Skip to primary content
Skip to secondary content

SootinClaimon.Com

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย2 [SartKasetDinPui2] : ข้อมูล เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เกษตร ดิน น้ำ ปุ๋ย

SootinClaimon.Com

Main menu

  • Home
  • KU23-2506
  • ข้อคิดความเห็น
  • ตระกูลคล้ายมนต์
  • ผมเองครับ
  • ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย1

Tag Archives: ธรรมะวันอาทิตย์

Post navigation

← Older posts

ธรรมะวันอาทิตย์ : ละความชั่ว ด้วยความดี โดย เจ้าอาวาสวัดกลางรุ่งอรุณ

Posted on January 30, 2023 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/707429

ธรรมะวันอาทิตย์ : ละความชั่ว ด้วยความดี โดย เจ้าอาวาสวัดกลางรุ่งอรุณ

ธรรมะวันอาทิตย์ : ละความชั่ว ด้วยความดี โดย เจ้าอาวาสวัดกลางรุ่งอรุณ

วันอาทิตย์ ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2566, 11.32 น.

29 มกราคม 2566 วัดกลางรุ่งอรุณ ตั้งอยู่หมู่บ้านหนองโนสวนโคก ต.โพนทอง อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ สังกัดมหานิกาย มีเจ้าอาวาส 1 รูป พระสงฆ์ 7 รูป สามเณร 8 รูป แม่ชีไม่มี มรรคนายก 1 คน บนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ เป็นที่ตั้งกุฎิสงฆ์ สามเณร ศาลาการเปรียญ เป็นต้น 

ก่อนเข้าวัดกลางรุ่งอรุณ จะพบเห็นท้าวเวสสุวรรณ(ยักษ์) ยืนอยู่อย่างโดดเด่น เพื่อให้พุทธศาสนาได้ขอพรบนบานศาลกล่าวขอโชคลาภ สมหวังทุกราย  

สำหรับ พระพุทธรูปนามว่า หลวงพ่อสมปรารถนา เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 15 เมตร สูง 20 เมตร ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2556 เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจของพุทธศาสนิกชนและเป็นศูนย์รวมความสามัคคีของคนในชุมชน และยังเป็นสถานที่ประกอบพิธีในวันสำคัญทางศาสนาเป็นประจำทุกปีอีกด้วย 

เจ้าอาวาสวัดกลางรุ่งอรุณ เทศนาตอนหนึ่งว่า พุทธศานิกชน ญาติโยม ที่เดินทางเข้าวัด ส่วนใหญ่จะมีความทุกข์ไม่เหมือนกัน ทุกข์กับสามี ทุกข์กับลูก ทุกข์กับการทำงาน บางคนสามีนอกใจไปติดผู้หญิงอื่นไม่กลับบ้าน ก็เป็นทุกข์ อยากให้สามีกลับมา บางคนเข้าถึงธรรมะ ก็จะนั่งสมาธิ ถือศีล ปฏิบัติธรรม ทำให้จิตใจสบายคลายทุกข์ได้ ส่วนที่เป็นทุกข์เรื่องลูก มีหลายเรื่อง หลายปัญหา ทั้งลูกติดยาเสพติด ไม่เรียนหนังสือ เอาแต่เที่ยวเตร่ ดื่มสุรา เกเร ทะเลาะวิวาท ก็เข้ามาใช้ธรรมะเป็นที่พึ่งทางใจ และขอรดน้ำมนต์ อาตมาก็จะชี้แนะในการปฏิบัติ ตามแนวทางพระพุทธศาสนา ให้ยึดหลักถือศีล 5 ข้อเป็นสำคัญ  

ซึ่งมนุษย์ไม่ว่าศาสนาไหน มีกรรมติดตัวมาทุกคน มีมากน้อยไม่เท่ากัน กรรม หมายถึง การกระทำทางกาย วาจา และใจ ที่ประกอบด้วยเจตนา(ความจงใจ) การกระทำทุกอย่างเกิดจากเจตนา ซึ่งกรรมที่ทำลงไป ย่อมจะส่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ ผลของกรรมนั้นเรียกว่า วิบาก และเรียกรวมกันว่า วิบากกรรม แปลว่า ผลของกรรม และส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า เรื่องของกรรม คือเรื่องของการทำชั่ว หรือความชั่ว ความเลวร้าย อันที่จริง กรรม เป็นคำกลางๆ ไม่ดีไม่ร้าย การจงใจทำชั่ว ก็จัดเป็นกรรมชั่ว กรรมจึงมีความหมายได้ทั้งทางดี ทางชั่ว ทำความดีเรียกว่า สร้างกุศลกรรม ส่วนทำความชั่ว เรียก อศุลกรรม 

ผลของกรรม เป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าคนธรรมดาจะเข้าใจทะลุประโปร่ง พระองค์พระสัมมาสัพพุทธเจ้าตรัสว่า เรื่องที่เข้าใจยากสี่เรื่องที่ปุถุชนไม่ควรนำมาขบคิดให้เปืองสมอง คือ 1.เรื่องพุทธวิสัย คือเรื่ออัจฉริยภาพของพระพุทธเจ้าหรือความสามารถพิเศษของพระพุทธองค์ 2.เรื่องญาณวิสัย คือ อัจฉริยภาพ หรือ ความสามารถพิเศษของคนที่ฝึกจิตมาเป็นอย่างดี 3.เรื่องกรรมวิบาก คือ การให้ผลทางกฏแห่งกรรม 4. เรื่องโลกจินตา การคิดปัญหาอภิปรัชญา เช่น โลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ใครเป็นผู้สร้างโลก  

สี่เรื่องนี้พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นอจินไตย เป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาขบคิด(แต่ไม่ได้ห้ามคิด) เพราะชวนให้ฟุ้งช่าน ทำให้เสียเวลาเปล่า  ไม่นำไปแก้ปัญหาต่างๆในชีวิต เพราะเป็นที่เหนือสามัญวิสัยพิสูจน์ได้ยาก ใครที่มัวขบคิด หาทางพิสูจน์อยู่ ไม่ทันรู้ความจริงก็อาจจะตายเสียก่อนหรือคงจะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ไม่นำไปสู่ความดับทุกข์ได้ 

ซึ่งการแก้กรรม ทำเองได้ โดยแก้ที่ใจ จะต้องตัดใจจากความคิด ความเชื่อที่ผิดๆ กลับมาคิดเห็นทำตามทำนองครองธรรม เชื่อในกฎแห่งกรรมว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หันมายอมรับความถูกต้องเป็น สัมมาทัศนะ  

แก้ที่พฤติกรรม หากพบพฤติกรรมที่เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วของตน ต้องค่อยๆลด ละ เลิก คือทำให้ลดน้อยลงจนเบาบาง หรือไม่มีเหลืออยู่อีกเลย แม้จะใช้ระยะเวลาบางก็ต้องอดทน เช่น บางคนติดการพนัน  หากไม่พยายามเลิก ในที่สุดพฤติกรรมนี้ จะนำไปสู่ความล่มจม 

ป้องกันตัดกิเลส โดยหันมาดำเนินชีวิตตามแนวทางสายกลาง หรือทำสมาธิภาวนา พัฒนาสติปัญญา ให้รู้เท่าทันแห่งมายากิเลสจนเกิดการรู้แจ้งเห็นจริงแห่งมรรคผลนิพพาน สามารถมีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาบริสุทธิ์ ไม่ถูกกระตุ้นจากแรงขับของกิเลสอีกต่อไป 

วิธีแก้กรรมที่ถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา ก็คือ การละความชั่วด้วยความดี ไม่ได้ละความชั่วด้วยการเข้าพิธี สารภาพ หรือ ไถ่บาป หรือ อาบน้ำชำระบาป พระพุทธองค์ทรงแนะนำว่า หากจะอาบน้ำชำระบาป ก็จงอาบน้ำแห่งความดีงาม ทางกาย วาจาและใจ จะดีกว่า.012

Share this:

  • Click to share on Skype (Opens in new window)
  • Click to share on Pocket (Opens in new window)
  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window)
  • Click to share on Reddit (Opens in new window)
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window)
  • More
  • Click to print (Opens in new window)
  • Click to share on Telegram (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window)
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window)

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2566(2023), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : ให้ญาติโยมปกป้องศาสนา โดย เจ้าอาวาสวัดพรประสิทธิ์

Posted on January 23, 2023 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/705911

ธรรมะวันอาทิตย์ : ให้ญาติโยมปกป้องศาสนา โดย เจ้าอาวาสวัดพรประสิทธิ์

ธรรมะวันอาทิตย์ : ให้ญาติโยมปกป้องศาสนา โดย เจ้าอาวาสวัดพรประสิทธิ์

วันอาทิตย์ ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2566, 13.37 น.

22 มกราคม 2566 วัดป่าพรประสิทธิ์ ต.โคกกลาง อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ  เป็นวัดขนาดเล็ก สังกัดธรรมยุตินิกาย  มีเจ้าอาวาสวัด 1 รูป พระสงฆ์ 5 รูป ไม่มีสามเณร มรรคนายก 1 คน บนพื้นที่ 15 ไร่ เป็นที่ตั้งของศาลาการเปรียญแบบไม้โบราณ อายุ 100 ปี อยู่กลางน้ำ ท่วมกลางดอกบัวขึ้นสวยงาม สงบร่มรื่นมาก  

ถึงแม้จะเป็นวัดไม่ใหญ่โต ไม่โด่งดัง ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ทุกวันจะมีญาติโยม คณะศรัทธา พุทธศาสนิกชน เดินทางเข้าไปวัด เพื่อถวายอาหาร ทำบุญ ปฏิบัติธรรม ฟังธรรมเทศนาอย่างต่อเนื่อง  

เจ้าอาวาสวัดป่าพรประสิทธิ์ ต.โคกกลาง อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ  เกิดที่นี่คือบ้านโคกกลาง พออายุ 20 ปีก็บวชพระ ตอนแรกจะบวชแค่ 1 พรรษา เท่านั้น แต่อยู่ไปอยู่มา ไม่ยากจะสึก ก็เลยอยู่ต่อ กระทั่งปัจจุบันนี้ ซึ่งวัดป่าพรประสิทธิ์ เป็นวัดไม่ใหญ่ สังกัดธรรมยุตินิกาย มีพระสงฆ์อยู่ 5 รูป ไม่มีสามเณร มรรคนายก 1 คน  

