ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิตชายเฮติ คดีลอบสังหารประธานาธิบดีโมอิส

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699211

ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิตชายเฮติ คดีลอบสังหารประธานาธิบดีโมอิส

4 มิ.ย. 2566 05:05 น.

ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิตชายเฮติ คดีลอบสังหารประธานาธิบดีโมอิส

ผู้พิพากษาศาลในรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ชายเฮติถือ 2 สัญชาติ ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีเฮติเมื่อ 2 ปีก่อน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้พิพากษา โชเซ อี. มาร์ติเนซ แห่งศาลรัฐฟลอริดา ในเมืองไมอามี ของสหรัฐฯ มีคำตัดสินเมื่อวันศุกร์ที่ 2 มิ.ย. 2566 ให้จำคุกตลอดชีวิต นายโรดอล์ฟ จาร์ ชายชาวชิลี สัญชาติเฮติ ใน 3 ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดี โฌเวเนล โมอิส แห่งเฮติ เมื่อ 2 ปีก่อน

ผู้พิพากษามาร์ติเนซมีคำตัดสินหลังจากเริ่มการพิจารณาคดีในวันศุกร์ได้เพียง 10 นาทีเท่านั้น โดยนายจาร์ยอมรับความผิดไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม ใน 3 ข้อหา ซึ่งรวมถึง สมคบกันก่อเหตุฆาตกรรม หรือลักพาตัวนอกสหรัฐฯ และข้อหา ให้การสนับสนุนเชิงวัตถุอันส่งผลให้เกิดการเสียชีวิต

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโมอิส ถูกกลุ่มคนร้ายบุกสังหารถึงในห้องนอน เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2564 โดยนายจาร์เห็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยหลายคนที่กำลังหลบหนีในเวลานั้น จนกระทั่งเขาถูกจับกุมตัวได้ที่สาธารณรัฐโดมินิกัน และถูกส่งตัวไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ เมื่อเดือนมกราคม 2565

นายจาร์ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จัดหาเงินทุนเพื่อใช้ในการซื้ออาวุธ, อาหาร และที่อยู่ให้แก่ผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นๆ และออกทุนในการติดสินบนเจ้าหน้าที่เฮติผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัยของประธานาธิบดีโมอิส

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุอีกว่า มีคนหลายสิบคนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารนายโมอิส รวมถึงชาวโคลอมเบีย 26 คน และชาวอเมริกันเชื้อสายเฮติอีก 2 คน โดยผู้ต้องสงสัยชาวโคลอมเบียชื่อ มาริโอ ปาลาซิออส ก็ถูกส่งตัวไปดำเนินคดีที่สหรัฐฯ ในปี 2565 เช่นกัน

ที่มา : cnn

เรื่องเล่าจากกองพันที่ 28 ยูเครน (2)

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699059

เรื่องเล่าจากกองพันที่ 28 ยูเครน (2)

4 มิ.ย. 2566 05:50 น.

เรื่องเล่าจากกองพันที่ 28 ยูเครน (2)

มีรายงานหนาหูขึ้นทุกขณะว่า ภายในช่วงกลางเดือน มิ.ย.นี้ ที่ประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) และหุ้นส่วนจะซ้อมรบทางอากาศขนานใหญ่ อาจเป็นช่วงเวลาที่กองทัพยูเครนตัดสินใจเป่านกหวีดปฏิบัติการตีโต้ขนานใหญ่ที่ชาติตะวันตกรอคอย เพื่อทวงคืนดินแดนจากรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม สำหรับทหารในแนวหน้าที่ทำหน้าที่ป้องกันรักษาแนวรบไว้อย่าง “กองพันที่ 28 ยูเครน” ซึ่งนิตยสารเดอะนิวยอร์เกอร์สหรัฐฯ เล่าเรื่องราวไว้สัปดาห์ก่อนนั้นยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ต้อง พยายามเอาตัวรอดจากการปะทะกับกองทัพรัสเซียด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์เท่าที่มีอยู่ในมือ

“เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565 โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน มีคำสั่งระดมไพร่พลจากทุกชนชั้นอายุ 18-60 ปี เพื่อขับไล่ผู้รุกราน แถวรับสมัครยาวเป็นหางว่าว ถึงขั้นที่บางแห่งต้องปิดรับสมัครบอกว่าได้คนพอแล้ว มาวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังคงสนับสนุนให้ต่อต้านรัสเซียมากกว่ายอมเจรจา แต่แน่นอนว่าเหมือนกับสงครามทุกๆครั้ง คนที่มีโอกาสน้อยกว่าทางสังคมย่อมเป็นผู้แบกรับชะตากรรม”

