หญ้ามหัศจรรย์ตัวใหม่สำหรับเกษตรกร โดยมีนายวรวุฒิ จันทร์ชัย ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรล่ำซำหญ้าพารากอน (จวิ้นเฉ่า) นำชาวบ้านสมาชิกให้การต้อนรับ โดย รอง ผวจ.อุดรธานีกล่าวกับชาวบ้าน ห่วงว่าจะลักษณะของแชร์ลูกโซ่หรือมาหลอกชาวบ้านให้ปลูกเหมือนอย่างอื่น เช่น กระท่อมพอปลูกไม่มีที่รับซื้อ ทำให้ชาวบ้านเป็นหนี้เป็นสิน แต่เมื่อตรวจสอบทางสำนักงานเกษตรและสหกรณ์ พบว่าจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน และมีบริษัทด้านอาหารสัตว์ระดับประเทศการันตีว่า รับซื้อไม่อั้น หากเป็นเช่นนั้นก็ดีใจแทนชาวบ้าน ปลูกแล้วทำรายได้ให้แก่ชาวบ้านทางหน่วยงานก็พร้อมยินดีสนับสนุน

นายวรวุฒิ จันทร์ชัย ประธานกลุ่มฯ เปิดเผยว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ เราตั้งขึ้นเพื่อปลูกหญ้าพารากอน ซึ่งหญ้าพารากอนนี้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่สำหรับชาวบ้าน ซึ่งทางบริษัทล่ำซำ เพาเวอร์แพร์ และบ.เบทาโกรร่วมมือกันและสนับสนุนให้เกษตรกรชาวอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ปลูกหญ้าตัวนี้ ถือว่าหญ้าพารากอนเป็นหญ้ามหัศจรรย์ที่ปลูกแล้วให้ค่าตอบแทนสูง โดยอัตราค่าตอบแทนต่อไร่ต่อปีได้เฉลี่ย 100 ตัน ซึ่งทางบริษัทรับประกันซื้อคืนตันละ 400 บาทต่อไร่ต่อปี เกษตรกรจะได้รายได้ประมาณ 40,000 บาทต่อไร่ต่อปีโดยหญ้าพารากอนเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่สำหรับเกษตรกร “ปัจจุบันมีสมาชิกรวมกลุ่มกันแล้ว 7 ราย มีพื้นที่ปลูกทั้งหมด 112 ไร่ ผลผลิตครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเฉลี่ยแล้วรอบนี้รอบแรกปีนี้เราได้ผลผลิต 10 ตันต่อไร่

ปัจจุบันตอนนี้เรามีตลาดซึ่งเข้าร่วมกับทางกลุ่มขอผลผลิตกับเราแล้วที่แน่ๆ 3 แห่ง คือ กลุ่มอสค.และสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย และบริษัทเบทาโกร เขาสนใจผลผลิตหญ้าพารากอนจากเกษตรกรของเราแบบไม่อั้น ตอนนี้พืชเราแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ หากอายุเยอะจะมีบริษัทรับซื้อไปแปรรูปเป็นพลังงาน พืชที่อายุ 2-4 เดือน ก็จะตัดสดส่งให้อสค.ทำหญ้าหมักเอาไว้ให้โคนม อนาคตตนคาดว่าจะมีกลุ่มพลังงานมาติดต่อซื้อหญ้านำไปผลิตพลังงานต่อไป สำหรับเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อได้โดยตรง08-7492-2709

‘นราพัฒน์’ถกปัญหาฝุ่นควัน รุกติดตามแก้ไขมลพิษภาคเหนือ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/734674

วันศุกร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.

นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่จ.เชียงราย เพื่อติดตามการแก้ปัญหาการเผาในภาคการเกษตร ที่ส่งผลต่อมลพิษทางอากาศอย่างมีในนัย ทั้งนี้ มีตัวแทนหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ จ.เชียงราย ร่วมกันประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยในภาพรวมชี้ให้เห็นว่าจุดเผาในภาคการเกษตรของ จ.เชียงราย ลดลงกว่าปีก่อนๆ แต่ปัญหาปัจจุบันเกิดจากไฟป่า และบางพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนตามแนวเขาที่มีพื้นที่ลาดชัน ส่งผลให้ยากต่อการควบคุม

นายนราพัฒน์กล่าวว่า ได้เร่งให้หน่วยงานในพื้นที่วางแนวทางแก้ไขร่วมกันหลายภาคส่วน และดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล อย่างไรก็ดี ได้เสนอการกำหนดแผนดำเนินการใน 2 ระดับ ได้แก่ 1.การแก้ปัญหาภายในประเทศ ให้ทุกภาคส่วนบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และเข้มงวดสร้างแรงจูงใจการช่วยเหลือสนับสนุนเรื่องต้นทุนของเกษตร โดยใช้วิธีการอื่นแทนการเผาโดยเฉพาะข้าวโพด อาจใช้โมเดลการจัดการเดียวกันกับอ้อยที่บวกราคาเพิ่มให้เกษตรกรหากใช้วิธีการจัดการตอซังแทนการเผา ประกอบกับการสร้างโมเดลร่วมกับภาคเอกชน การสร้างจุดรับเศษเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อนำมาทำเป็นอาหารสัตว์ หรือเป็นพืชพลังงานชีวมวล ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีการบริหารจัดการเศษวัสดุการเกษตรในพื้นที่ราบ ทั้งนี้ ในจุดที่มีการเผา เจ้าของพื้นที่ต้องให้ความร่วมมือและอนุญาตในหน่วยงานภาคส่วนอื่นเข้าไปแก้ไขปัญหาร่วมด้วย เช่น พื้นที่สูง พื้นที่ป่า เป็นต้น

2.การแก้ปัญหาระหว่างประเทศ ภาครัฐในพื้นที่จำเป็นต้องมีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในเบื้องต้น เพื่อร่วมกันหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการเผาในภาคการเกษตร โดยข้อหารือในระดับพื้นที่ดังกล่าว จะถูกผลักดันเข้าสู่การเจรจาในระดับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งต่อไป กรณีประเทศใดไม่มีมาตรการป้องกัน หรือกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องการเผาในภาคการเกษตรที่ชัดเจน อาจมีมาตรการจำเป็นที่อาจลดการนำเข้าได้จากประเทศนั้นๆ

ทั้งนี้ นายนราพัฒน์ ได้เสนอประเด็นปัญหาก๊าซเรือนกระจกที่นานาชาติให้ความสำคัญเข้ามาเป็นกลไกการบังคับในการปฏิบัติ ซึ่งที่ผ่านมาได้ขับเคลื่อนผ่านเวทีคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และยินดีที่จะรับเป็นผู้ประสานแก้ปัญหานี้ในระยะยาว

นอกจากนี้ นายนราพัฒน์ ได้พบปะกลุ่มอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้แนวทางการพัฒนาการเกษตรในหมู่บ้าน พร้อมให้กำลังใจ อกม.ที่เป็นกำลังหลักในการประสานสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และเกษตรกรในหมู่บ้าน ส่งผลให้การบริหารงานตรงกับความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่มากที่สุด

สกู๊ปพิเศษ : ‘ฮอกไกโด ฟู้ดฯ’ เปิดเกมรุกเต็มสูบ จับมือ ‘อำพลฟูดส์’ ดันสินค้า พร้อมเปิดตัว ‘ซุปเปอร์ไฟต์’ รสชาติใหม่ ตั้งเป้าโตสู่แบรนด์ระดับโลก

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/734673

สกู๊ปพิเศษ : ‘ฮอกไกโด ฟู้ดฯ’ เปิดเกมรุกเต็มสูบ จับมือ ‘อำพลฟูดส์’ ดันสินค้า  พร้อมเปิดตัว ‘ซุปเปอร์ไฟต์’ รสชาติใหม่ ตั้งเป้าโตสู่แบรนด์ระดับโลก

สกู๊ปพิเศษ : ‘ฮอกไกโด ฟู้ดฯ’ เปิดเกมรุกเต็มสูบ จับมือ ‘อำพลฟูดส์’ ดันสินค้า พร้อมเปิดตัว ‘ซุปเปอร์ไฟต์’ รสชาติใหม่ ตั้งเป้าโตสู่แบรนด์ระดับโลก

วันศุกร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.