ว่ากันว่า ก่อนนั้นพื้นที่แห่งนี้เป็นดอนปู่ตา เป็นบ้านเมืองเก่า มีชื่อว่า บ้านโคกกลาง ต่อมาเกิดโรคระบาด จึงย้ายไปอยู่ที่ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งตำบลโคกกลางในปัจจุบัน 

หลังจากที่โรคระบาดหมดไป ชาวบ้านคณะศรัทธา ญาติโยม ได้มีการบริจาคสิ่งของต่างๆ ทำเป็นสำนักสงฆ์ขึ้น ต่อมา ตั้งเป็นวัด ชื่อว่า วัดป่าพรประสิทธิ์ มีเจ้าอาวาสหลายรูป แต่สิ่งปลูกสร้างยังไม่เพียงพอไม่สมบูรณ์ และอยู่มาวันหนึ่ง คุณยายนิรมล ปาวรีย์ อายุ 85 ปี อดีตครูโรงเรียนบ้านโคกกลาง ซึ่งเข้าวัดทำบุญเป็นประจำ ฟันว่า รุกขเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิงห์สถิตย์อยู่ที่นี่มาหลายพันปี อยากให้สร้างสิ่งยึดเหนียวทางใจ ศูนย์รวมใจของชาวบ้าน จึงได้ตกลงกับพุทธศาสนิกชน  สร้างเป็นพุทธรูปขึ้นมา นามว่า พระพุทธอชิรมหามุนีตรีโลกนาถศาสดา ที่ความสูง 20 เมตร หน้าตักกว้าง 4 เมตร สีทองทั้งองค์ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวบ้านเคารพนับถือศรัทธามาก เพราะเชื่อว่า มีรุกขเทวดา คอยรักษาปกป้องอยู่ 

ที่ผ่านมา ได้มีคณะแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร บริจาคทุนทรัพย์ก่อสร้างกุฏิสงฆ์ 3 หลังจนแล้วเสร็จ และอุโบสถก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ และมีพุทธศาสนิกชน ถวายพระพุทธรูป 1 องค์ จึงนำไปประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ภายในอุโบสถ แต่อุโบสถยังไม่เสร็จ จึงยังต้องการบริจาคจตุปัจจัย จากญาติโยม คณะศรัทธา พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ในการก่อสร้างอุโบสถ ให้แล้วเสร็จ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป 

เจ้าอาวาสวัดพระประสิทธิ์ เทศนา ตอนหนึ่งว่า ทุกวันนี้ เด็กและเยาวชน ลูกหลาน ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องความกตัญญู ผู้มีพระคุณ ผู้ให้คือ พ่อแม่ ให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ  ให้โดยตลอด แต่ไม่รู้สึก ไม่รู้สำนึกในบุญคุณ ไม่ว่าจะเป็นบิดา มารดา หรือ ญาติ พี่น้องก็ตาม แต่กลับ รักเพื่อน รักแฟนมากกว่า เช่น ไปเรียนหนังสือต่างจังหวัด ไม่เคยโทรศัพท์หาพ่อแม่เลย แต่ถ้าเป็นแฟน โทร หาทุกวัน นี่คือ การลืมพ่อแม่  

เรื่องมารยาท ก็เช่นเดียวกัน สมัยก่อน พ่อแม่ สอนว่า หากจะเดินผ่านผู้ใหญ่ หรือ ผู้มีอายุมากกว่า จะต้องก้มหัว หรือ ย่อตัวลง ซึ่งก็ทำตาม เวลาเดินผ่านผู้ใหญ่ก็ย่อตัวลง จึงบ่งบอกไปถึงพ่อแม่ ครูอาจารย์สอนดี การย่อตัว เพื่อแสดงถึงความยำเกรง ความเคารพ ผู้ใหญ่ หรือ ผู้มีอายุสูงกว่า หรือหากเป็นบ้านไม้ พื้นไม้ จะต้องค่อยๆเดิน อย่าเดินเสียงดัง แต่เด็กทุกวันนี้ ไม่เป็นเช่นนั้น เดินผ่านผู้ใหญ่ แทบจะเดินชน ต้องหลบให้ หรือเดินบนบ้าน ก็เสียงดัง โดยเฉพาะวันๆไม่ทำอะไร นั่งก้มหน้าอยู่ที่จอมือถือและจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา นี่คือพฤติกรรมของเด็กสมัยนี้ 

ที่สำคัญ เด็ก มักจะห่างวัด และเข้าใจว่า คนที่จะไปวัดคือ คนเฒ่า คนแก่เท่านั้น บางคนอายุมากแล้ว ไม่เคยเข้าวัดเลย อย่างคำเปรียบเปรยที่ว่า วัดไม่เข้า พระเจ้าไม่นับถือ ประมาณนั้น จะเข้าวัดอีกทีก็คงตอนตายและไปเผาที่วัดเลย คงคิดเช่นนั้น  

จึงอยากจะให้คณะศรัทธา ญาติโยม พุทธศาสนิกชน ทั้งหลาย ให้เข้าวัดกันมากๆ แม้จะมีพระบางรูป บางพวก ทำผิดกฎข้อบังคับสงฆ์ ผิดศีลธรรม เห็นเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลต่อวงการสงฆ์เสื่อมเสีย  จึงเป็นหน้าที่ชาวพุทธทุกคน จะต้องปกป้องพุทธศาสนา โดยช่วยกัน สอดส่อง ดูแล กำจัดมารศาสนา ให้พ้นจากวงการสงฆ์ เพราะถือว่า เป็นพระปลอม เข้ามาทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง.012

Share this:

  • Click to share on Skype (Opens in new window)
  • Click to share on Pocket (Opens in new window)
  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window)
  • Click to share on Reddit (Opens in new window)
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window)
  • More
  • Click to print (Opens in new window)
  • Click to share on Telegram (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window)
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window)

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2566(2023), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : การหลุดพ้นทุกข์ คือนิพพาน โดย เจ้าอาวาสวัดพระศรีเจริญ

Posted on January 16, 2023 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/704364

ธรรมะวันอาทิตย์ : การหลุดพ้นทุกข์ คือนิพพาน โดย เจ้าอาวาสวัดพระศรีเจริญ

ธรรมะวันอาทิตย์ : การหลุดพ้นทุกข์ คือนิพพาน โดย เจ้าอาวาสวัดพระศรีเจริญ

วันอาทิตย์ ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2566, 14.13 น.

15 มกราคม 2566 ได้มีโอกาสเดินทางไปฟังพระธรรมเทศนา คลายเครียด ที่วัดพระศรีเจริญ ตั้งอยู่บ้านหัวตะพาน ต.รัตนวารีศรีเจริญ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ อยู่ห่างจากตัวเมืองอำนาจเจริญ ประมาณ 25 กิโลเมตร ด้านทิศตะวันตก ไปตามถนนอรุณประเสริฐ สายหลัก อำนาจเจริญ – ยโสธร ระยะทาง 19 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายสี่แยกไฟแดง ป้อมยามกุญชร เข้าถนนสายรองอีก 10 กิโลเมตร จะถึงวัดพระศรีเจริญ  

สำหรับ วัดพระศรีเจริญ สังกัดมหานิกาย มีเจ้าอาวาส 1 รูป พระสงฆ์ 8 รูป สามเณร 35 รูป แม่ชีไม่มี มัคนายก 1 คน ภายในเนื้อที่ 15 ไร่ ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงถูกคัดเลือกเป็นพระนักพัฒนา ได้รับรางวัลวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2551 จากสำนักงานพุทธศาสนา จ.อำนาจเจริญ  

ส่วนเจ้าอาวาสวัดพระศรีเจริญ บวชสามเณรตั้งแต่อายุ 10 ปี ที่วัดปลาปาก จ.นครพนม จากนั้น ได้เดินธุดงค์ ข้ามไปฝั่งประเทศลาว และได้จำพรรษา อยู่ที่ถ้ำช้าง ภูเวียง สปป.ลาว รวม 20 ปี จึงได้ข้ามมาฝั่งไทย โดยได้เดินธุดงค์ไปทั่วประเทศ เพื่อโปรดสัตว์และเผยแผ่พุทธศาสนา กระทั่งมาถึงที่บ้านท่ายางชุม อ.หัวตะพาน จึงทำการปักกลดพักแรมใกล้กับบ้านเกิด(บ้านหัวตะพาน) เมื่อชาวบ้านหัวตะพานทราบข่าว ก็ได้นิมนต์กลับไปอยู่วัดบ้านเกิด คือวัดพระศรีเจริญ ซึ่งตอนนั้นขาดแคลนเจ้าอาวาสพอดี และรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระศรีเจริญ กระทั่งปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 40 ปี 

วัดพระศรีเจริญ ภายในอุโบสถประดิษฐาน พระเจ้าใหญ่ศรีเจริญ ว่ากันว่า มีอายุกว่า 1,000 ปี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ปั้นด้วยดินเผา สูงจากพื้นดิน  2 เมตร หน้าตักกว้าง 1.30 เมตร ซึ่งผุกร่อนมาก จึงได้ใช้ปูนฉาบทาเสริมองค์เดิม แต่ไม่ได้ทุบองค์เดิมทิ้ง เสริมเฉพาะที่แตกร้าวเท่านั้น กระทั่งปี พ.ศ.2525 ได้บูรณะใหม่อีกครั้ง โดยฉาบด้วยทองทั้งองค์ พร้อมกับก่อสร้างอุโอสถหลังใหม่ครอบ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน 

เจ้าอาวาสวัดพระศรีเจริญ เทศนาสอนวิธีฝึกปฏิบัติกรรมฐาน ตอนหนึ่งว่า พุทธองค์ทรงเผยทางสว่างไว้ว่า ให้ควบคุมจิตให้มั่นคงอยู่ฌาน(ฌานคืออารมณ์ชิน)ให้ได้ทุกขณะ วิธีฝึกปฏิบัติ คือต้องระลึกไว้เสมอว่า เราจะเจริญภาวนาด้วย” พุทโธ” เริ่มที่ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดก็ได้ที่เราศรัทธา แล้วสมาธิภาวนาทุกวันจนเคยชิน จะเกิดฌานขึ้น ควรทำวันละ 10 -20 นาที ถ้าทำได้สม่ำเสมอ ถึงแม้จะมีกรรมไม่ดีติดตัวมาบ้าง ก็จะพ้นนรก ใครที่ฝึกฌานมาโดยตลอดนั้น สามารถใช้ฌานเข้ามากั้นไม่ให้นึกถึงบาปได้ ก่อนตายแทนที่จะระลึกแต่เรื่องบาป จะมีแต่ภาพแห่งบุญเข้ามาทดแทน ทำให้อารมณ์มีแต่ความสุขความปิติ 