จากการใช้ชีวิตกับทหารกองพันที่ 28 ที่ตั้งมั่นอยู่บริเวณแนวป่าและดงดอกทานตะวันทางตอนใต้ของเมืองปราการ “บาคห์มุท” ในจังหวัดโดเนตสก์ก็ปรากฏภาพเช่นนั้น สมาชิกส่วนใหญ่ในหน่วยรบมาจากระดับกรรมาชีพ ชาวนา ช่างไม้ ช่างประปา คนแบกของ ทหารรายหนึ่งกล่าวว่า “ในช่วงต้นสงครามยังพอที่จะเจอตัวคนฐานะดี ชนชั้นสูงบ้าง แต่หลังจากผ่านไป 1 ปี ก็อย่างที่เห็น อัตราการตายมันสูง เหนื่อยล้ากัน หมด และทางการก็ใช้วิธีบังคับเกณฑ์ทหาร แต่แน่นอนก็มีเสียงลือกันเยอะอยู่ว่าคนที่รอดคือมีเส้นสาย หรือมีเงินจ่ายใต้โต๊ะ”

ด้วยสัดส่วนของทหารเกณฑ์ไร้ประสบการณ์ที่มากขึ้นทุกขณะ ทำให้ภาระตกอยู่กับ “นายทหาร” หนักขึ้น อย่างนายร้อยรายหนึ่งนามว่า โวลุนยากา วัย 30 ปี รูปร่างสมาร์ทแบบนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล ที่ต้องรับผิดชอบทั้งหน่วยต่อต้านรถถัง (ดูแลพลทหารนามว่า คาบัน และ คาเด็ท ที่ทีมงานได้มีโอกาสคลุกคลีด้วยในหลุมเพลาะ) และหน่วยยานพาหนะ ซึ่งปัจจุบันนี้เหลือยานเกราะอยู่เพียงคันเดียว ที่เหลือถูกปืนใหญ่ยิงทำลายไปจนหมด

รถคันที่รอดตายเป็นยานเกราะรุ่น “BMP” จากยุคสหภาพโซเวียต ติดปืนกลและปืนใหญ่ 73 มม. กันกระสุนได้แต่ก็ไม่เท่ารถถัง แต่ในหน่วยรบจะเรียกขานกันว่า “โลงศพเหล็ก” ครั้งหนึ่งตอนเรียกเคลื่อนพล ทหารวัย 19 ปี ชื่อรหัสว่าคาเด็ท ถึงกับผงะ และ กระซิบบอกว่า “เคยเห็นหลายคนถูกเผาตายทั้งเป็นอยู่ในรถ แค่โดนจรวดอาร์พีจีลูกเดียว หรือโดนปืนครกจังๆก็เรียบร้อย”

ในทุกๆวัน โวลุนยากาจะบัญชาการยานเกราะ ดังกล่าวขับไปยังหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากแนวประจันหน้ากับกองทัพรัสเซีย หรือที่เรียกว่า ซีโร่–ไลน์ และทำการยิงปืนใหญ่ประจำรถใส่แนวตั้งมั่นของรัสเซียประมาณ 15-20 ครั้ง วันนึงขับไปยิงสองครั้ง แต่จะไม่แหลมไปแนวหน้าเด็ดขาด เนื่องจากจะกลายเป็นเป้าอย่างดี จากการที่ทีมงานได้นั่งติดยานเกราะไปด้วย ทำให้ได้รู้จักกับพลขับนามว่า ดาร์วิน เป็นหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับคาเด็ท เจ้าตัวเล่าว่า เป็นคนเมืองเคียร์ซอนและอพยพออกจากเมืองตอนที่รัสเซียบุกยึด ก่อนเข้าร่วมกับกองทัพยูเครน

ทั้งโวลุนยากาและดาร์วินก็เหมือนกับทหารในหน่วยอื่นๆ ที่ไม่เคยได้มีโอกาสฝึกฝนใช้อาวุธ ยุทโธปกรณ์ ต้องเรียนรู้เอาเองจากอินเตอร์เน็ต ดาร์วินเล่าว่า ยังดีที่มีอินเตอร์เน็ตให้ แต่ขณะเดียว กันก็เหมือนดาบสองคม ล่าสุดเราต้องยกเลิกกำหนดการเข้าโจมตี เนื่องด้วยทหารใหม่รายหนึ่งไปโพสต์วิดีโอลงโซเชียลประกาศว่ากำลังจะบุก ซึ่งตอนที่นายทหารสั่งให้ลบก็มีผู้เข้าชมไปแล้วกว่า 11,000 ครั้ง

เช้าวันรุ่งขึ้นผู้สื่อข่าวและช่างภาพตัดสินใจเดินทางไปยังหมู่บ้านร้างหลังแนวรบ ซึ่งเป็นจุดของหน่วยพยาบาล “เสนารักษ์” ที่นั่นเราได้พบทหารนามว่า คิริลโล ชายวัยกลางคน อดีตคนขับรถแทรกเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพลขับรถหุ้มเกราะ M–113 ของอเมริกันในสมัยสงครามเวียดนาม เจ้าตัวพูดด้วยเสียงติดอ่างอธิบายว่า เอาไว้รับคนเจ็บ ทางกองทัพไม่ได้ให้คู่มือมาหรอก แต่ผมขับได้ทุกอย่าง ขอให้มีแค่เครื่องยนต์ก็เพียงพอ