บริษัท ฮอกไกโด ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัททีโอเอ (TOA) นำโดย คุณประจักษ์ ตั้งคารวคุณ ร่วมงาน THAIFEX -ANUGA ASIA 2023 งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำแห่งเอเชีย ที่จัดขึ้น ณ อิมแพค เมืองทองธานี บริษัทฯ นำสินค้าใน เครื่องดื่มสมุนไพร “ซุปเปอร์ไฟต์” (SuperFight) และ ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพจากพืช (Plant Based Food) “ล้อตโต้ฟู้ด (Lotto Food)” ซึ่งเป็นสินค้าในเครือมาแสดงแบบจัดเต็มแล้ว นอกจากนี้ยังถือโอกาสจับมือร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจกับ ดร.เกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่งจำกัด เป็นผู้กระจายสินค้ากลุ่ม ขนมและเครื่องดื่ม ให้ครอบคลุมร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งทั่วประเทศ ด้วยการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาควบคุมการขนส่งแบบเรียลไทม์ พร้อมเร่งกระจายร้านค้าตัวแทนกว่า 4 แสนร้านค้าภายในปี 2568

สำหรับแบรนด์เครื่องดื่มสมุนไพร “ซุปเปอร์ไฟต์”(SuperFight) ปัจจุบันมีเครื่องดื่มซุปเปอร์ไฟต์สูตรสมุนไพรสกัด 8 ชนิดมีขนาด 150 มล. ราคาขวดละ 15 บาทและขนาด 100 มล.ราคาขวดละ 10 บาท จำหน่ายในเซเว่น-อีเลฟเว่น และ ตามร้านตู้แช่ทั่วประเทศซึ่งได้การตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เพื่อต่อยอดแผนการเติบโตที่ได้ตั้งเป้ายอดขายให้กลุ่มขนมและเครื่องดื่มโตกว่า 30% พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานดื่มได้ด้วย จากกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มผู้ใช้แรงงานที่รักสุขภาพ ทางแบรนด์จึงได้เปิดตัวรสชาติใหม่เพื่อเอาใจคนรักสุขภาพและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุค 5G ที่ให้ทั้งประโยชน์และความคุ้มค่าภายในขวดเดียวซึ่งคัดสรรมาเป็นพิเศษกับ ซุปเปอร์ไฟต์ เครื่องดื่ม โสมผสมวิตามินซี (สูตรไม่มีน้ำตาล) ไม่มีกาเฟอีน ขนาด 100 มล. ราคา 10 บาท ให้คนรักสุขภาพได้เลือกดื่มเติมคุณประโยชน์อย่างคุ้มค่าด้วยส่วนผสมของ โสมน้ำผึ้ง วิตามินบี วิตามินซีและ กรดอะมิโน (BCAA) ที่ช่วยลดอาการปวดเมื่อยเหนื่อยล้า เติมทั้งพลังงานและเสริมสร้างสุขภาพดีๆ ให้ผู้บริโภคสดชื่นระหว่างวันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้คุณประจักษ์ ตั้งคารวคุณและ ดร.เกรียงศักดิ์ เทพผดุงพรยังได้เยี่ยมชมบูธ Lotto Food ที่ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพจากพืช (Plant Based Food) ผลิต แปรรูปและจัดจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป อาหารพร้อมทาน อาหารแช่แข็งที่มีส่วนผสมจากพืชเป็นหลัก จัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ “Lotto Plant-Based”เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ความอร่อยง่ายๆ ที่ไม่ทำร้ายใคร”