นอกจากนี้ เจ้าอาวาสวัดพระศรีเจริญ เทศนาผลของการทำบุญว่า การทำบุญทุกครั้ง เช่น การได้ช่วยเหลือคน การได้ทำประโยชน์ส่วนรวม ย่อมก่อให้เกิดความปิติดีใจ นั่นแหละคือบุญ ส่วนบุญที่ทำไว้แล้ว มีมากมาย ที่สะสมในสรวงสวรรค์ ทั้งที่ทำไว้ในอดีตชาติหรือในชาตินี้ เราสามารถอุทิศให้แก่ผู้ที่อยู่ในโลกวิญญาณได้ ไม่ว่าศาสนาใด ล้วนมีวิธีสร้างกุศลผลบุญ สะสมคุณงามความดีด้วยกันทั้งหมด เมื่อเกิดบุญกุศล ก็สามารถส่งแผ่ไปถึงโลกทิพย์ได้ด้วยเช่นกัน ก่อผลลัพธ์แบบเดียวกัน ซึ่งพุทธศาสนา ต่างจากศาสนาอื่น ตรงที่มีจุดสุดยอดของการหลุดพ้นจากทุกข์ คือ นิพพาน พระครูกิตติ กิติโย เจ้าอาวาสวัดพระศรีเจริญและเจ้าคณะอำเภอหัวตะพาน เทศนาแก่ญาติโยมที่เข้ามาทำบุญ

โดยการเทศนาให้กำลังใจญาติโยมที่ประสบปัญหาต่างๆ เกิดความทุกข์ เครียดหนัก จงมีสติ และให้ยึดคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก เช่น ศีล ภาวนา สมาธิ จะช่วยให้จิตใจสบาย คลายเครียดได้บ้าง.012

Share this:

  • Click to share on Skype (Opens in new window)
  • Click to share on Pocket (Opens in new window)
  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window)
  • Click to share on Reddit (Opens in new window)
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window)
  • More
  • Click to print (Opens in new window)
  • Click to share on Telegram (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window)
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window)

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2566(2023), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : จิตใจดี ตั้งใจดี ล้วนเป็นกุศลบุญ โดยเจ้าอาวาสวัดกลางบ้านน้ำปลีก

Posted on January 9, 2023 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/702819

ธรรมะวันอาทิตย์ : จิตใจดี ตั้งใจดี ล้วนเป็นกุศลบุญ โดยเจ้าอาวาสวัดกลางบ้านน้ำปลีก

ธรรมะวันอาทิตย์ : จิตใจดี ตั้งใจดี ล้วนเป็นกุศลบุญ โดยเจ้าอาวาสวัดกลางบ้านน้ำปลีก

วันอาทิตย์ ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2566, 13.23 น.

8 มกราคม 2566 วัดกลางบ้านน้ำปลีก ต.น้ำปลีก อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ อยู่ห่างจากตัวเมืองอำนาจเจริญ ด้านทิศตะวันตก ถนนอรุณประเสริฐ(อำนาจเจริญ –ยโสธร) ประมาณ 19 กิโลเมตร ถึงสี่แยกไฟแดง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายรอง(น้ำปลีก – หัวตะพาน) ราวๆ 5 กิโลเมตร จะถึงหมู่บ้านน้ำปลีก และเป็นที่ตั้งวัดกลางน้ำปลีก  มีเนื้อที่ 6 ไร่ 3 งาน เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี มีเจ้าอาวาสผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปหลายรูป พระสงฆ์ 5 รูป ถือว่าเป็นวัดขนาดเล็ก สังกัดมหานิกาย 

เจ้าอาวาสวัดกลางบ้านน้ำปลีก ต.น้ำปลีก อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ รูปปัจจุบัน ได้เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อค้นคว้าศึกษาพระธรรมวินัย ระหว่างที่จำพรรษาอยู่ที่ถ้ำแห่งหนึ่งบริเวณรอยต่อประเทศพม่า กับ จ.กาญจนบุรี ประเทศไทย ต่อมาพุทธศาสนิกชนชาวบ้านน้ำปลีก อ.เมืองอำนาจเจริญ นิมนต์มาที่วัดกลางบ้านน้ำปลีก ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ไม่มีพระจำพรรษา ก็เลยเดินทางมาอยู่ที่วัดกลางน้ำปลีก แรกๆไม่มีอะไรเลย จึงได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งทุกวันนี้ เป็นเวลา กว่า 40 ปี ถือว่า เป็นศูนย์รวมทางจิตใจที่ยึดเหนี่ยวทางใจของชาวน้ำปลีกและใกล้เคียงรวมถึงยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางศาสนาและยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาที่สำคัญอีกด้วย 

ต่อมา เจ้าอาวาสวัดกลางบ้านน้ำปลีก ฝันว่า ได้ปรากฏเห็นภาพเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ลอยเหนืออุโบสถ จึงนำเรื่องราวความฝันไปปรึกษากับกรรมการวัดและพุทธศาสนิกชนบ้านน้ำปลีก ตกลงว่า ให้ก่อสร้างพุทธมหาเจดีย์สิตตฉัตรมหามงคล แบบพุทธคยาประยุคกับเจดีย์ในปัจจุบัน จึงได้ปรากฏเป็นรูปร่างเจดีย์อย่างที่เห็น โดยใช้เงินงบประมาณจากพุทธศาสนิกชนบ้านน้ำปลีกและผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค จำนวน 35 ล้านบาท มีความสูงจากพื้นถึงยอด ประมาณ 47 เมตร ฐานกว้างราวๆ 108 เมตร วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 15 ม.ค.46 ก่อสร้างแล้วเสร็จในปีต่อมา 

ซึ่งมีการจัดงานพิธีพุทธาภิเษกเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 19 ม.ค.58  ได้จัดพิธีพุทธาภิเษก สมโภชพุมธมหาเจดีย์สิตตฉัตรมหามงคล ขึ้น ช่วงกลางคืน ระหว่างพิธีพุทธาภิเษก มีพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงานรายหนึ่งได้บักทึกภาพไว้ เป็นภาพพญานาค ลอยมาจากท้องฟ้าพาดรอบเจดีย์ พร้อมมีภาพสีรุ้งหลากหลายพาดเป็นแนวยาวจากฟ้าสู่เจดีย์ที่กำลังทำพิธีพุทธาภิเษก เชื่อว่า เป็นเหล่าเทพเทวดาบนสรวงสวรรค์และญาณพญานาคมาเข้าร่วมพิธีมหามงคลครั้งนี้ 

ก่อนเดินทางกลับ เจ้าอาวาสวัดกลางบ้านน้ำปลีก เทศนาว่า วิบากกรรมของแต่ละคนล้วนแตกต่างกันไป บางคนป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนตกงานบ่อย บางคนลำบากมาก หากินไม่คล่อง บางคนลูกเกเร วิบากกรรมนี้ ตามหาหลายภพหลายชาติ ซึ่งมีส่วนทำให้เราเกิดมาแตกต่างกัน แต่อย่าสิ้นหวัง หนทางในการบรรเทาวิบากกรรมนั้นมี ซึ่งอาจทำได้หลายวิธี เช่น เวลาที่เราทำบุญหรือทำความดีทุกครั้ง นอกจากบุญที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เช่น การใส่บาตร การถือศีล ฯลฯ แล้ว การพูดคุย ช่วยให้ผู้อื่นสบายใจ การสนทนาธรรม การให้ธรรมทาน การร่วมบริจาคหนังสือธรรมะ การชี้แนะแนวทางแก้ไขปัญหาชีวิตให้กับผู้สิ้นหวัง การทำความสะอาดห้องพระ การถวายน้ำเปล่าเพียง 1 แก้ว  การร่วมอนุโมทนากับการทำความดีของผู้อื่น โดยการใช้จิตน้อมไปทางบุญคุณ การกวาดใบไม้ ทำความสะอาดห้องน้ำ หรือของส่วนรวม การดูแลคนแก่ เด็ก การที่เรามีจิตใจดีหรือตั้งใจดี ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ล้วนเป็นกุศล และเป็นบุญทั้งสิ้น.012

Share this:

  • Click to share on Skype (Opens in new window)
  • Click to share on Pocket (Opens in new window)
  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window)
  • Click to share on Reddit (Opens in new window)
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window)
  • More
  • Click to print (Opens in new window)
  • Click to share on Telegram (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window)
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window)

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2566(2023), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : ใช้ปัญญา…แก้ปัญหา โดย พระครูธีรธรรม มาลังการ

Posted on December 26, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/700491

ธรรมะวันอาทิตย์ : ใช้ปัญญา...แก้ปัญหา โดย พระครูธีรธรรม มาลังการ

ธรรมะวันอาทิตย์ : ใช้ปัญญา…แก้ปัญหา โดย พระครูธีรธรรม มาลังการ

วันอาทิตย์ ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 12.34 น.