ขณะที่ผู้หญิงคนเดียวที่เราพบเห็นคือ พยาบาลยศจ่านามว่า ลีโอโนรา อายุ 47 ปี เธอเล่าเรื่องราวให้เราฟังว่า เป็นพยาบาลในห้องฉุกเฉินมานานกว่า 10 ปี ก่อนเข้าร่วมกับกองทัพเมื่อปี 2562 ปัจจุบันอยู่ตัวคนเดียว สามีย้ายไปอยู่ฝรั่งเศส ทีมข่าวได้แซวเล่นกับเธอว่า นี่ผมเป็นสีเงินหมดแล้วอายุแค่นี้เอง เธอเอื้อมมือไปจับผมและตอบเรากลับว่า ไม่สังเกตเลย ชินแล้วล่ะ

ระหว่างการสนทนา เสียงวิทยุสื่อสารก็ดังขึ้น “ขอหน่วยพยาบาลมาย้ายผู้บาดเจ็บที่จุดท่าเรือด้านล่าง” หมายถึงชื่อรหัสของตำแหน่งหลุมเพลาะ สมาชิกรายหนึ่งถึงกับสบถขึ้นทันที บ้าเอ้ย จุดนั้นอันตรายมาก แต่แน่นอนเหมือนเครื่องจักรที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ คิริลโลได้สตาร์ตรถหุ้มเกราะรอไว้เรียบร้อย ทีมเราได้กระโดดขึ้นรถขอไปด้วยทันที ตามมาด้วยลีโอโนราที่จัดการตระเตรียมเปลหาม บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด ลีโอโนรานั่งหลับตาและหายใจเข้าลึกๆไปตลอดทางและเบิกตาขึ้นมาทันทีที่รถหุ้มเกราะจอดสนิท

“เรามาถึงจุดนัดพบแล้ว” ลีโอโนราพูดผ่านวิทยุก่อนโผล่ศีรษะออกจากรถหุ้มเกราะเพื่อดูสถานการณ์และก้มหลบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงกรีดลมของกลุ่มกระสุนปืนฝ่ายรัสเซียที่โฉบผ่านไปในระยะกระชั้นชิด ***เอ้ย แม่*** ลีโอโนราสบถอย่างรุนแรง ตะคอกใส่วิทยุย้ำไปอีกครั้งด้วยประโยคเดิม ขณะที่คิริลโลทำการขยับรถเปลี่ยนตำแหน่งอย่างเร่งด่วนตามด้วยเสียงเฟี้ยวของจรวดอาร์พีจี พร้อมตะโกนย้ำๆให้คนในรถได้ยิน “โดรนอยู่เหนือหัวเรา!” เอาไงดี เปิดประตูหลังไว้หรือไม่ ทำให้ลีโอโนราตอบกลับไป ไม่ต้องเดี๋ยวกระสุนแฉลบเข้ามา

เหตุการณ์ครั้งนั้น ผลปรากฏว่า ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอยู่อีกจุดหนึ่ง คิริลโลต้องขับรถต่อไปอีก และตอนที่ไปรับก็พบว่าเป็นกลุ่มทหารที่บาดเจ็บจากระเบิดมือขณะเข้าตีหลุมเพลาะฝ่ายรัสเซีย แต่ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว เพียงแค่พากลับโรงพยาบาลสนามก็พอ การเดินทางขากลับเต็มไปด้วยความเงียบสงัด ซึ่งพอคิริลโลดับเครื่องยนต์ เราได้สอบถามลีโอโนราว่า ตอนที่นั่งนิ่งๆกำลังสวดมนต์อยู่หรือ เธอให้คำตอบว่าเปล่าเลย ตอนนั้นพยายามนั่งจินตนาการ นึกภาพคนเจ็บในรูปแบบต่างๆ เพื่อลงมือปฐมพยาบาล หวังเพิ่มโอกาสให้เขารอดชีวิต ก่อนบอกลาทีมงานเราขอตัวไปสูบบุหรี่และนั่งรอฟังคำสั่งครั้งต่อไป

ไม่กี่วันหลังจากนั้น เราได้ร่ำลากองพันที่ 28 เดินทางออกจากที่มั่นด้วยยานเกราะบีเอ็มพี เพื่อกลับไปพักฟื้นที่เมืองแห่งหนึ่งหลังแนวรบ ระหว่างทางทีมข่าวเห็นหญิงชรารายหนึ่งถือไม้เท้าเดินอยู่ริมถนน ซึ่งเมื่อรถกำลังแล่นผ่านไป เธอได้ทำมือสัญลักษณ์กางเขนสวดภาวนาให้กับเรา ถือเป็นภาพที่แปลกตานักเมื่อเทียบกับที่อื่นๆในยูเครนที่คนส่วนใหญ่มักจะชูกำปั้น ไม่ก็โบกมือหรือตะโกนเชียร์ ผู้สื่อข่าวถามกับ โวลุน ยากา ที่นั่งติดรถมาด้วยว่าทำไมคนที่นี่ต่างกับที่อื่น ไม่สวดมนต์ให้เราก็หลบตา?