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าใช้กลยุทธ์การกระจายสินค้าและสร้างดีมานด์แบบป่าล้อมเมือง โดยใช้ความแข็งแกร่งของอำพลฟูดส์ที่มีหน่วยรถกว่า 500 คัน เน้นการเจาะตลาดร้านค้าปลีกทั่วประเทศ ให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ซุปเปอร์ไฟต์ ได้อย่างทั่วถึง และตั้งเป้ายอดขายขยายตลาดต่างประเทศเพิ่ม โดยเน้นประเทศเพื่อนบ้านกลุ่ม CLMV ตะวันออกกลาง จีน สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา และประกาศพร้อมรุกตลาดผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ หวังปั้นเป็นแบรนด์ระดับโลกต่อไป

กรมชลฯเร่งมือ5โครงการ พัฒนาแหล่งน้ำในภาคใต้

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/734678

วันศุกร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.

นายก่อพงษ์ เจ้ยแก้ว ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 15 กรมชลประทาน กล่าวว่า ได้ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ตอนกลาง คือ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ และพังงา รวม 5 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการอ่างเก็บน้ำลำไตรมาศต.บางเหรียง อ.ทับปุด จ.พังงา 2.โครงการอ่างเก็บน้ำคลองหิน ต.คลองหิน อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ 3.โครงการประตูระบายน้ำคลองกลายบ้านนากุน ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช 4.โครงการอ่างเก็บน้ำธารประเวศ ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และ 5.โครงการอ่างเก็บคลองสังข์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

“โครงการพัฒนาแหล่งน้ำทั้ง 5 โครงการดังกล่าว เมื่อแล้วเสร็จจะสร้างความมั่นคงด้านน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคให้ราษฎรได้รวม 10 ตำบล ใน 4 จังหวัดภาคใต้ตอนกลาง สามารถเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้ 29,550 ไร่ เก็บกักน้ำต้นทุนไว้ในระบบชลประทานรวมกันได้มากกว่า 52 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อน สร้างรายได้ให้กับคนท้องถิ่นด้วย” ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 15 กล่าว

‘อลงกรณ์’ปลื้มส่งออกข้าว 4เดือนพุ่งทะลุ3.05ล้านตัน

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/734677

วันศุกร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การส่งออกข้าวไทย 4 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณสูงถึง 3.05 ล้านตัน และความต้องการข้าวในตลาดยังมีต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ราคาข้าวในประเทศเกือบทุกประเภทสูงเกินราคาประกันรายได้ โดยเฉพาะข้าวเจ้า ซึ่งมีปริมาณผลิตมากที่สุด คาดว่าการส่งออกข้าวของไทย ในปี 2566 จะทะลุเป้าหมาย 7.5 ล้านตัน และน่าจะแซงตัวเลขการส่งออกข้าว ในปี 2565

สำหรับการส่งออกข้าวไทยปี 2565 อยู่ที่ 7.69 ล้านตัน โดยปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น 22.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการส่งออกสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7.5 ล้านตัน ขณะที่มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 138,451.8 ล้านบาท คิดเป็น 3,970.9 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 26.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ยุทธศาสตร์การตลาดนำการผลิต เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด เป็นยุทธศาสตร์บนความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ที่ทำงานเชิงรุกร่วมกับภาคเอกชนและเกษตรกร มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ผลผลิตต่อไร่สูง มีคุณภาพมาตรฐาน ตรงความต้องการของตลาด การยกระดับข้าวแปลงใหญ่ เพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในต่างประเทศ รวมทั้งค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่แข่งขันได้เป็นปัจจัยสำคัญทำให้การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ที่สำคัญคือชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น” นายอลงกรณ์ กล่าว