25 ธันวาคม 2565 วัดไชยคำ ตั้งอยู่ตำบลคำพระ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ แม้จะเป็นวัดขนาดเล็ก เนื้อที่ 9 ไร่เศษ แต่ว่าทุกวันจะมีญาติโยมพุทธศาสนิกชนเดินทางเข้าไปทำบุญสร้างกุศลอย่างต่อเนื่อง เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา เป็นมงคลแก่ชีวิต โดยมีพระครู ธีรธรรม มาลังการ อายุ 57 ปี  เป็นเจ้าอาวาสวัดไชยคำและตำแหน่งเจ้าคณะตำบลคำพระ ปกครองพระสงฆ์ 5 รู ป สามเณร 2 รูป มัคนายก 3 คน สังกัดมหานิกาย และที่สำคัญ การเข้ามาทำบุญ ยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด19 อย่างเคร่งครัดอีกด้วย 

สำหรับ วัดไชยคำ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2315  เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุ 250 ปี ด้วยแรงศรัทธา ของญาติโยม พุทธศาสนิกชนบ้านคำพระ ร่วมกันสร้างกุฎิถวายหลังแรกแบบบ้านไม้โบราณ ใช้ได้มาถึง ปี พ.ศ. 2472 เพราะผุพัง จึงมีการก่อสร้างหลังใหม่แทนเป็นหลังที่ 2 และปี พ.ศ.2522 มีการรื้อถอนและก่อสร้างหลังที่ 3 จนถึงปัจจุบัน 

ต่อมา เมื่อปี พ.ศ.2489 ศาลาการเปรียญ หลังแรกที่สร้างอาสนสงฆ์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัด  อาคารชำรุดทรุดโทรมมาก ชาวบ้านจึงได้ร่วมมือรื้อถอนออก และเมื่อปี พ.ศ.2491 ชาวบ้าน จึงได้ร่วมมือกันก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังที่ 2 ขึ้นแทนหลังเดิม โดยใช้ประกอบพิธีทางศาสนาจนถึงปี พ.ศ.2505 จากนั้น เมื่อปี พ.ศ.2506 พันเอกปิ่น มุทุกัณต์ อธิบดีกรมศาสนาในสมัยนั้น ได้ให้งบประมาณสนับสนุนการก่อสร้างศาลาการเปรียญ หลังที่ 3 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2524 

สำหรับอุโบสถ มีการก่อสร้างถึง 3 หลัง ซึ่งหลังแรก ก่อสร้างเมื่อใดไม่ปรากฏหลังฐานแน่ชัด หลังที่ 2. ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ.2471 ด้วยสภาพการใช้งานที่นาน อุโบสถจึงเก่าแก่ ชำรุดแต่ก็ยังคงสภาพเดิมไว้อย่างสมบูรณ์จนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านคำพระ จึงพร้อมใจกันก่อสร้างอุโบสถหลังที่ 3. เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2537 เสร็จสมบูรณ์ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2540 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 3 ปี โดยได้รับงบประมาณจากพุทธศาสนิกชน ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสร่วมก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น 4,900,000 บาท 

ส่วนที่โดดเด่น ซึ่งพุทธศาสนิกชนเดินทางเข้ามากราบไหว้ บนบาน ขอพรเป็นประจำก็คือ หลวงพ่อใหญ่ไชยมงคล ประดิษฐานอยู่ในวิหาร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ อายุ 200 ปี สูง 3 เมตร หน้าตักกว้าง 1.80 เมตร เนื่องจากชาวบ้านตั้งใจจะไปช่วยกันก่อสร้างพระธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อเดินทางไปถึง อ.ธาตุพนม พบว่า องค์พระธาตุพนม ก่อสร้างเสร็จแล้ว จึงเดินทางกลับ บ้านคำพระ และเพื่อไม่ให้เสียความตั้งใจ ก็เลยร่วมกัน สร้างพระพุทธรูป นามว่า หลวงพ่อใหญ่ไชยมงคล ขึ้นมาตามแรงศรัทธา 

และในระหว่างวันที่ 12 – 13 เมษายนของทุกปี ก็จะมีการจัดงานประจำปีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะวันที่ 13 เมษายน คือ วันสงกรานต์ ก็จะมีการอัญเชิญ องค์จำลอง หลวงพ่อใหญ่ไชยมงคล แห่ไปรอบๆชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านได้ร่วมกันสงฆ์น้ำหลวงพ่อใหญ่ไชยมงคล เพื่อความเป็นสิริมงคล แก่ตนเองและครอบครัว และที่สำคัญ ผู้คนนิยม เข้ามาอธิฐาน ให้หลวงพ่อใหญ่ไชยมงคล ช่วยเหลือในด้านต่างๆ เช่น ขอบุตร สอบรับราชการ เลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ หากสำเร็จ จะมีการถวายผลไม้ 9 อย่างแก้บน และที่หลวงพ่อชอบมากที่สุดก็คือ การแก้บนด้วยการจุดบั้งไฟ  

สำหรับด้านข้างใกล้กับวิหาร หลวงพ่อใหญ่ไชยมงคล เป็นที่ตั้งของอุโบสถ โดยมีใบเสมาหิน อายุ 1,000 ปี ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน โดยรอบ จำนวน 8 ใบ ในแต่ละใบเสมาหิน มีการสลักลวดลายอยู่บนเนื้อใบเสมาหิน 2 แบบ คือ แบบบัวคว่ำ บัวหงายและแบบเป็นดาบ มีบัวคว่ำ บัวหงาย อยู่พื้นล่าง และบริเวณลานด้านหน้าอุโบสถ จะพบเห็น พระพุทธรูป นามว่า หลวงพ่อโตอุตมะ ปางมารวิชัย ขนาดสูง 15 เมตร หน้าตักกว้าง 5 เมตร อย่างสวยงาม 

พระครูธีรธรรม มาลังการ เจ้าอาวาสวัดไชยคำและเจ้าคณะตำบลคำพระ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ เทศนาว่า เมื่อเรายีดมั่นเอาพระไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่งแล้ว ไม่ดูหมอ แต่งแก้บูชา เสียเคาะห์เสียขวัญ เว้นจากการนัยถือพระภูมิเจ้าที่ เทวบุตร เทวดา มนต์กลคาถาวิชาต่างๆ ถ้านับถือเมื่อใด ก็ขาดจากคุณของพระรัตนตรัย การทำความดีนั้น เป็นอกาสิโก คือไม่เลือกกาลเวลาทำเมื่อไรได้ผลเมื่อนั้นและควรบำเพ็ญบุญในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ก็ถือว่าเป็นอุบาสกอุบาสิกา พวกเราทั้งหลายต้องเป็นผู้เชื่อกรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรางสอนให้ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์สดใน 

ซึ่งความเชื่อในพระพุทธเจ้ามี 4 ประการ คือ 1.กัมมสัทธา เชื่อกรรม 2.วิบากสัทธา เชื่อผลของกรรม 3.กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อพระปัญญาตัรสรู้ของพระคถาคต 4.คถาคตโพธิสัทธา เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระคถาคต อธิบายว่า กุศลกรรม คือ ความดี เหตุดี ได้ผลดี เหตุชั่ว ได้ผลชั่ว เชื่อว่า บรรดาสัตว์ทั้งหลายที่ยังมีกิเลสสานุสัย ทำกรรมอันใดด้วย กาย วาจา ใจ ก็ย่อมได้เสวยผลกรรมนั้นๆ กรรมนั้นแหละย่อมจำแนกสัตว์ผู้กระทำให้ประณีตและเลวทรามต่างกัน ความหยั่งรู้ในคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสงฆ์เจ้า เชื่อไปว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ความโกรธชอบด้วยพระองค์เอง ธรรมที่พระองค์ทรงสั่งสอนวไนยสัตว์ ได้เชื่อว่า ตรัสรู้ชอบแล้ว และสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว เป็นต้น  

เมื่อเราศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ก็ให้พากันทำความดีให้ทุกวันไม่เลือกวันเวลา เช่น การปฏิบัติธรรม ไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว ว่าทำวันนั้นเวลานั้นจึงจะเจริญดีมีความสุข คือการทำความดีนั้น เป็นอกาสิโก คือ ไม่เลือกาลเวลา ทำเมื่อไรได้ผลเมื่อนั้น ถือเอาความเหมาะสมและสะดวกเป็นประมาณ ขอให้ทำบุญในพระพุทธศาสนา คือ ให้ทาน รักษาศีล เจริเมตตาภาวนา ก็เชื่อว่า รักษาสมบัติอุบาสถอุบาสิกาไว้ได้ 

พระครูธีรธรรม มาลังการ เจ้าอาวาสวัดไชยคำและเจ้าคณะตำบลคำพระ เทศนาตอนสุดท้ายว่า ขอให้ญาติโยมพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นหลัก ให้มีศีล สมาธิ ปัญญา ได้แก่ ศีล ก็คือ ให้ถือศีล 5 ข้อ อย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามลักทรัพย์ ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามดื่มสุรา ห้ามประพฤติผิดในกามและห้ามพูดเท็จ หากทุกคนทำได้ปฏิบัติได้ ก็จะมีแต่ความสงบ ไม่วุ่นวายเหมือนทุกวันนี้ ส่วนสมาธิ ก็บอกในตัวมันเองแล้วจะต้องตั้งมั่น ยึดมั่น และปัญญา ถ้าคนเรามีปัญญา จะทำอะไร ต้องใช้ปัญญา ไตร่ตรองให้ดี แล้วปัญหาอุปสรรคต่างๆที่ประสบจะผ่านพ้นไปด้วยดี.012

Share this:

  • Click to share on Skype (Opens in new window)
  • Click to share on Pocket (Opens in new window)
  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window)
  • Click to share on Reddit (Opens in new window)
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window)
  • More
  • Click to print (Opens in new window)
  • Click to share on Telegram (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window)
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window)

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : ความทุกข์เกิดจากจิต ไหว้’พระพลังแผ่นดิน’วัดดอยสวรรค์

Posted on December 19, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/698912

ธรรมะวันอาทิตย์ : ความทุกข์เกิดจากจิต ไหว้'พระพลังแผ่นดิน'วัดดอยสวรรค์

ธรรมะวันอาทิตย์ : ความทุกข์เกิดจากจิต ไหว้’พระพลังแผ่นดิน’วัดดอยสวรรค์

วันอาทิตย์ ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 11.19 น.