นายทหารยูเครนวัย 30 ปี ตอบกลับด้วยเสียงราบเรียบ “เกือบทุกคนที่นี่โปรรัสเซียทั้งนั้น พวกเขาไม่ต้องการเรา” อ้าว แล้วชาว บ้านไม่เป็นมิตรแบบนี้ มันไม่กระทบขวัญกำลังใจหรือ…โวลุนยากาส่ายหน้าและพูดสั้นๆว่า “ผมรู้ที่นี่เป็นดินแดนของผม ทำไมผมต้องไปแคร์ด้วยว่าพวกเขาคิดเห็นกันเช่นไร”.

วีรพจน์ อินทรพันธ์

เร่งช่วยคนเจ็บ (คลิป)

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699189

เร่งช่วยคนเจ็บ (คลิป)

4 มิ.ย. 2566 05:05 น.

เร่งช่วยคนเจ็บ (คลิป)

ทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ระดมมาจากพื้นที่โดยรอบเร่งเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บส่ง รพ.จากเหตุรถไฟชนกัน 3 ขบวน เป็นรถไฟโดยสาร 2 รถไฟบรรทุกสินค้า 1 ในรัฐโอดิศา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก.

เซเลนสกีลั่น ยูเครนพร้อมเริ่มโจมตีตอบโต้ ชิงดินแดนคืนจากรัสเซียแล้ว

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699209

เซเลนสกีลั่น ยูเครนพร้อมเริ่มโจมตีตอบโต้ ชิงดินแดนคืนจากรัสเซียแล้ว

4 มิ.ย. 2566 03:47 น.

เซเลนสกีลั่น ยูเครนพร้อมเริ่มโจมตีตอบโต้ ชิงดินแดนคืนจากรัสเซียแล้ว

โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนยืนยัน กองทัพพร้อมเริ่มการโจมตีตอบโต้รัสเซียแล้ว แม้ว่าจะยังได้อาวุธที่ต้องการจากชาติตะวันตกไม่ครบ

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2566 สำนักข่าว วอลล์สตรีทเจอร์นัล เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน โดยเขาระบุว่า ประเทศของเขาพร้อมแล้วที่จะเริ่มการโจมตีตอบโต้ เพื่อปลดปล่อยดินแดนที่ถูกรัสเซียเข้ายึดครอง แม้จะยอมรับว่า อาจต้องใช้เวลาและแลกด้วยความสูญเสียมากมาย

“เราเชื่ออย่างยิ่งว่าเราจะประสบความสำเร็จ” เซเลนสกี กล่าว “ผมไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน พูดตามตรง มันอาจจะดำเนินไปได้หลายทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่เราจะทำ และเราพร้อมแล้ว”

เซเลนสกีบอกอีกว่า กองทัพยูเครนยังไม่ได้อาวุธทุกอย่างที่หวังเอาไว้ แต่ว่าพวกเขารอไม่ได้อีกต่อไปแล้ว หลังจากเมื่อเดือนก่อนเขากล่าวว่า ยูเครนต้องการอาวุธเพิ่ม รวมถึงรถหุ้มเกราะ ก่อนที่จะสามารถเริ่มปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันมานานแล้วว่าจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ประธานาธิบดียูเครนพยายามเดินหน้าผลักดันให้ชาติตะวันตกส่งความช่วยเหลือทางทหารและอาวุธมาให้พวกเขามากขึ้น เพื่อยึดคืนดินแดนในภาคตะวันออก, ใต้ และตะวันออกเฉียงใต้ที่ถูกรัสเซียชิงไปกลับคืนมา

นอกจากนั้น ยูเครนยังต้องการระบบป้องกันมิสไซล์ ‘แพทริออต’ ของสหรัฐฯ มากขึ้นอีก เพื่อรับมือการโจมตีทางอากาศของมอสโก เพราะหากไม่มีการป้องกัน ทหารจำนวนมากอาจต้องเสียชีวิตในปฏิบัติการตอบโต้

อีกด้านหนึ่ง นายโวโลดีเมียร์ ฮาฟรีลอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมของยูเครน บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์สนอกรอบการประชุมความมั่นคงในสิงคโปร์ ว่า เป้าหมายของการโจมตีทางอากาศหลายระลอกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของรัสเซีย ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม คือการหยุดยิงการโจมตีตอบโต้ของยูเครน

ที่มา : rferl

อียิปต์เร่งสืบ เหตุ ตร.ข้ามชายแดน ยิงทหารอิสราเอลดับ 3 ศพ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699207

อียิปต์เร่งสืบ เหตุ ตร.ข้ามชายแดน ยิงทหารอิสราเอลดับ 3 ศพ

4 มิ.ย. 2566 02:17 น.

อียิปต์เร่งสืบ เหตุ ตร.ข้ามชายแดน ยิงทหารอิสราเอลดับ 3 ศพ

เจ้าหน้าที่อิสราเอลกับอียิปต์กำลังร่วมกันสืบสวนข้อเท็จจริง หลังทหารอิสราเอล 3 นาย ถูกตำรวจอียิปต์ยิงเสียชีวิตในพื้นที่ใกล้ชายแดน คาดเกิดความสับสนระหว่างสกัดพ่อค้ายาเสพติด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของกองทัพอิสราเอล ว่า เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 3 มิ.ย. 2566 ทหารอิสราเอล 2 นาย เป็นชาย 1 หญิง 1 ซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่ห่างไกลบริเวณชายแดนติดต่อกับประเทศอียิปต์ ถูกยิงเสียชีวิต โดยศพของทั้งคู่ถูกพบโดยผู้บังคับบัญชา หลังจากใช้วิทยุติดต่อพวกเขาไม่ได้

สื่อของอิสราเอลระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในพื้นที่ระหว่างภูเขาฮาริฟ กับภูเขาซากี ในทะเลทรายเนเกฟ ซึ่งห่างจากชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับเมืองท่าเอลัต ติดทะเลแดงของอียิปต์ไม่ไกล

จากนั้นหลังจากปฏิบัติการค้นหานานหลายชั่วโมง ทหารอิสราเอลก็สามารถโอบล้อมมือปืนผู้ก่อเหตุ และเกิดการยิงต่อสู้กัน ทำให้ทหารอิสราเอลเสียชีวิตไปอีก 1 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีก 1 นาย ส่วนมือปืนถูกยิงเสียชีวิต ก่อนจะทราบในภายหลังว่าเป็นตำรวจชาวอียิปต์

ด้านกองทัพอียิปต์ออกแถลงการณ์เพียงว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของพวกเขาไล่ตามกลุ่มผู้ลักลอบขนยาเสพติดจนข้ามพรมแดนเข้าไปในอิสราเอล ซึ่งนำไปสู่การยิงทหารอิสราเอล พร้อมกับขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย

ขณะที่กองทัพอิสราเอลระบุว่า ในช่วงข้ามคืนเดียวกันนั้น พวกเขาก็มีปฏิบัติการจับกุมผู้ลักลอบขนยาเสพติดและยึดของกลางมูลค่ากว่า 400,000 ดอลลาร์สหรัฐเอาไว้ได้ และบอกด้วยว่าพวกเขายังคงค้นหาพื้นที่โดยรอบ เพื่อดูว่ามีคนอื่นเกี่ยวข้องกับเหตุยิงกันนี้ด้วยหรือไม่ โดยที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ตำรวจอียิปต์ข้ามพรมแดนเข้ามาได้อย่างไร

ตอนนี้กองทัพของทั้ง 2 ประเทศกำลังร่วมมือกันสืบสวนหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ประหลาดนี้ โดยโฆษกกองทัพอิสราเอลยืนยันว่าความร่วมมือเป็นไปได้ด้วยดี

ที่มา : bbc

พายุโซนร้อน มาวาร์ ถล่มญี่ปุ่น ทำน้ำท่วมหนัก ดับแล้ว 1 ศพ เจ็บ 30 ราย

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699206

พายุโซนร้อน มาวาร์ ถล่มญี่ปุ่น ทำน้ำท่วมหนัก ดับแล้ว 1 ศพ เจ็บ 30 ราย

4 มิ.ย. 2566 01:36 น.

พายุโซนร้อน มาวาร์ ถล่มญี่ปุ่น ทำน้ำท่วมหนัก ดับแล้ว 1 ศพ เจ็บ 30 ราย

อิทธิพลจากพายุโซนร้อนมาวาร์ ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมเป็นวงกว้างในประเทศญี่ปุ่น พบผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 30 ราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดฝนตกหนักในกรุงโตเกียวกับพื้นที่โดยรอบ เมื่อวันเสาร์ที่ 3 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา เนื่องจากลมร้อนชื้นจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน ‘มาวาร์’ ที่เคลื่อนตัวผ่านพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ปะทะกับแนวอากาศเย็นใกล้กับเกาะฮอนชู

หน่วยงานสภาพอากาศของญี่ปุ่นเตือนว่า อิทธิพลของพายุทำให้ความเสี่ยงเกิดดินถล่มและแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งในภาคตะวันออกของประเทศ เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่มีรายงานพบผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ศพ และมีผู้สูญหายอีก 3 คน ทางการในหลายพื้นที่ของประเทศต้องสั่งอพยพผู้คนไปยังที่ปลอดภัย