18 ธันวาคม 2565 ในช่วงวันหยุด ได้มีโอกาสเดินทางไปทำบุญ ทำทาน สร้างกุศลเพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นมงคลชีวิต ที่วัดดอยสวรรค์ ตั้งอยู่บนยอดเขาไม่สูงมากนัก ในเขตพื้นที่ ต.ห้วยไร่ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ  แม้จะเป็นวัดขนาดเล็ก ปกคลุมด้วยป่าไม้ แมกไม้นาๆพันธุ์ขึ้นเต็มไปหมด จึงมีสภาพ ร่มรื่น เงียบ สงบ ตามธรรมชาติ ที่หาได้ ในวัดชนบท ของพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ

และด้วยเส้นทางเข้าวัดไม่ไกลจากตัวเมืองอำนาจเจริญเพียงแค่ไม่ถึง 10 กิโลเมตร จึงมีพุทธศาสนิกชน เดินทางไปทำบุญ ทำทาน สนทนาธรรม ปฏิบัติธรรม สู่หนทางดับทุกข์กับท่านเจ้าอาวาสวัดอย่างต่อเนื่อง แถมในวันสำคัญทางศาสนา มีหน่วยงานราชการในพื้นที่เข้าไปจัดกิจกรรมเป็นประจำอีกด้วย 

เมื่ออดีตที่ผ่านมา เจ้าอาวาสวัดดอยสวรรค์ ต.ห้วยไร่ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ เดินธุดงส์ไปทั่วประเทศและข้ามแม่น้ำโขง ไปจำพรรษาที่ถ้ำแกลบ ภูเขาควาย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)ร่วม 10 ปี จึงได้กลับประเทศไทย กระทั่งเดินมาถึงใกล้ตัวเมืองอำนาจเจริญ บนยอดเขาเตี้ยๆ ปักกด ปฏิบัติธรรม ยามค่ำคืนตกดึกนิมิต เห็น เจ้าป่า เจ้าเขา รุกขเทวดา ต้องการให้อยู่ที่นี่ ทำเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวทางศาสนา จึงกลายเป็นวัดดอยสวรรค์

ด้วยเพราะแรงศรัทธา หน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ 51 จ.อำนาจเจริญ ร่วมกับชาวอำนาจเจริญ ก่อสร้างพระพุทธรูป นามว่า พระพลังแผ่นดิน ขึ้นที่หน้าผาบนยอดดอยสวรรค์ ที่ความสูง 25 เมตร ฐานกว้าง 20 เมตร สีเหลืองทั้งองค์ เด่นสง่า สวยงามยิ่งนัก ที่ผ่านมา มีพุทธศาสนิกชน เดินทางไปกราบไหว้บูชาและฝึกปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ สู่ การดับทุกข์ทั้งปวง อย่างต่อเนื่อง

วัดดอยสวรรค์ สัดกัด ธรรมยุติ เทศกาลเข้าพรรษา จะมีพระภิกษุสงฆ์และสามเณรเดินทางเข้ามาจำพรรษาทุกปี ครั้งละ 6 – 10 รูป เมื่อถึงวันออกพรรษา พระสงฆ์และสามเณร จะแยกย้าย ออกเดินธุดงส์ไปตามที่ต่างๆ เพื่อโปรดสัตว์และเผยแผ่พุทธศาสนา บางรูปจะไปเป็นหลายปี จึงจะย้อนกลับมา ซึ่งเจ้าอาวาสดรูปปัจจุบัน หลังจากที่บวช ที่วัดผาน้ำทิพย์ จ.ร้อยเอ็ด จะเดินทางธุดงส์ไปหลายที่รวมถึงข้ามไปที่ประเทศลาว จำพรรษาที่ถ้ำแกลบ ภูเขาควาย อยู่หลายปี จึงได้กลับเข้าประเทศไทย และได้เดินไปโปรดสัตว์สั่งสอนชาวบ้านหลายพื้นที่ในภาคอีสาน  

จนกระทั่งมาปักกดที่นี่ บนเนินเขาเตี้ยๆ เห็นว่า เหมาะที่จะจำพรรษา ก็เลยเข้าพรรษาอยู่ 1 พรรษา ก่อนออกพรรษา 1 วัน ได้นิมิต ว่า มีเจ้าที่ เจ้าป่า เทวดา ต้องการให้อยู่ที่นี่ ประกอบกับชาวบ้านที่มาถวายอาหารเป็นประจำ มีความประสงค์ให้อยู่ที่นี่เช่นกัน ด้วยแรงศรัทธา ชาวบ้านห้วยไร่ ทำการก่อสร้างเพิงมุงไพรหญ้า ทำเป็นศาลา และกุฏิ พอได้หลบแดดหลบฝน กว่า 10 ปี จึงเป็นรูปร่างวัดดอยสวรรค์ และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 51 จ.อำนาจเจริญ ร่วมกับพุทธศาสนิกชน ก่อสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นมา นามว่า พระพลังแผ่นดิน บนยอดเขาหน้าผา เพื่อเป็นสัญลักษณ์การอนุรักษ์ป้าไม้และปัญหายาเสพติด

สำหรับกิจกรรมที่ทางวัดได้จัดเป็นประจำ คือ โครงการบวชนักเรียน นักศึกษา ภาคฤดูร้อน  ช่วงนักเรียนนักศึกษาปิดเทอม เดือน เมษายน ของทุกปี จะมีสามเณร เข้ามาจำวัดที่นี่ โดยรับมาจาก วัดสำราญนิเวศน์ (พระอารามหลวง) ต.บุ่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ และมีการอบรมบาลีไวยากรณ์ ใช้เวลา 1 เดือน

เจ้าอาวาสวัดดอยสวรรค์ เทศนา ตอนหนึ่งว่า ที่แท้ธรรมะมันจะมีอยู่ที่ตัวเราและจิตเรา รูปธรรม คือกาย จิต คือ นามธรรม 2 อย่างทั้งหมดอยู่ที่รูปกับจิต การปฏิบัติธรรม คือ การให้เรามีสติ สติ ตัวสำคัญที่สุดในธรรมะ ให้รู้จักตัวเองแล้ว รู้จักทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถ้ามีสติน้อยเข้า เอาศีลมา ศีลก็มา ถ้าสติขาดศีลธรรม ศีลก็ขาดไปด้วย ถ้ามีสติ ธรรมก็มี ยิ่งมีสติมาก ธรรมะก็มีมากตามไปด้วย สติเป็นผู้รู้อยู่ตลอดกาลเวลา รู้ตัวตนของเรา รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมา รู้ความนึก ความคิด รู้ร่างกายของเราว่ามันเป็นไปตามกฎธรรมชาติ

ให้ดูมันอย่างนี้ เราไม่ได้ไปทำมันหรอก มันเปลี่ยนแปลงเองมัน ธรรมทั้งหลาย ค่อยเปลี่ยนแปลงไปแต่ต้นจนถึงที่สุด คือ รูปธรรม นามธรรม มีเกิดและมีดับ ให้สังเกตร่างกายของเราว่าเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร วันไหนมีจิตใจ น้อมไปในการปฏิบัติธรรม นั่นแหละ คือ กุศลจิต เป็นจิตฝ่ายธรรม ช่วงไหนจิตมันเกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็ให้รู้ว่านี้เป็น อกุศลธรรม เป็นธรรมที่ไม่ควรเสพ เราไม่เอาเราก็ติดออก ละออก ละไปด้วย สติ ผู้รู้ เอาผู้รู้มาละความโกรธ ความหลง

เมื่อความโกรธเกิดขึ้น เราก็ละ เราละในขณะนั้น หรือ เรียกว่า ฆ่ากิเลส การฆ่ากิเลสต้องฆ่าขณะทีกิเลสมันเกิด ถ้ากิเลสไม่เกิดเราก็ไม่เห็นมัน คำว่า ฆ่าก็คือ ปล่อยวาง เราละนี้เอง แต่ธรรมดา กิเลสมันเกิดขึ้นของมันตลอด แต่ผู้รู้ก็รู้ทันตามทัน มีสติอยู่ตลอด ถ้าเรานั่งอยู่ความโกรธไม่เกิด ความโลภ ความหลงไม่เกิด เจาจะไปละอะไรตอนไหน ถ้าอารมณ์มากระทบให้เรารู้ทัน มันสติก็ตามทัน มันก็ดับ ก็ละ ถ้าไม่เกิดเราก็รู้ คือ เราครองสติอยู่ตลอดวัน เขาก็หมุนตาม เรื่องของวัฎฏะแต่สติของเรา ก็รู้ตามทันอยู่ขณะ ความโลก โกรธ หลง เกิดขึ้นมา ท่านเรียกว่า ฝ่ายโลกิยะ ผู้รู้ไม่เอากับฝ่ายโลกิยะ  

ท่านเรียกว่า ฝ่ายโลกุตตระ มันจะแยกอยู่ในจิตของเราเอง เมื่อมันเกิดขึ้น เราสละละทุกอย่าง ที่ไม่ดี มันก็จะสลายไปเอง  เมื่อเราอยู่ในโลกกระแส ความโลก โกรธ หลง มันก็มีอยู่ ก็เอาผู้รู้ คือ สตินี้แหละปัดออก เมื่อช่วงไหนจิตเราไม่หม่นหมอง เราก็รักษาเอาไว้ให้ได้น่านเท่าที่จะนาน อย่าให้อารมณ์ มากระทบออกไปได้ ถ้าเราทำได้อย่างนี้ ถือว่า เรามีสมาธิอยู่ตลอด สังขารมันเปลี่ยนแปลงไป เราก็รู้ว่านี้ เป็นธรรมะ พอนั่งนานมันจะปวด มันก็เป็นเรื่องของสังขาร เกิด แก่ เจ็บ ตาย มันก็เป็นเรื่องของสังขาร ความเกิดก็เป็นทุกข์นี้แหละ คือ การฟังธรรมะ จากพระพุทธเจ้าแล้วทุกอย่างให้น้อมลงสู่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถ้าใครทำอยู่ตลอด ยิ่งเห็นเร็ว ยิ่งรู้เร็ว เพราะสังขารธรรมจะปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา เรานั่งอยู่เราก็พิจารณาธรรมได้

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดเอง สรุปแล้วก็คือ มีเพียงรูปธรรม นามธรรม เป็นของไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยงก็เป็นทุกข์  เมื่อเป็นทุกข์ก็เป็นอนัตตา เมื่อเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน แล้วเราจะไปยึดถือเอาอะไร ทุกข์เกิดขึ้นจากจิต ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากจิต คือ ความโลภเกิดขึ้นมา ปล่อยวางไปนี้ เรียกว่า ความดับทุกข์ การดับความโลภ จัดเป็นนิโรธ ความดับทุกข์  สมาธิ แปลว่า จิตอยู่กับตัวเรา คือ สมาธิ ปัญญา มันจะหมุนไปด้วยกันในการปฏิบัติ ถ้าสติละเอียด ธรรมกิจจะละเอียด ถ้าจิตหยาบ ก็จะเห็นธรรมอันหยาบ

การนั่งสมาธิก็คือ การรวมจิตใจให้เป็นหนึ่ง  เมื่อจิตเป็นหนึ่งเรารวบรวมได้แล้ว ก็ดูธรรมะ คือ รูปธรรม นามธรรม ความนึก ความคิด ปรุงแต่งต่างๆให้รู้ทัน  ทุกสิ่งทุกอย่างเห็นแล้ว เกิดจากปัญญา ความรู้ ความเห็น เกิดจากสมาธิ แสงสว่างเกิดขึ้นแล้ว ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น ก็คือ เห็นรูป เห็นกายของเรานี่แหละ เห็นความเกิดดับ การนั่งสมาธิ ก็เพื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ ถ้าเรานั่งเอาฤทธิ์ เอาเดช มันก็ไม่พ้นวัฎฏะสงสาร เพราะไม่มีปัญญา การดับ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็คือ การดับทุกข์นั่นเอง.012

Share this:

  • Click to share on Skype (Opens in new window)
  • Click to share on Pocket (Opens in new window)
  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window)
  • Click to share on Reddit (Opens in new window)
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window)
  • More
  • Click to print (Opens in new window)
  • Click to share on Telegram (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window)
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window)

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : ‘วัดลาดคำ’สอนเดินจงกลม คลายเครียด

Posted on December 12, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/697474

ธรรมะวันอาทิตย์ : 'วัดลาดคำ'สอนเดินจงกลม คลายเครียด

ธรรมะวันอาทิตย์ : ‘วัดลาดคำ’สอนเดินจงกลม คลายเครียด

วันอาทิตย์ ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 14.34 น.