ทั้งนี้คาดว่า พายุมาวาร์จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อน (extratropical cyclone) ในเร็วๆ นี้ หลังจากมันเคลื่อนตัวไปทางตะวันอออกของเกาะฮอนชู แต่มันจะทำให้เกิดฝนตกในภูมิภาคโตไค (Tokai region) หรือบริเวณจังหวัดนาโงยะ, ไอจิ, กิฟุ และมิเอะ ตอนกลางของเกาะไปจนถึงเช้าวันอาทิตย์

ด้านบริษัท Central Japan Railway กลับมาให้บริการรถไฟหัวกระสุนระหว่างกรุงโตเกียวกับโอซากาอีกครั้งในช่วงเที่ยวของวันเสาร์ หลังต้องระงับไปตั้งแต่เมื่อวันศุกร์เพราะฝนตก จนผู้โดยสารกว่า 5,300 คนที่สถานีในกรุงโตเกียว, นาโงยะ และสถานีชิน-โอซากา ต้องนอนค้างที่นั่นหรือบนรถยนต์ของตัวเอง

อิทธิพลของพายุมาวาร์ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์จนถึงช่วงเช้าวันเสาร์ ในจังหวัดในภาคกลางและตะวันตกของญี่ปุ่น ทำให้เกิดฝนตกหนักสะสม ส่งผลให้ระดับในแม่น้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนรัฐบาลท้องถิ่นในบางแห่ง เช่น เมืองโตโยฮาชิ ของจังหวัดไอจิ ต้องประกาศเตือนภัยน้ำท่วมรุนแรง และเรียกร้องให้ประชาชนอพยพ

และที่เมืองโตโยฮาชินี่เองที่พบผู้เคราะห์ร้าย 1 ศพ เป็นผู้ชาย เสียชีวิตภายในรถยนต์กลางทุ่งที่ถูกน้ำท่วมเมื่อคืนวันศุกร์ โดยรถของเขาถูกน้ำท่วมเกือบมิดคัน

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า บ้านหลังหนึ่งในเมืองฮามามัตสึ จังหวัดชิซุโอกะ ถูกดินถล่มใส่จนพังเสียหาย ชายคนหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นผู้อยู่อาศัย หายตัวไป ส่วนที่จังหวัดวากายามะ แม่น้ำหลายสายเอ่อล้นตลิ่ง ทำให้เกิดน้ำท่วม ชาย 1 คน กับหญิงอีก 1 คนหายสาบสูญไป และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 30 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 6 ราย

สุดสลด เหตุโศกนาฏกรรมรถไฟชนกันที่อินเดีย ยอดตายพุ่งทะลุ 280 ศพแล้ว (คลิป)

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699071

สุดสลด เหตุโศกนาฏกรรมรถไฟชนกันที่อินเดีย ยอดตายพุ่งทะลุ 280 ศพแล้ว (คลิป)

3 มิ.ย. 2566 13:13 น.

สุดสลด เหตุโศกนาฏกรรมรถไฟชนกันที่อินเดีย ยอดตายพุ่งทะลุ 280 ศพแล้ว (คลิป)

กู้ภัยอินเดียพบร่างไร้วิญญาณเพิ่มต่อเนื่อง หลังระดมเจ้าหน้าที่และสุนัขตำรวจเข้าช่วยค้นหาในซากรถไฟ ขณะที่ทางการเร่งสอบสวนหาสาเหตุ และเตรียมกำหนดวันไว้อาลัย

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุรถไฟชนกันในอินเดียเมื่อคืนที่ผ่านมายังเพิ่มไม่หยุด ล่าสุดมาอยู่ที่กว่า 280 ศพ และบาดเจ็บอีกเกือบ 900 คน โดยคลิปภาพจากมุมสูงในช่วงเช้าจะเห็นขบวนรถที่ประสบเหตุขึ้นไปเกยซ้อนกันอยู่ และมีตู้รถที่ตกรางรวมกว่า 10 ตู้ ขณะที่หน่วยกู้ภัยเดินหน้าค้นหาผู้ที่อาจจะยังติดอยู่ใต้ซากขบวนรถอย่างต่อเนื่อง โดยมีการระดมเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 1,200 นาย รถพยาบาลอีก 115 คัน รถบัส 50 คัน และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่อีก 45 คัน ร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้

ด้านนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ได้ทวีตข้อความแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอส่งความห่วงใยไปถึงครอบครัวผู้สูญเสียทุกคน โดยยืนยันว่าจะเร่งให้ความช่วยเหลือในทุกๆ ด้านแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ

เบื้องต้นมีรายงานว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีรถไฟขบวนแรกตกราง ก่อนที่รถไฟขบวนที่สองจะพุ่งชนซ้ำ แต่ล่าสุดมีรายงานว่าอาจจะมีรถไฟขบวนที่สามซึ่งเป็นรถไฟบรรทุกสินค้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ยังคงต้องรอการตรวจสอบที่แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนจะสรุปสาเหตุของอุบัติเหตุต่อไป

โดยประเทศอินเดียนับเป็นประเทศที่มีโครงข่ายเส้นทางรถไฟใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมักจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง โดยอุบัติเหตุทางรถไฟครั้งเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นเมื่อปี 1981 เมื่อรถไฟที่บรรทุกผู้โดยสารเกินความจุ พุ่งตกจากรางลงไปในแม่น้ำในช่วงที่พายุไซโคลนพัดเข้าถล่มรัฐพิหาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึงกว่า 800 ศพ.

ที่มา : บีบีซี

ซิดนีย์หมอกลงหนาจัด กระทบการเดินเรือเฟอร์รี่

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699049

ซิดนีย์หมอกลงหนาจัด กระทบการเดินเรือเฟอร์รี่

3 มิ.ย. 2566 12:07 น.

ซิดนีย์หมอกลงหนาจัด กระทบการเดินเรือเฟอร์รี่

นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียเผชิญหมอกลงหนาจัด ส่งผลให้ต้องระงับการให้บริการเรือเฟอร์รี่ทั้งขาไปและขากลับชั่วคราว

การให้บริการของเรือเฟอร์รี่ที่ท่าเรือ เซอร์คูลาร์ คีย์ (Circular Quay) ต้องถูกระงับชั่วคราวตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากที่นครซิดนีย์ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาจัด กระทบต่อทัศนวิสัยในการเดินเรือ ก่อนที่จะกลับมาให้บริการได้อีกครั้งในช่วงสาย หลังจากหมอกคลายแล้ว

โดยก่อนหน้าที่จะมีการประกาศระงับการให้บริการ ทางเรือเฟอร์รี่ซิดนีย์ได้แจ้งเตือนผู้โดยสารให้หาทางเลือกในการเดินทางโดยวิธีอื่นๆ สำรองไว้ รวมทั้งให้เผื่อเวลาในการเดินทางให้มาก

เหตุการณ์หมอกลงในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่นครซิดนีย์ทำสถิติไม่มีฝนตกเลยตลอด 2 สัปดาห์ในรอบ 2 ปี โดยนับตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา นครซิดนีย์ยังไม่เจอกับฝนตกเลยแม้แต่วันเดียว และคาดว่าจะยังคงไม่มีฝนไปจนถึงวันอาทิตย์นี้เป็นอย่างน้อย ซึ่งแม้ว่าจะมีรายงานฝนตกประปรายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในย่านชานเมือง แต่ก็เป็นปริมาณที่น้อยมากจนไม่สามารถเก็บสถิติได้

นับว่าเป็นการทำลายสถิติปลอดฝนยาวนาน หลังจากที่ครั้งก่อนหน้านี้เคยปลอดฝนมานาน 13 วันในช่วงวันที่ 6 มิถุนายนจนถึง 19 มิถุนายนปีที่แล้ว ขณะที่สถิติการไร้ฝนที่ยาวนานที่สุดของนครซิดนีย์ที่มีบันทึกไว้ คือ 48 วัน จากวันที่ 14 กรกฎาคม-3 กันยายน 1995.

ที่มา : 9news

ญี่ปุ่นเผชิญฝนตกหนักจากพายุมาวาร์ ตายแล้ว 1 ศพ สูญหายอีก 2

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699022

ญี่ปุ่นเผชิญฝนตกหนักจากพายุมาวาร์ ตายแล้ว 1 ศพ สูญหายอีก 2

3 มิ.ย. 2566 10:50 น.

ญี่ปุ่นเผชิญฝนตกหนักจากพายุมาวาร์ ตายแล้ว 1 ศพ สูญหายอีก 2

อิทธิพลของพายุโซนร้อนมาวาร์ส่งผลให้มีฝนตกหนักในญี่ปุ่น จนต้องสั่งเตรียมพร้อมอพยพประชาชนหลายพันคน โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ศพ และสูญหายไม่ทราบชะตากรรมอีก 2 ราย

แม้ว่าไต้ฝุ่นมาวาร์จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้ว แต่อิทธิพลของพายุก็ส่งผลให้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น โดยหน่วยกู้ภัยในภูมิภาคโทโยฮาชิ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการยกระดับเตือนภัยอพยพขั้นสูงสุดเมื่อวันศุกร์ ได้เร่งเข้าช่วยเหลือชายอายุราว 60 ปี ที่ติดอยู่ภายในรถที่จมน้ำ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ขณะที่ทางภาคตะวันตกของเมืองวากายามะ ซึ่งมีรายงานน้ำในแม่น้ำทะลักล้นตลิ่ง มีรายงานว่ามีหญิง 1 ราย และชายอีก 1 รายสูญหายไป ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหา

โดยพื้นที่ตอนกลางและตะวันตกของญี่ปุ่นมีประกาศเตือนภัยให้อพยพในระดับสูงสุดแล้วหลายพื้นที่ก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้บังคับแต่อย่างใด ก่อนที่จะลดระดับลงหลังจากปริมาณฝนเริ่มลดลง อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีการประกาศเตือนภัยครั้งใหม่ใกล้กับพื้นที่กรุงโตเกียวให้ระวังความเสี่ยงจากน้ำท่วม

ทั้งนี้ มีรายงานว่าบ้านเรือนประชาชนราว 4,000 หลังใกล้กับกรุงโตเกียวต้องประสบปัญหาไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ขณะที่รถไฟชินคันเซ็นที่วิ่งระหว่างโตเกียวและนาโกยาต้องระงับบริการชั่วคราว แต่คาดว่าจะสามารถกลับมาให้บริการได้อีกครั้งราวเที่ยงวันนี้

ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายฮิโรคาสึ มัตซุโนะ โฆษกรัฐบาลเตือนประชาชนให้เตรียมรับมือกับพายุฝนรุนแรงและพายุฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ ในช่วง2-3 วันนี้ โดยมีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 7 ราย.

ที่มา : แชนแนลนิวส์เอเชีย

สหรัฐฯตีบทแตก! ผ่านมติเพิ่มเพดานหนี้

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699034

สหรัฐฯตีบทแตก! ผ่านมติเพิ่มเพดานหนี้

3 มิ.ย. 2566 10:21 น.

สหรัฐฯตีบทแตก! ผ่านมติเพิ่มเพดานหนี้

รัฐบาลสหรัฐฯรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ หลังเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. สภาคองเกรสสหรัฐฯประสบความสำเร็จในการผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้สาธารณะของประเทศ ภายหลังจากพรรครัฐบาลเดโมแครตและพรรคฝ่ายค้านรีพับลิกันเจรจาต่อรองกันได้ลงตัวในเรื่องการลดงบประมาณค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หนี้สาธารณะของสหรัฐฯที่สูงถึง 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 1,099 ล้านล้านบาท ได้แตะระดับ เพดานการกู้ยืมไปตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา และจะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ ซึ่งย่อมสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างแก่ตลาดการเงินโลก และจะตามมาด้วยสภาพเศรษฐกิจถดถอย คนตกงานเป็นจำนวนมาก

รัฐบาลสหรัฐฯกำหนดเพดานหนี้ หรือเพดานการกู้ยืมเพื่อป้องกันการใช้จ่ายเกินตัว แต่ตลอดเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯได้ขยายเพดานการกู้ยืมมา อย่างต่อเนื่อง ร่างกฎหมายดังกล่าวทางสภาผู้แทน ราษฎร (ที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมาก) ได้ทำการลงมติด้วยเสียงรับรอง 314 ต่อ 117 เสียง ก่อนที่วุฒิสภา (เดโมแครตครองเสียงข้างมาก) ลงมติรับรองด้วยเสียงสนับสนุน 63 ต่อ 36 เสียง โดยจะให้การกำหนดเพดานกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐฯถูกระงับไปจนถึงวันที่ 1 ม.ค.2568 นั่นหมายความว่า หนี้สาธารณะของสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆหลังจากนี้

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวแถลงว่า เป็นชัยชนะครั้งใหญ่ต่อเศรษฐกิจและประชาชนชาวอเมริกัน ขอยกย่องการตัดสินใจรวดเร็วทันท่วงทีของสภาคองเกรส และตนจะลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ทั้งพรรครัฐบาลและฝ่ายค้านได้เจรจาต่อรองกันอย่างเข้มข้น โดยพรรครีพับลิกัน

จะไม่ยอมผ่านร่างกฎหมาย หากรัฐบาลไม่ลดงบ ประมาณรายจ่าย นายไบเดนได้ยื่นข้อเสนอกลับว่า รัฐบาลจะเก็บภาษีคนรวยและเก็บภาษีบริษัทเอกชนเพิ่มเติม แต่รีพับลิกันไม่ยอมรับการเก็บภาษีเพิ่ม ไม่ว่าในรูปแบบใด

สองขั้วพรรคการเมืองยังมีการเจรจาเรื่องลดงบประมาณประกันสังคม งบประมาณเกษียณ ไปจนถึงงบประมาณกลาโหมและทหารผ่านศึก แต่สุดท้ายแล้วงบประมาณที่จะถูกตัดส่วนใหญ่เป็นงบประมาณของ “โครงการย่อย” ต่างๆที่จะลดให้ได้ถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 52.5 ล้านล้านบาท ภายในกรอบระยะเวลา 10 ปี แต่ทั้งนี้ งบประมาณอาจถูกลดหรือไม่ลดเลยก็ได้ เพราะเป็นการรับปากกันในขั้นต้น และทีแรกรีพับลิกันต้องการให้รัฐบาลลดงบประมาณ 4.8 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 168 ล้านล้านบาท ภายในระยะเวลา 10 ปี.