11 ธันวาคม 2565 หลายคนเครียดกับปัญหาต่างๆ การเข้าวัดปฏิบัติธรรม จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่ง ที่จะทำให้คลาดเครียด จิตใจสบาย ได้เป็นอย่างดี จึงขอแนะนำ วัดป่าลาดคำ ด้วยบรรยากาศที่สงบร่มรื่น ลมพัดเย็นสบาย ไร้แสงแดด จึงมีญาติโยม พุทธศาสนิกชน เดินทางเข้ามาทำบุญอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นวันพระ หรือวันธรรมดา เพราะวัดป่าลาดคำ เป็นวัดที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอำนาจเจริญมากนัก ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตก ของตัวเมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ มีพเจ้าอาวาสวัดป่าลาดคำ พระสงฆ์ 10 รูป สามเณร 2 รูป ไม่มีแม่ชีมัคนายก 1 คน สังกัด มหานิกาย บนเนื้อที่ 27 ไร่ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้แมกไม้นานาพันธุ์

โดยเฉพาะไม้พะยูงที่ยังคงเหลืออยู่กว่า 50 ต้น ประกอบกับสำนักงานอัยการ จ.อำนาจเจริญนำมาปลูกใหม่เพิ่มเติมอีก จำนวน 100 ต้น ในแต่ละต้น จะมีป้ายคำสอนติดอยู่ทั่วป่า ปัจจุบันจึงมีไม้พะยูงขึ้นเต็มพื้นที่ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่สำคัญ มีการก่อสร้างหอปู่ตาจันทร์ ขึ้น มาเมื่อหลายสิบปีก่อน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ การปกป้องป่าไม้ ทำให้ขบวนการมอดไม้ ไม่กล้าเข้ามาตัดไม้พะยูงหรือพันธุ์ไม้หายากที่นี่ ว่ากันว่า หากใครลักลอบเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าภายในวัด ไม่เกิน 3 วัน จะประสบเคราะห์กรรม เกิดอาถรรพ์ ถึงกับล้มป่วยและเสียชีวิตไปในที่สุด  

วัดป่าลาดคำ เป็นวัดเก่าแก่ มีเจ้าอาวาสผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนหลายสิบรูป ที่โดนเด่น เป็นที่รู้จักของบรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลายและศรัทธามาก ก็คือ หลวงพ่อใส เมื่อท่านมรภาพไปแล้ว จึงมีญาติโยมที่นับถือท่าน และมีความศรัทธาในคำสอนของหลวงพ่อใส ได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์จำนวนหนึ่ง ก่อสร้างเป็นรูปปั้นองค์จำลองของหลวงพ่อใส ไว้ที่ด้านข้างศาลาการเปรียญ เพื่อให้พุทธศาสนิกชน ได้กราบไหว้ ระลึกถึงคุณงามความดีของหลวงพ่อใส 

สำหรับเจ้าอาวาสวัดป่าลาดคำ รูปปัจจุบัน ได้รับการถ่ายทอดวิชา เดินจงกลมและวิชาความรู้ด้านอื่นๆจากพระถวิล สุญธาติ เจ้าอาวาสองค์ที่แล้ว ซึ่งพระถวิล เป็นลูกศิษย์ท่านพุทธธาตุภิกขุ ซึ่งปัจจุบัน พระถวิล ได้ไปอยู่ที่สวนโมก จ.นครศรีธรรมราช เมื่อหลายปีมาแล้ว 

จึงทำเป็นทางเดินรอบวัด สำหรับพุทธศาสนิกชน ใช้เดินจงกลม ฝึกสมาธิ การหายใจเข้าออก กำหนดลมหายใจเข้าออก ระหว่างที่เดินจงกลม ก็จะอยู่ท่ามกลางป่าไม้ ร่มไม้ สงบ ร่มรื่น ตามทางเดินแบบดินปนดินทรายธรรมชาติ ทำให้นุ่มฝ่าเท้า และทางเดินรูปร่างคล้ายกะลาเป็นบางช่วง หากย่ำเท้าเหยียบลงไป ก็เป็นการนวดฝ่าเท้าไปในตัว ทำให้รู้สึกสบายเท้าสุดวิเศษ ทำเอาบรรดาผู้มาเดินปฏิบัติธรรมสมาธิ จงกรม ต่างติดใจ ต้องหวนกลับมาเดินเป็นประจำ ที่สำคัญเป็นการออกกำลังกายอีกทางหนึ่งด้วย  

เจ้าอาวาสวัดป่าลาดคำ เทศนาต่อพุทธศาสนิกชนและญาติโยมทั้งหลาย โดยการ ยึดแนวคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเรื่อง การทำบุญ แก่พุทธศาสนิกชนนำไปปฎิบัติ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงการเกิดบุญไว้ 3 ประการ คือ 1. บุญเกิดจากการให้ทาน 2. บุญเกิดจากการรักษาศีล 3. บุญเกิดจากการภาวนาอบรมจิตใจ โดยสรุปแล้ว การสร้างความดีทุกประการล้วนเป็นแหล่งของการเกิดผลบุญกุศลทั้งสิ้น แล้วก่อให้เกิดอานิสงส์ที่จะสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ทั้งสิ้น  

เมื่อกำลังให้ของแก่ใคร ไม่ว่าจะถวายของแก่พระสงฆ์ ให้ของแก่ พ่อ แม่  พี่ น้อง ญาติมิตร แม้เอาข้าวให้สุนัขกิน เอาอาหารโยนให้ปลากิน เอาเศษอาหารโปรยให้มดกิน ย่อมเกิดกระแสบุญขึ้น เป็นกระแสเรืองรอง แผ่ออกจากตัวผู้กำลังให้ เพียงไม่กี่วินาทีแสงนี้ จะพุ่งหายขึ้นไปเบื้องบน แล้วสะสมเป็นกองบุญของผู้ให้อยู่บนเทวโลก   

ดังนั้น ขณะให้ของแก่ใครจึงควรอธิษฐานจิต คิดทันทีว่า บุญนี้จงเป็นของเทวดารักษาตัวข้า หรือบุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเทวดา ภูต ผี ปีศาจ เปรต ครุฑ นาค ยักษ์ ที่อาศัยอยู่ในสถานที่เลือกสวนไร่นาหรือเคหะสถานบ้านเรือนของข้า หรือบุญนี้ จงเป็นของเทวดารักษาบุตรของข้า จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบิดามารดาของข้า เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่า เราต้องการแก้ไขในจุดใด.012

Share this:

  • Click to share on Skype (Opens in new window)
  • Click to share on Pocket (Opens in new window)
  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window)
  • Click to share on Reddit (Opens in new window)
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window)
  • More
  • Click to print (Opens in new window)
  • Click to share on Telegram (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window)
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window)

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : สวดมนต์ทุกวัน ท่านจะมีความสุข โดยพระราชปริชา ญาณมุนี

Posted on December 5, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/696102

ธรรมะวันอาทิตย์ : สวดมนต์ทุกวัน ท่านจะมีความสุข โดยพระราชปริชา ญาณมุนี

ธรรมะวันอาทิตย์ : สวดมนต์ทุกวัน ท่านจะมีความสุข โดยพระราชปริชา ญาณมุนี

วันอาทิตย์ ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 13.17 น.

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคทม 2565 วัดบ่อชะเนง อยู่ห่างจากตัวอำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ ทางทิศใต้ ประมาณ 15 กิโลเมตร ถนนสายหัวตะพาน – บ้านขมิ้น อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี เป็นวัดสังกัดมหานิกาย โดยมีพระราชปรีชาญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดบ่อชะเนงและเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ มีพระสงฆ์ จำนวน 12 รูป และสามเณร 45 รูป (บวชเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดบ่อชะเนง) แม่ชีไม่มี มรรคนายก 4 คน บนเนื้อที่ 40 ไร่ ปกคลุมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ เงียบ สงบ ร่มรื่น เหมาะสำหรับ ผู้ที่จะเข้าไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิยิ่งนัก 

นอกจากนี้ ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่คู่วัดบ่อชะเนง มาช้านาน ซึ่งพุทธศาสนิกชน ญาติโยม เดินทางเข้าไปกราบนมัสการขอพรเป็นประจำ นั่นก็คือ รูปเหมือน หลวงปู่ขาว อนาลโย ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร และพระพุทธรูปอีกจำนวนหนึ่ง  

สำหรับประวัติ หลวงปู่ขาว อนาลโย ซึ่งเขียนระบุไว้ ที่กำแพงปูชีเมนต์ ด้านข้างวิหาร ว่า หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู นามเดิม ขาว โคระถา เกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2431 ที่บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ บิดา ชื่อ พั่ว มารดาชื่อ รอด อาชีพทำนา มีพี่น้อง 7 คน หลวงปู่ขาว คนที่ 4 และหลวงปู่ขาวแต่งงานมีธิดา 7 คน การครองเรือนไม่ราบรื่น เพราะภรรยา ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม เป็นเหตุให้หลวงปู่ขาว เกิดความสลดสังเวช เบื่อหน่ายในชีวิตของการครองเรือน จึงได้ตัดสินใจบวชอย่างสง่างาม ที่วัดบ่อชะเนง

สมัยนั้นเรียกว่า วัดโพธิ์ศรี ในปี พ.ศ.2462 อยู่จำพรรษา 6 พรรษา จึงได้ออกเดินธุดงคกรรมไปที่วัดพระธาตุพนม ลุถึง อุดร หนองคาย ได้พบศึกษา อบรม ปฏิบัติธรรม กับ หลวงปู่มั่น ภูริทตโต ที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เมื่อหลวงปู่มั่น อยู่ที่ เชียงใหม่ หลวงปู่ข่าว จึงเดินธุดงคกรรมฐานไปด้วย พักจำพรรษา ตามป่าภูเขาลำเนาไพร ผจญสัตว์ป่า มีช้างใหญ่ เสือโคร่ง เป็นต้น 

แต่หลวงปู่ขาว ไม่ท้อถอย ปฏิบัติธรรมตามปกติ ได้ศึกษาข้ออรรถธรรมกับหลวงปู่มั่นอยู่บ่อยๆ จนภูมิธรรมเต็มจิตใจหมดความสงสัยในธรรมอย่างสิ้นเชิง จึงได้อนุสรณ์ย้อนกลับถิ่นปิตุภูมิมาตุภูมิ เพื่อโปรดญาติโยมและจำพรรษาในอุโบสถวัดบ้านเก่าบ่อ ต.หนองแก้ว อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ ห่างจากวัดบ่อชะเนง ประมาณ 2 กิโลเมตร หลวงปู่ขาว จึงกลับ สกลนคร ในปี พ.ศ.2501หลวงปู่ขาว ท่านได้วิเวกไปตามลำดับ จนถึง วัดถ้ำกลองเพล ท่านเห็นว่า เหมาะสมแก่อัธยาศัย จึงพักประจำอยู่ที่นี่ จนถึงสาระสุดท้าย ของชีวิตท่าน ซึ่งมรณภาพ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 สิริรวมอายุได้ 96 ปี 64 พรรษา  

ขณะที่ หลวงปู่ขาว อนาลโย บวชและจำพรรษา อยู่ที่วัดบ่อชะเนง ปี พ.ศ.2462 – 2468 พร้อมด้วย ญาติโยม ชาวบ้าน ได้ทำการก่อสร้างเป็นลักษณะ ก่อด้วยอิฐฉาบดินเหนียว สูตรผสมตามภูมิปัญญาชาวบ้าน หลังคามุงด้วยกระเบื้อง ดินเผา ให้เป็นที่ทำ สังฆกรรมของสงฆ์ จนกลายเป็นอุโบสถหลังใหม่ ปี พ.ศ. 2530 จึงเปลี่ยนเป็น’วิหารหลวงปู่ขาว’ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ใกล้กับ อุโบสถ ภายในประดิษฐาน มณฑป บรรรจุ พระบรมสารีรึกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้านซ้าย องค์พระประธาน ซึ่งพุทธสนิกชน เดินทางเข้ามากราบนมัสการเป็นประจำ 

ก่อนเดินทางกลับ ควรแวะฟังพระธรรมเทศนา กับ พระราชปริชาญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดบ่อชะเนงและเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ   ซึ่งท่านเทศนาตอนหนึ่งว่า คนที่มาวัดจะมาทำบุญ ฟังธรรมะ คือ ความสุข และมีจำนวนไม่น้อย ที่มาวัด เพราะมีทุกข์ มีทุกข์ 5 ประเภท คือ 1. ครอบครัวไม่มีความสุข ครอบครัวทะเลาะกัน 2. ผิดหวังในชีวิต 3.ลูกไม่เรียนหนังสือ เถียงพ่อ เถียงแม่ 4. เศรษฐกิจไม่พอปากพอท้อง และ 5 มีแล้วไม่พอ

ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า หน้าที่ทางพระพุทธศาสนาที่เราเป็นชาวพุทธ มี 2 ประการ คือ 1. คันถธุระ ภาคทฤษฎีต้องบังคับให้เรียน และ 2. วิปัสสนาธุระ เรียนภาคทฤษฎี ต้องฝึกภาคปฏิบัติด้วย มีเท่านี้เอง อย่าไปลามปามเครื่องรางของขลังเป็นเพียงที่ระลึกในการสร้างความดีในจิตใจ มีพระประจำกายแล้วก็มีพระประจำใจ มีทั้งนอกทั้งใน จะมีประโยชน์มาก ที่สำคัญ ญาติโยมทั้งหลาย ควรปฏิบัติตามศีล 5 ข้อให้ได้ ซึ่งว่าไว้ คือ 1. ห้ามฆ่าสัตว์ 2.ห้ามลักทรัพย์ 3. ห้ามดื่มสุรา 4 ห้ามพูดเท็จและ 5 ห้ามผิดในกาม

หากทุกคนทำได้ก็จะมีแต่ความสงบสุข อาตมาขอเชิญชวนทุกท่านสวดมนต์ทุกวัน อย่างคำที่ว่า ไหว้พระเป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน ทั้งกินทั้งทา ท่านจะมีความสุขสบายมากมายหลายประการ มีความสุขถึงลูกถึงหลานของท่านทั้งหลาย.012

Share this:

  • Click to share on Skype (Opens in new window)
  • Click to share on Pocket (Opens in new window)
  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window)
  • Click to share on Reddit (Opens in new window)
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window)
  • More
  • Click to print (Opens in new window)
  • Click to share on Telegram (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window)
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window)

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : นมัสการพระบรมสารีริกธาตุองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้อยู่เย็นเป็นสุข

Posted on November 28, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/694693

ธรรมะวันอาทิตย์ : นมัสการพระบรมสารีริกธาตุองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้อยู่เย็นเป็นสุข

ธรรมะวันอาทิตย์ : นมัสการพระบรมสารีริกธาตุองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้อยู่เย็นเป็นสุข

วันอาทิตย์ ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 16.14 น.

จากตัวเมืองอำนาจเจริญ ด้านทิศเหนือ ไปตามถนนชยางกูร (อำนาจเจริญ – มุกดาหาร) สายหลัก ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งวัดป่าธรรมรังสี ต.ไร่สีสุก อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ เหมาะสำหรับผู้แสวงหาความเงียบสงบสุข ต้องการปลีกวิเวก ปฏิบัติธรรม ถือศีล ภาวนา สมาธิเพราะปกคลุมไปด้วยต้นไม้หลากหลายพันธุ์ยืนต้นขึ้นอยู่ทั่วบริเวณบนเนื้อที่จำนวน 47 ไร่ ประกอบด้วย กุฎิ ศาลาการเปรียญ อุโบสถ เป็นต้น 

สำหรับเจดีย์สิทธิธรรมรังสี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ใกล้กับอุโบสถที่ความสูง 15 เมตร ฐานกว้าง 9 เมตร ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2520 เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพุทธศาสนิกชน เดินทางเข้ามากราบไหว้บูชา ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นมงคลชีวิตอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ไม่ไกลทางเข้าวัดมากนัก จะพบเห็น ศาลาไม้ทรงไทย ประดิษฐาน หุ่นขี้ผึ้ง หลวงพ่อลี ธรรมสาโร ซึ่งหลวงพ่อลี ธรรมสาโร ได้บูรณะวัดป่าธรรมรังสีแห่งนี้อยู่หลายปี 

ส่วน หลวงพ่อเศียร ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปครึ่งองค์ หรือ พระเศียรจำลอง ว่ากันว่า พระเศียรองค์จริง ขุดขึ้นมาจากใต้ดิน ขณะที่รถแมคโค ปรับพื้นที่บริเวณวัด ขุดพบเศียรพระซึ่งอยู่ใต้ดิน จึงทำพิธีอัญเชิญขึ้นมา 3 วัน สามารถนำขึ้นมาได้ จากนั้น หลวงพ่อลี ธรรมสาโร ได้อัญเชิญเศียรพระไปไว้ที่วัดอโศกการาม จ.สมุทรปราการ และได้ทำเศียรพระจำลอง จากองค์จริงขึ้น ซึ่งประดิษฐานภายในอุโบสถ วัดป่าธรรมรังสี อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ที่ผ่านมา เป็นที่นิยมของผู้คน เข้ามาอธิฐานขอพรเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงนี้ จะมีผู้คน เข้ามาอธิษฐานขอพร จาก หลวงพ่อเศียร มากเป็นพิเศษ เพื่อปัดเป่าปัญหาต่างๆให้ผ่านพ้นไปด้วยดี 

พระอธิการเพลิง ปกสิโร อายุ 73 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมรังสี กล่าวว่า อาตมาเป็นเหลน หลวงพ่อลี ธรรมสาโร วัดอโศกการาม จ.สมุทรปราการ เมื่อสมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ พลวงพ่อลี ธรรมสาโร เดินธุดงค์ โปรดสัตว์ไปหลานพื้นที่ในประเทศไทย และข้ามไปประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)อยู่หลายปี จากนั้น กลับมาที่ประเทศไทย ทางภาคอีสาน กระทั่งเดินธุดงค์มาถึง บริเวณป่าใกล้กับหมู่บ้านไร่สีสุก เกิดนิมิต เหล่ารุกขเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ป่าแห่งนี้ ต้องการให้สร้างสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ ก็เลยก่อสร้างวัดธรรมรังสีขึ้น ระหว่างที่รถแมกโค ขุดปรับพื้นดิน และขุดพบ เศียรพระ

โดยใช้เวลาอัญเชิญขึ้นมา 3 วัน จึงสามารถนำขึ้นมาจากใต้ดินได้ ต่อมา ได้อันเชิญไปประดิษฐานที่วัดอโศกการาม จ.สมุทรปราการ กระทั่งปัจจุบัน และได้ทำเศียร เรียกว่า หลวงพ่อเศียร จำลอง ขึ้นมาแทนองค์เดิม โดยประดิษฐานภายในอุโบสถ วัดป่าธรรมรังสี ส่วนหลวงพ่อลี ธรรสาโร สร้างหลวงพ่อเศียรจำลองได้ไม่นาน ก็มรณภาพ ขณะมีอายุ 55 ปี 

พระอธิการ เพลิง ปกสิโร อายุ 74 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมรังสี เทศนา ให้กำลังใจ แก่ญาติโยม ที่ประสบปัญหาหลายด้านว่า ว่า ขอเป็นกำลังใจ ให้ทุกคนมีสติ ตั้งสติให้ดี จะผ่านพ้นวิกฤติต่างๆไปได้ และให้ยึด ปฏิบัติ ตามคำสอน องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่อง ศีล ภาวนา สมาธิ และคิดเสมอว่า การเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย ไม่มีใครหนีพ้น ไม่วันใดวันหนึ่ง จะต้องเกิดขึ้นกับทุกคน ถ้าเข้าถึงแก่นของหลักธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว จะทำให้สบายใจ คลายเครียดลงได้ในระดับหนึ่ง – 003

Share this:

  • Click to share on Skype (Opens in new window)
  • Click to share on Pocket (Opens in new window)
  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window)
  • Click to share on Reddit (Opens in new window)
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window)
  • More
  • Click to print (Opens in new window)
  • Click to share on Telegram (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window)
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window)

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : ‘สุขกาย สบายใจ’คือการได้บุญ โดยพระครูวิจิตร ธรรมโกศล

Posted on November 21, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/693211

ธรรมะวันอาทิตย์ : 'สุขกาย สบายใจ'คือการได้บุญ โดยพระครูวิจิตร ธรรมโกศล

ธรรมะวันอาทิตย์ : ‘สุขกาย สบายใจ’คือการได้บุญ โดยพระครูวิจิตร ธรรมโกศล

วันอาทิตย์ ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 14.21 น.

20 พฤศจิกายน 2565 วัดโคกสะอาด ต.ไร่สีสุก อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ สังกัด มหานิกาย พระครู วิจิตร ธรรมโสพล เป็นเจ้าอาวาสวัดโคกสะอาดและเจ้าคณะตำบลเสนางคนิคม เขต 1 ปกครองประสงฆ์ 5 รูป ไม่มีสามเณร มรรคนายก 1 คน บนเนื้อที่ 30 ไร่ เป็นที่ตั้ง กุฏิ ศาลาการเปรียญ อุโบสถ ฯลฯ 

ที่โดดเด่น คือการปลูกป่าไม้หลากหลายพันธุ์ เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะจะมีป้ายคติธรรมติดไว้ที่ต้นไม้ทุกต้น เพื่อเป็นข้อคิด เตือนใจ ให้พุทธศาสนิกชน ญาติ โยม นำไปปฏิบัติ ซึ่งอยู่ท่ามกลางอากาศร่มรื่น ไร้แสงแดด เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการความสงบ ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ อย่างยิ่ง  

ส่วนด้านหน้าวัด ทำเป็นลานซีเมนต์ ริมถนนชยางกูร ให้ผู้ที่ผ่านไปมา ขับรถไกลๆต้องการพักรถ ผักผ่อน ชั่วคราว ก็มีให้บริการฟรี แถม มีที่นั่ง ให้ผู้รอรถโดยสาร นั่งรอรถอย่างสบายใจ ในขณะที่รอรถ หรือจอดพักรถ จะเดินเข้าไปกราบนมัสการ ขอพร พระพุทธชัยมงคล เพื่อความเป็นสิริมงคล เดินทางโดยปลอดภัย ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวิหารไม้ อย่างสวยงาน ไม่ไกลมากนัก 

หรือ จะเดินเลย ไปอีกหน่อย จะพบเห็นสระน้ำขนาดกลาง โดยกำหนดให้เป็นเขตอภัยทาน ห้ามจับสัตว์น้ำเด็ดขาด ซึ่งปลา หลากหลายชนิด มาจาก ผู้ใจบุญ นำมาปล่อยเป็นทาน จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มีม้านั่ง ให้นั่งดู ฝูงปลา แหวกว่ายเล่นน้ำ อย่างเพลิดเพลิน ทำให้จิตรใจสบาย มีความสุข คลายกังวล คลายเครียดกับทุกปัญหา  

ก่อนเดินทางกลับ ควรแวะฟังธรรมเทศนาสอนใจ เพื่อนำไปปฏิบัติ จะได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ก้าวหน้าในการงาน ซึ่ง พระครู วิจิตร ธรรมโสพล เจ้าอาวาสวัดโคกสะอาด เทศนา ตอนหนึ่งว่า ‘มีคนถามกันมาก ว่าทำไม บางคนเป็นถึงเศรษฐี และไม่เคยทำบุญเลย แล้วรวยเอารวยเอา’

อาตมาก็ตอบว่า เพราะเขากินบุญเก่า คือ ชาติก่อนเขาทำบุญไว้มาก ก็เลยเกื้อหนุนในชาตินี้ ส่วนคนที่ทำบุญตลอดเวลาในชาตินี้ แต่ทำไมจนเอาจนเอา ก็เพราะว่า ชาติก่อน ไม่เคยทำบุญเลย ทำให้ชาตินี้จน แต่หากทำบุญชาตินี้มาก สิ่งดีๆก็จะตามมา เช่น ทำบุญ จะทำให้เราจิตใจดี มีความสบายใจ และถ้าให้ดีจริง สิ่งของที่เอามาทำบุญ หรือถวายพระ จะต้องมาจากการทำงานที่สุจริต มาด้วยความบริสุทธิ์จึงจะได้บุญ

‘ตรงกันข้าม ถ้าได้มาด้วยการปล้นจี้ ลักขโมยเขามา ก็จะไม่ได้บุญ ที่สำคัญการทำบุญ ทำมาก ทำน้อย ได้บุญเท่ากัน ซึ่งบางคนเข้าใจผิด ถ้านำเงินบริจาควัดมากๆก็จะได้บุญมาก ไม่จริง เป็นการเข้าใจผิด’  

สำหรับการทำกฐิน มีผ้าผืนเดียวเท่าผ้าเช็ดหน้า ก็ทำผ้ากฐินได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำใหญ่โต ทำเท่าฐานะของเรา เหมาะสมกับฐานะเรา ถ้าทำแล้วไม่เป็นทุกข์ มีแต่ความสุขและสบายใจ นั่นแหละคือการได้บุญ 

ส่วนการทำบุญที่เห็นทันตา ก็คือการดูแลพ่อแม่ให้ดี ตอนที่ท่านทั้ง 2 มีชีวิตอยู่ ท่านต้องการอะไร อยากกินอะไร ก็หาให้ท่านได้กิน และทำดีกับท่านตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าพอถึงวันเกิดท่าน จึงค่อยพาท่านไปกินอาหาร

อย่างนี้ก็ไม่สมควร ควรทำให้ท่านตอนมีชีวิตอยู่ ซึ่งผลการทำดี ดูแลพ่อแม่ดี ก็จะส่งผลให้ จะคิด จะทำอะไร มีแต่ความสำเร็จ

เพราะฉะนั้น พระในบ้านคือพ่อแม่ จะต้องเคารพบูชาสูงสุด .012

Share this:

  • Click to share on Skype (Opens in new window)
  • Click to share on Pocket (Opens in new window)
  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window)
  • Click to share on Reddit (Opens in new window)
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window)
  • More
  • Click to print (Opens in new window)
  • Click to share on Telegram (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window)
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window)

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

Post navigation

← Older posts

Blogroll

  • คำไทย:ThaiWords
  • จิตรา คล้ายมนต์
  • นพ.ต่อพงศ์ คล้ายมนต์
  • พญ.อภิชญา คล้ายมนต์
  • ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย1
  • ศาสตร์และศิลป์ที่สอนในเมืองไทย
  • Blogspot:SoClaimon
  • Facebook:กรุงเทพฯเวนิสตะวันออก
  • Facebook:ชมรมดินปุ๋ยบนเว็บ
  • Facebook:SoClaimon
  • Google map:แผนที่ตำบล 76 จังหวัด
  • Google sites:Soil Taxonomy
  • Google sites:SootinClaimon
  • LinkedIn:sootin claimon
  • ToRaMaN's BLOG
  • Tumblr:SoClaimon
  • Twitter:SoClaimon
  • Twitter:SoilFertilizer
  • Webs:ChangChoice

BamBam Family

BamBam Family

สถิติบล็อก

  • 2,444,518 hits

Join 10,266 other subscribers
Follow SootinClaimon.Com on WordPress.com

Categories

Top Posts & Pages

‘มท.’จัดพิธีมอบแบบลายผ้าพระราชทาน ‘ผ้าลายดอกรักราชกัญญา’ แก่ผู้ว่าฯ-ปธ.แม่บ้านมหาดไทยทุกจังหวัด
'โมโน เน็กซ์'ร่วมส่งมอบปฏิทินตั้งโต๊ะเก่าเพื่อคนตาบอด
ผู้เชี่ยวชาญ สจล. แนะวิธีออกแบบ และปรับปรุงอาคารรับมือแผ่นดินไหว
บุคคลในข่าว
บุคคลในข่าว
บุคคลในข่าว
D.C. leaders struggle to allow protesters to be heard while quelling mayhem #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย
สหรัฐฯ เรียกร้อง "สี จิ้นผิง" กดดัน "ปูติน" ยุติก่ออาชญากรรมสงคราม
จุฬาฯ เปิดตัวถุงมือพาร์กินสันรุ่นล่าสุด ใช้ง่ายเบา ลดอาการมือสั่นได้อัตโนมัติ
"ยิ่งลักษณ์" ไลฟ์สด #เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ ถามแรง ประยุทธ์

Recent Posts

  • สอศ.คิกออฟ’1วิทยาลัย1ครูอนามัย สร้างHEROอาชีวะ’ มุ่งสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษา
  • สกสว.หารือสภาอุตสาหกรรมฯเสริมทัพ สร้างผลกระทบจากการนำผลวิจัย-นวัตกรรมไปใช้ประโยชน์

Recent Comments

กระสุนยูเรเนียมเสื่อ… on กระสุนยูเรเนียมเสื่อมสภาพคืออะ…
ไช่ อิงเหวิน ปธน.ไต้… on ไช่ อิงเหวิน ปธน.ไต้หวัน เตรีย…

RSS ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย1

  • ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย1
  • ลึกลับสนามข่าว : 31 ธันวาคม 2558

Follow me on Twitter

My Tweets

Follow me on Twitter

My Tweets

ป้ายกำกับ

  • 2559(2016)
  • 2562(2019)
  • 2563(2020)
  • 2564(2021)
  • entertain
  • naewna
  • The Nation
  • ต่างประเทศ
  • บันเทิง
  • แนวหน้า
  • RSS - Posts
  • RSS - Comments

Archives

Follow Us

Blog at WordPress.com.
  • Follow Following
    • SootinClaimon.Com
    • Join 1,665 other followers
    • Already have a WordPress.com account? Log in now.
    • SootinClaimon.Com
    • Customize
    • Follow Following
    • Sign up
    • Log in
    • Report this content
    • View site in Reader
    • Manage subscriptions
    • Collapse this bar
 

Loading Comments...
 

    %d bloggers like this: