Skip to primary content
Skip to secondary content

SootinClaimon.Com

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย2 [SartKasetDinPui2] : ข้อมูล เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เกษตร ดิน น้ำ ปุ๋ย

SootinClaimon.Com

Main menu

  • Home
  • KU23-2506
  • ข้อคิดความเห็น
  • ตระกูลคล้ายมนต์
  • ผมเองครับ
  • ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย1

Tag Archives: ธรรมะวันอาทิตย์

Post navigation

← Older posts
Newer posts →

ธรรมะวันอาทิตย์ : การทำบุญ ต้องคำนึงถึงฐานะที่ควรทำ โดย พระครูทัศนประกาศ

Posted on November 14, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/691822

ธรรมะวันอาทิตย์ : การทำบุญ ต้องคำนึงถึงฐานะที่ควรทำ โดย พระครูทัศนประกาศ

ธรรมะวันอาทิตย์ : การทำบุญ ต้องคำนึงถึงฐานะที่ควรทำ โดย พระครูทัศนประกาศ

วันอาทิตย์ ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 20.00 น.

วัดมงคลมิ่งเมือง ตั้งอยู่ถนนชยางกูร ต.บุ่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ ใกล้กับ พุทธอุทยาน ก่อนถึงศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ ประมาณ 300 เมตร เป็นวัดสังกัด ธรรมยุต มีเนื้อที่ 17 ไร่ ถือว่าเป็นวัดขนาดเล็ก สายวัดป่า จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้แมกไม้นานาชนิด บรรยากาศร่มรื่น กระแสลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา ท่ามกลางความเงียบสงบ จึงเหมาะสำหรับผู้นิยม เข้าไปนั่งปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ ยิ่งนัก

โดยเฉพาะการเข้าไปฟังธรรมเทศนา กับ พระครูทัศนประกาศ ซึ่งท่านสั่งสอนญาติโยม ผู้ที่มีความทุกข์ โดยไม่แบ่งชั้น อย่างเสมอภาค ไปถึงก่อนหรือมาทีหลัง ท่านก็ให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน ถึงจะเป็นเศรษฐี หรือ ยากจน ก็มีค่าเท่ากัน คือ เป็นคนเหมือนกัน ที่สำคัญ การบริจาค ด้วยเงิน ท่านจะไม่รับเลย ถือว่า เป็นพระสงฆ์ ที่เคร่งครัด วัตรปฏิบัติดีงามมาก

จึงเป็นเรื่องปกติ ที่กุฏิเจ้าอาวาส จะเนืองแน่นไปด้วยญาติโยม พุทธศาสนิกชน เพื่อฟังธรรมเทศนา ให้คลายทุกข์ และมีจำนวนไม่น้อย ที่เข้ามานั่งปฏิบัติธรรม ให้พ้นทุกข์ เพราะต่างประสบปัญหา แตกต่างกันไป

พระครู ทัศนประกาศ อายุ 75 ปี บวชมา 55 พรรษา เทศนาตอนหนึ่งว่า ญาติโยม ที่มาหาส่วนมาก มักจะมีความทุกข์ ไม่เหมือนกัน ก็ให้คำชี้แนะบอกสอนที่แตกต่างกันไป บางคนจะแนะนำให้ไปนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม บางคนรับราชการ หลักเลิกงานจะมานั่งสมาธิ 1 – 2 ชั่วโมง บางคนไม่ว่าง ที่จะเข้ามาปฏิบัติธรรมในวัด จะทำกิจกรรมในบ้านแทน และมีจำนวนไม่น้อย ที่มานั่งสมาธิในวันหยุด เสาร์ – อาทิตย์ ที่สำคัญ หลายโรงเรียนนำนักเรียน เข้ามาฟังธรรม ปฏิบัติธรรม เพื่อให้นักเรียน รู้จักเข้าวัด ทำบุญ ทำทาน เพื่อสืบทอดพุทธศาสนา เป็นเรื่องที่ดี เพราะเด็กทุกวันนี้ พูดยาก บอกยาก ไม่ค่อยเคารพผู้ใหญ่ คุณครู จึงมีการนำเด็กเข้าวัด เพื่อพัฒนาจิตใจ มีศีลธรรมประจำใจ จะได้ไม่ไปทำอะไร ที่มันโหดร้าย อย่างที่เป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง

ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ทำเรื่องโหดร้าย ฆ่ากันโหดเหี้ยม ทำให้สังคมวุ่นวาย ไม่เป็นสุข การฆ่าที่โหดร้าย ผิดมนุษย์มะนา  คือ ความโกรธ ซึ่งการฆ่าความโกรธ คือ ความดี หากทุกคนฆ่าความโกรธได้ จะมีความสุข ส่งผลให้สังคมสงบสุข ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง หรือโหดร้ายเกิดขึ้น ทุกคนต่างทำมาหากิน อะไรๆมันก็ดีไปหมด

ทั้งนี้ การแสดงความโกรธ ออกมาจาก กาย วาจา ใจ โดยมีสีหน้าบ่งบอกชัดเจน ซึ่งใบหน้าหรือสีหน้าของคน ที่มีอะไร เช่น หากมีทุกข์ ก็แสดงออกทางใบหน้า หรือหากมีสุข จะแสดงออกทางสีหน้า มีจิตใจเบิกบาน นำมาซึ่งกุศลกายดี กุศลใจดี คนรอบข้างอยากพูดคุย คบค้าสมาคมด้วย

พระครู ทัสนประกาศ เทศนา ต่อไปว่า คนเราหากแต่ละวัน ลดโมหะ โทสะ ได้ จะดี เหตุนี้ จะให้คนเป็น พระอินทร์ ซึ่ง พระอินทร์ จะช่วยคนมีศีลธรรม

สำหรับ เรื่อง การทำบุญ พระครูทัศนประกาศ เทศนาว่า การทำบุญ มีพรามณ์ไปถาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า บุคคลในโลกนี้ ทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วจะได้รับไหม ซึ่งพรามณ์เชื่อว่าได้รับ แต่ทางศาสนาพุทธได้ไหม  พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอบว่า ผู้ที่ทำบุญไปให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว มี 2 สถานะคือ ได้ที่ไม่ควรจะได้และได้ที่ควรจะได้ เช่น ญาติ พี่ น้อง ไปเกิดเป็นอสุรกาย หรือ เปรต  ถ้าทำบุญ จะได้รับ เพราะฉะนั้น  การทำบุญไม่สูญเปล่า และญาติทั้งหลายในภพก่อนๆ ก็จะได้รับผลบุญเช่นกัน เวลาทำบุญที่ไหนก็ตาม ไม่ต้องเจาะจงก็ได้ เพราะญาติพี่ น้อง จะได้รับผลบุญเหมือนกัน เปรตจำพวกนั้น ก็จะอนุโมทนาสาธุและการสร้างกุฎิถวายพระก็ได้บุญ จะส่งถึงญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว ก็จะสาธุตอบ คือ บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนา และ  การทำบุญ ต้องคำนึงถึงฐานะที่ควรทำ

ส่วนการตั้งประเด็นมองคน ให้ตั้ง เมตตา ถ้าเอาจิตเมตตาเป็นที่ตั้ง ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น มีเมตตาให้คนอื่นเท่ากับมีเมตตาให้กับตนเอง เช่น ธรรมะย่อมรักษาผู้ทำความดี พื้นที่ของคนไม่เหมือนกัน เป็นเพราะกรรมเป็นตัวจำแนก ซึ่งจำแนกกรรมในอดีตก็ส่งผลถึงปัจจุบัน พระพุทธเจ้าอยากช่วยทุกคน แต่เพราะกรรม พระพุทธเจ้าจะช่วยคนที่ช่วยได้ เฉพาะคนที่ช่วยได้ ก่อนที่จะช่วยจะต้องมีทุนความดีเดิมเสียก่อน เช่น ทำบุญ ตักบาตร เป็นต้น

ซึ่งคนเราเกิดมาต่างกรรมกัน ไปวัดก็มีจุดประสงค์ต่างกัน แต่สุดท้ายแล้ว ทุกคน ต้องการคลายทุกข์  สุขกาย สุขใจ ที่สำคัญ การเข้ามาวัดต้องการกำลังใจ ขอให้ทุกท่านมีกำลังใจที่ดี เพื่อต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคไปได้ด้วยดี…

Share this:

  • Skype
  • Pocket
  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Reddit
  • Email
  • Print
  • Telegram
  • Tumblr
  • WhatsApp
  • Mastodon
  • More
  • Pinterest

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : การรักษาศีล ง่ายกว่าการทำบาป โดย พระครูถาวร ชินวงศ์

Posted on November 7, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/690421

ธรรมะวันอาทิตย์ : การรักษาศีล ง่ายกว่าการทำบาป โดย พระครูถาวร ชินวงศ์

ธรรมะวันอาทิตย์ : การรักษาศีล ง่ายกว่าการทำบาป โดย พระครูถาวร ชินวงศ์

วันอาทิตย์ ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 20.00 น.

ในวันหยุด เสาร์ – อาทิตย์ มีโอกาสเดินทางไป ที่ บ้านคำพระ ตำบลคำพระ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อทำบุญ สร้างกุศล ฟังธรรมเทศนา กับ พระครูถาวร ชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดบ้านคำพระ ถือว่าเป็นวัดขนาดเล็ก มีพระสงฆ์ 4 รูป ไม่มีสามเณร ไวยาวัชกร 1 คน สังกัดมหานิกาย บนเนื้อที่ 10 ไร่เศษ ประกอบด้วย กุฏิ ศาลาการเปรียญ หอระฆัง เมรุ เป็นต้น

และที่โดดเด่น ดึงดูดใจ พุทธศาสนิกชน มาก ก็คือการเดินทางเข้ามานมัสการ พระโตโคตมะ เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นมงคลชีวิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึง เข้ามา สัมผัส ขอโชคลาภ จากต้นยางยักษ์ อายุ 1,000 ปี ขนาดกว้างโดยรอบ 5 คนโอบรอบ ความสูงกว่า 50 เมตร มีความสมบูรณ์ตลอดลำต้น ตั้งอยู่ด้านหลังในพื้นที่ของวัดบ้านคำพระ ใกล้กับเมรุ ว่ากันว่า สมัยก่อน ในช่วงวันพระ กลางดึก จะพบเห็นลูกไฟหลากหลายสี ลอยออกมาจากโคนต้นยางยักษ์ แล้วเข้าไปในอุโบสถวัดบ้านคำพระ จากนั้น ใกล้สว่าง ลูกไฟก็จะลอยกลับเข้าไปที่โคนต้นยางยักษ์เหมือนเดิม ซึ่งชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ใกล้วัด พบเห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาตินี้ทุกคน และ ได้มีการเล่าขานติดต่อกันมาหลายชั่วอายุคนกระทั่งปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังมี ชาวเขมร เรียกว่า หมอเขมร เก่งเรื่องไสยศาสตร์ มาพักอยู่ใกล้ต้นยางยักษ์ เป็นคนจ้ำ คือผู้นำกล่าวเป็นภาษาเขมร ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ในต้นยางยักษ์ ช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเรื่อง ขอฝนทำนา และอื่นๆ ทว่าปัจจุบัน คนจ้ำ เสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ก็มีคนเข้าไปทำพิธีอธิษฐาน ขอโชคลาภต่อต้นยางยักษ์ เป็นประจำ

พระครูถาวร ชินวงศ์ อายุ 55 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านคำพระ ต.คำพระ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่า วัดบ้านคำพระ เป็นวัดขนาดเล็ก มีพระสงฆ์ 4 รูป เนื้อที่ 10 ไร่ 3 งาน จึงต้องมีการทำสิ่งปลูกสร้างที่จะจูงใจ ดึงดูดใจ ให้พุทธศาสนิกชน ญาติโยมทั้งหลาย เข้ามาวัดมากขึ้น โดยการก่อสร้างพระพุทธรูป นามว่า พระโตโคตมะ ปางมารวิชัย สีทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 5 เมตร 1 องค์ และ พระโตโคตมะปางมารวิชัย สีขาว หน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 4 เมตร 2 องค์ เพื่อเป็นศูนย์รวมใจชาวบ้านคำพระและใกล้เคียง ได้เข้ามาทำกิจกรรมทางศาสนา รวมถึง การทำอุปกรณ์หาปลาขนาดใหญ่ เช่น ไซดักปลา ข้องใส่ปลา เป็ดตกปลา  หรี่ดักปลาฯลฯ เพื่อให้เยาวชน ลูกหลาน ในหมู่บ้าน เข้ามาศึกษา เรียนรู้ เครื่องมือหาปลาในสมัยโบราณ ซึ่งทุกวันนี้เริ่มจะหาดูได้ยาก

พระครูถาวร ชินวงศ์ พระนักเทศน์เสียงทอง เจ้าอาวาสวัดบ้านคำพระ เทศนาว่า มนุษย์บางจำพวกหวงแหนร่างกายของตน ปรารถนาแต่จะบำรุงชีวิตร่างกายของตนให้เป็นสุขอย่างเดียว ไม่แลเหลียวความทุกข์ของผู้อื่นและสัตว์ทั้งหลายอื่นบ้าง จึงแสวงหาเลี้ยงชีวิตทางไม่ชอบธรรม ฆ่าสัตว์ทั้งหลายโดยไม่เลือกหน้าบ้าง ลักของเขาบ้าง ประพฤติผิดในกามบ้าง กล่าวมุสาวาทาบ้าง ดื่มกินซึ่งสุราเมรัยบ้าง พระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนให้มีศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ก็เห็นว่าเป็นของรักษายากจนวิสัย รักษาไม่ได้อันกระทำบาปต่างๆ ซึ่งเป็นของยากก็กลับเห็นเป็นของง่าย ข้อนี้อย่างไร การกระทำบาปทั้งปวง ซึ่งบุคคลบางจำพวกเข้าใจว่า กระทำได้โดยง่ายนั้น เป็นความเข้าใจผิด คือการฆ่ามนุษย์หรือฆ่าสัตว์แม้แต่ละตัวๆก็ต้องไปทนทุกข์อยู่อบายภูมิทั้ง 4 มีตกนรก เป็นต้น เสวยทุกข์เวทนาไม่น้อยเลย มิหนำซ้ำยังเป็นกรรมเป็นเวรติดตัวไปให้เขาฆ่าถึง 500 ชาติ การลักของเอามาเป็นของตนผิดกฎหมายแผ่นดิน ถ้าเจ้าพนักงานจับได้ก็ต้องติดคุกติดตาราง มิหนำซ้ำยังต้องตกลงสู่อบายภูมิทั้ง 4 ต่อไปอีก การประพฤติผิดในกาม และกล่าวมุสาวาทา ตลอดดื่มสุราเมลัย ก็ล้วนแต่เป็นโทษติดตามตน ทำให้ตกทุกข์ได้ยากทุกประการ ล้วนเป็นของยากทั้งนั้นและเข้าใจว่าเป็นของง่ายอย่างไร

ความจริงการทำบุญกุศล การรักษาศีล เจริญภาวนา เป็นของทำได้ง่ายกว่าทำบาปหลายพันเท่าพันทวี สบายทั้งเวลาทำ สบายทั้งเวลาได้รับผล ก็เป็นสุขสบายด้วย กล่าวคือ การรักษาศีล ไม่ต้องทำการบาปอกุศลทุกอย่าง ฆ่าสัตว์ไม่ต้องฆ่า ลักของไม่ลัก ประพฤติผิดในกามเราก็ไม่ต้องประพฤติ กล่าววาจามุสาวาทาเราก็ไม่กล่าว ดื่มกินซึ่งสุราเมรัยเราก็ไม่ดื่มกิน รักษากาย วาจา และจิตใจให้ตั้งอยู่ในความเป็นปกติปราศจากโทษน้อย โทษใหญ่ทั้งปวง กระทำกายบริสุทธิ์ วาจาบริสุทธิ์ น้ำใจบริสุทธิ์ เท่านี้เป็นศีลอยู่ดีๆแล้ว ไม่ต้องลำบาก ลำคราญ เดือนร้อนในอะไรสักอย่าง ของทำเอาง่ายๆจะเห็นเป็นของยากอย่างไร

ถึงกระนั้นยังไม่อยากทำบุญ ไม่อยากทำทาน ไม่อยากรักษาศีล ไม่อยากภาวนา ไม่อยากประพฤติปฏิบัติพระพุทธศาสนาสืบไป จีงกลายเป็นของยาก ถ้าหากสละชีวิตตั้งใจประพฤติปฏิบัติกันจริงๆแล้ว พระพุทธศาสนาก็ไม่เป็นของอยากลำบากอะไรเลย ทำได้จนเต็มความสามารถของตนเองทีเดียว

Share this:

  • Skype
  • Pocket
  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Reddit
  • Email
  • Print
  • Telegram
  • Tumblr
  • WhatsApp
  • Mastodon
  • More
  • Pinterest

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : กรรมคือการกระทำ โดย พระครูสิทธิธรรมมงคล

Posted on October 31, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/689060

ธรรมะวันอาทิตย์ : กรรมคือการกระทำ โดย พระครูสิทธิธรรมมงคล

ธรรมะวันอาทิตย์ : กรรมคือการกระทำ โดย พระครูสิทธิธรรมมงคล

วันอาทิตย์ ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2565, 19.30 น.

30 ตุลาคม 2565ได้มีโอกาสเดินทางตระเวนไปยังหมู่บ้านห่างไกล ซึ่งถนนหนทางในการสัญจรไปมาของชาวชนบท นับว่า สะดวกสบายมาก เพราะถนนแต่ละเส้นทางลาดยางสลับกับถนนคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดี จึงมีผู้คนเดินทางไปท่องเที่ยวทางศาสนา เส้นทางสายบุญ เพื่อ นมัสการพระพุทธรูปและฟังธรรมเทศนา จากเจ้าอาวาสในแต่ละวัด ให้เป็นสิริมงคล เป็นมงคลชีวิต ไม่ได้ขาด 

โดยเฉพาะวัดบ้านหนองไฮ ตำบลหนองไฮ อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ ถือว่าเป็นวัดขนาดเล็ก พื้นที่ 2 ไร่เศษ เป็นที่ตั้งกุฏิ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอระฆัง และมีพระสงฆ์อยู่จำนวน 6 รูป ไม่มีสารเณร และแม่ชี มรรคนายก 1 คน สังกัดมหานิกาย โดยมีพระครูสิทธิธรรมมงคล เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไฮ รูปปัจจุบัน 

พระครูสิทธิธรรมมงคล อายุ 78 ปี  เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไฮ กล่าวว่า อาตมา เป็นคนที่นี่(บ้านหนองไฮ) เมื่อเรียนสำเร็จชั้นประถมปีที่ 4 ภาคบังคับ ก็ไม่ได้เรียนต่อ เพราะฐานะยากจน ต้องช่วยพ่อ แม่ ทำนาเรื่อยมา กระทั่งเมื่อถึงอายุครบ 25 ปี อยู่ในวัยเบญจเพส ซึ่งผู้เฒ่า ผู้แก่ สมัยโบราณ บอกว่า เป็นวัยอันตราย วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งผู้เกิดอยู่ในช่วงอายุ 25 ปี ถ้ามี โชควาสนาบุญบารมีเกื้อหนุน การทำงาน หรือทำกิจการอะไร จะเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ตรงกันข้าม ถ้าโชคไม่ดี ดวงตก จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โยม พ่อ โยมแม่ จึงให้บวชพระ โดยตั้งใจว่า จะบวชเพียง 1 พรรษา ก็จะสึก แต่พอผ่านไป 1 พรรษา เพราะรู้ซึ้งในแก่นแท้ของชีวิต เข้าถึงพระธรรมวินัย เลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก จึงไม่ยอมสึก จวบจนถึงทุกวันนี้ ผ่านมาแล้ว 60 พรรษา ก็จะครองจีวร อยู่ใต้ร่มกาสาวะพัฒน์จวบจนชีวิตสิ้นนั่นแหละ 

พระครูสิทธิธรรมมงคล เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไฮ เล่าความหลังเมื่อครั้งเดินธุดงธ์ให้ฟังว่า หลังจากบวชแล้ว ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองไฮบ้านเกิด 1 พรรษา จากนั้นได้ออกเดินธุดงธ์แสวงหาความรู้ด้านพระธรรมวินัยเพิ่มเติม และเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยเดินธุดงธ์ไปตามตะเข็บชายแดน ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) พบกับพระสงฆ์ลาว ชื่อว่า พระอาจารย์ โฮม และชวนให้ข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาว โดยจำพรรษาอยู่ที่ ถ้ำหัวนาค ภูเขาควาย อยู่ 2 พรรษา ระหว่างนั้นก็ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้พระธรรมวินัยกับพระลาวไปด้วย ทำให้มีความรู้เพิ่มมากขึ้น จากนั้นจึงเดินทางกลับเข้าฝั่งไทยและเดินธุดงค์ต่อไปยังแถบชายแดนเขมร ด้าน จ.สุรินทร์,ศรีสะเกษและบุรีรัมย์

ต่อมา ได้เข้าไปจำพรรษาที่ถ้ำแกลบ ติดกับเทือกเขาพระวิหาร ระหว่างนั้นพบกับ พระเขมรอยู่ 2 รูป ซึ่งมีอายุ 90 และ 93 ปี ตามลำดับ ที่อาศัยอยู่ในถ้ำแกลบก่อนแล้ว ระหว่างที่จำพรรษาอยู่ถ้ำแกลบ ได้มีการศึกษาพระธรรมวินัยจากพระเขมรทั้ง 2 รูป จนออกพรรษา จากนั้น ได้เดินธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร สถานที่ต่างๆทั่วภาคอีสาน เทศนาสั่งสอนญาติโยมพุทธศาสนิกชนอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา

โดยยึดคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นหลัก โดยเฉพาะ การทำบุญทำทาน ให้เห็นใจสงสารผู้ตกทุกข์ ผู้มีความทุกข์ ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ไม่ว่า จะเป็นผู้ยากไร้ ผู้พิการ จะต้องให้การช่วยเหลือเขาเหล่านั้น ช่วยเหลือเท่าที่กำลังทรัพย์หรือแรงกายของเราพอมี โดยไม่เดือดร้อนตัวเอง  ทำทานแล้วเราสบายใจ ถึงจะไม่มาก แต่ขึ้นชื่อว่าทำทาน ก็จะได้บุญกุศลมหาศาล บุญกุศลที่เห็นทันที ทันตา ก็คือผู้รับทาน หรือ ผู้ที่เราช่วยเหลือ เขาพึงพอใจ เขาพ้นทุกข์ และเราสบายใจ นี่คือ บุญที่เห็นทันที ทันตา 

พระครูสิทธิธรรมมงคล หรือ หลวงปู่ธรรม เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไฮ กล่าวว่า ต่อมา ได้เดินธุดงค์มาตามเทือกเขาภูพาน เรื่อยมา จนถึงภูเกษตร บ้านหนองทับม้า ปัจจุบัน คือ อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ จึงพักปักกด จำพรรษาที่ถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อก่อนเป็นค่ายของผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์(ผกค.) โดยจำพรรษาอยู่ 1 พรรษา ต่อมา มีญาติโยมบ้านหนองไฮ ทราบข่าว นิมนต์ให้กลับไปจำพรรษาที่วัดบ้านหนองไฮบ้านเกิด ประกอบกับเจ้าอาวาสวัดไม่มี ก็เลยตอบตกลง จึงมาอยู่ที่วัดบ้านหนองไฮ จนถึงทุกวันนี้  

พระครูสิทธิธรรมมงคล หรือ หลวงปู่ธรรม เทศนาส่งท้ายว่า เรื่องกรรมคือการกระทำ ที่แบ่งแยกให้คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะถ้าเข้าใจผิดในเรื่องกรรม จะทำให้คนบางคนกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ จะมุ่งสร้างแต่ความชั่วอย่างเดียว เพราะเห็นว่า บางคนทำความดีแทบตาย ไม่เห็นความดีตอบสนอง แต่บางคนทำชั่วกลับได้ดี มีคนนับถือและร่ำรวยทันตาเห็น ส่วนคนทำความดี จะต้องรอให้รับผลชาติหน้า อย่างนี้เป็นต้น.012

Share this:

  • Skype
  • Pocket
  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Reddit
  • Email
  • Print
  • Telegram
  • Tumblr
  • WhatsApp
  • Mastodon
  • More
  • Pinterest

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : เวรระงับด้วย…การไม่จองเวร โดย พระณัฐพงษ์ โชติโก

Posted on October 2, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/683855

ธรรมะวันอาทิตย์ : เวรระงับด้วย...การไม่จองเวร โดย พระณัฐพงษ์ โชติโก

ธรรมะวันอาทิตย์ : เวรระงับด้วย…การไม่จองเวร โดย พระณัฐพงษ์ โชติโก

วันอาทิตย์ ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2565, 12.29 น.

2 ตุลาคม 2565 วัดสร้างถ่อใน มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาอยู่ 2 รูป บนเนื้อที่ 7 ไร่ ประกอบด้วย อุโบสถ ศาลาการเปรียญ และกุฏิสงฆ์ แม้ว่าจะ เป็นวัดขนาดเล็ก ทว่าทุกวัน จะพบเห็นพุทธศาสนิกชน ญาติโยม ใส่หน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า เดินทางเข้าไปทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล ทุกคน  และทำกิจกรรมทางศาสนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวันสำคัญทางศาสนา จะมีพุทธศาสนิกชนญาติโยมมากเป็นพิเศษ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด19 อย่างเคร่งครัด  

พระณัฐพงษ์ โชติโก อายุ 52 ปี เจ้าอาวาสวัดสร้างถ่อใน ต.สร้างถ่อน้อย อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่า ญาติโยม ผู้เฒ่า ผู้แก่ ในหมู่บ้านสร้างถ่อใน เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อน เมื่อครั้งหลวงปู่แหวน สุจินโน บวชเป็นสามเณร เคยเดินทางมาพร้อมเพื่อนสามเณรด้วยกัน จำพรรษาที่วัดสร้างถ่อใน เพื่อศึกษาวิชาความรู้ในหลักธรรมเพิ่มเติม ระหว่างจำพรรษา นางนาถ เป็นโยมอุปถาก สามเณรทั้ง 2 รูป จนออกพรรษา ต่อมา สามเณร(หลวงปู่แหวน) 2 รูป จะเดินทางต่อไปยังภาคเหนือ ก่อนไปไม่ได้เอา ใบลาน กระโถน และภาชนะใส่หมากเคี้ยว ไปด้วย

นางนาถจึงเก็บไว้ และมอบให้กับทางวัดสร้างถ่อใน ซึ่งใบลาน บทสวดมนต์ของหลวงปู่แหวน ก็เป็นไว้ที่ตู้พระไตรปิฎก บนศาลาการเปรียญวัด และกระโถนก็เก็บไว้ที่วัด ส่วนภาชนะใส่คำหมาก ไม่ทราบว่า อยู่ที่ไหน ซึ่งสามเณรทั้ง 2 รูป เดินทางไปเรื่อยๆจนถึง จ.เชียงใหม่

ต่อมา อายุครบ 20 ปี ก็บวชเป็นพระทั้ง 2 รูป จำวัดอยู่ที่ดอยแม่ปั๋ง ไม่นาน พระสงฆ์เพื่อนหลวงปู่แหวน ขอลาสิกขา สึกจากพระเป็นฆราวาส และแต่งงานมีครอบครัวไป ส่วน หลวงปู่แหวน ก็อยู่จำวัดดอยแม่ปั๋ง จนมรณภาพ จึงเป็นเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ครั้งหนึ่ง หลวงปู่แหวน สุจินโน เมื่อครั้งเป็นสามเณร เคยเดินทางมาจำพรรษาที่วัดสร้างถ่อในแห่งนี้มาก่อน 

พระณัฐพงษ์ โชติโก เจ้าอาวาสวัดสร้างถ่อใน กล่าวว่า วัดสร้างถ่อใน มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยอายุกว่า 100 ปี อยู่ 2 องค์ นามว่า พระอู่ทองและพระอู่ไท ว่ากันว่า ชาวเมืองสุโขทัย ซึ่งมีภรรยา เป็นคนบ้านสร้างถ่อใน ได้อันเชิญพระทั้ง 2 องค์ มาประดิษฐานที่นี่ ซึ่งก่อนนั้น คนเฒ่าคนแก่ฝันว่า พระพุทธรูป 2 องค์ ต้องอยู่คนละที่ ซึ่งพระอู่ไท ขออยู่บนศาลาการเปรียญวัด ส่วนพระอู่ทอง จะอยู่ข้างล่าง อย่างที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีโฮมอัดหนังสือเก่าแก่ ตั้งอยู่ใกล้ๆด้วย ทั้งนี้ พระอู่ทอง – พระอู่ไท ซึ่งเป็นพระคู่แฝด ประชาชนนับถือมาก หากอธิษฐาน ขออะไร จะได้ดั่งใจประสงค์ทุกประการ 

ที่ผ่านมา มีพุทธศาสนิกชน ญาติโยม เข้ามากราบขอพรจากพระทั้ง 2 องค์  เป็นประจำ ก่อนกลับ ก็จะแวะรดน้ำมนต์ ฟังธรรมเทศนา เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน ให้ดำเนินชีวิตประจำวัน ประสบความสำเร็จ อย่างมั่นคง ยั่งยืน  

พระณัฐพงษ์ โชติโก เจ้าอาวาสวัดสร้างถ่อใน เทศนา เรื่องเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ว่าในสมัยพุทธกาล ยังมีเศรษฐีสองสามีภรรยาครอบครัวหนึ่ง มีบุตรชายคนหนึ่ง เมื่อโตเป็นหนุ่มพร้อมจะมีครอบครัว เพื่อสืบสกุล เพื่อรักษาทรัพย์สมบัติ บิดาจึงได้หาหญิงสาวมาแต่งงานให้เป็นภรรยา ทั้งสามีภรรยาได้อยู่กินกันหลายปี ไม่มีบุตรสืบสกุลเลย จึงทำให้ครอบครัวเศรษฐีมีปัญหาร้อนใจ วันหนึ่ง จึงได้ปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งหมดได้ตกลงให้บุตรชายมีภรรยาน้อยได้ จึงได้หาหญิงสาวมาเป็นภรรยาคนที่สอง 

ส่วนภรรยาคนแรกก็บอกภรยาคนที่สองว่า ถ้าเธอตั้งท้องได้เมื่อใดก็ขอให้บอก จะได้ช่วยหาอาหารเสริมมาบำรุงครรภ์ให้ ภรรยาคนที่สองถือใจซื่อ พออยู่กินกันมาได้ 5 – 6 เดือน เธอก็ตั้งท้อง และได้บอกเรื่องนี้กับภรรยาคนที่หนึ่ง ภรรยาคนที่หนึ่งอิจฉา เพราะกลัวว่า ลูกภรรยาคนที่สองได้สืบมรดาต่อไป จึงได้เอายาใส่ในอาหารเพื่อให้เด็กแท้งออกมา ไม่นานเด็กแท้งออกมาจากครรภ์มารดา

ต่อมาตั้งครรภ์คนที่สองอีก เหตุการณ์เกิดขึ้นเหมือนเดิม คือถูกวางยาแท้งออกมาอีก เมื่อเธอตั้งครรภ์คนที่สาม ครั้งนี้เธอปิดปากเงียบ โดยไม่บอกภรรยาคนที่หนึ่ง ต่อมา ท้องโตขึ้น ภรรยาคนที่หนึ่งเมื่อเห็นท้องโตขึ้นเรื่อยๆ จึงคิดอุบายที่จะกำจัดทั้งแม่และลูกในท้อง จึงวางแผนใส่ยาพิษที่แรงมากลงไปในอาหาร ในที่สุดทั้งมารดาและลูกถูกยาพิษตาย ก่อนตายได้กล่าวอาฆาตว่า “ขอให้เกิดเป็นสัตว์ร้าย กินแม่และลูกแกทุกชาติไป”  

ภรรยาน้อยเมื่อตายเกิดเป็นแมว ภรรยาใหญ่เกิดเป็นแม่ไก่ เมื่อออกไข่มาครั้งใด แมวลักไข่กินทุกครั้ง นานเข้าตะครุบกินแม่ไก่ด้วย เมื่อทั้งสองตาย แมวเกิดเป็นกวาง (ภรรยาน้อย) ไก่เกิดเป็นเสือ (ภรรยาใหญ่) พอกวางออกลูกน้อยมา เสือตะครุบกินเป็นอาหาร นานเข้ากินแม่ ทั้งเสือและกวางตาย เสือเกิดเป็นกุลธิดาเศรษฐี ที่นามากมาย ส่วนกวางเกิดเป็นนางยักษิณี  เมื่อนางกุลธิดาคลอดลูกออกมา

ขณะอุ้มไปที่นา นางยักษิณีแปลงร่างเป็นมนุษย์ ขออุ้มลูกของนาง นางกุลธิดาตายใจปล่อยให้อุ้ม จากนั้นนางยักษิณีกัดกินเด็กเป็นอาหาร ต่อมา คลอดลูกคนที่สองก็เกิดเหตุการณ์เหมือนเดิม ลูกคนที่สองถูกนางยักษิณีกัดกินอีก ต่อมาเมื่อนางกุลธิดาท้องแก่ สามีพาไปคลอดที่บ้านแม่ของนาง พอแข็งแรงกลับมาอยู่บ้านย่า

ขณะสามีไปอาบน้ำ นางกุลธิดากำลังให้นมลูก ระหว่างนั้น นางยักษิณีถูกเวรมาตักน้ำให้ท้าวเวสสุวรรณ จึงพบนางกุลธิดาให้ลูกกินนมอยู่ ก็เลยทิ้งถังน้ำ วิ่งไล่นางกุลธิดา เธอจึงอุ้มลูกน้อยวิ่งเข้าไปในวัดเชตวันมหาวิหารอย่างไม่คิดชีวิต เข้าไปจนถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงกราบลงใกล้กับพระบาท พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทราบด้วยญาณ จึงมอบให้ พระอานนท์นำนางยักษิณี ที่ติดอยู่ประตูหน้าวัด และพาเข้าไปในวัด นางยักษ์นั่งอยู่ข้างนางกุลธิดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่า 

“อะโกธะทิมัง อะวะธิมัง อะธินิมัง อะหาสิเม เยจะตัง อุปะมัย หันติ เวระรัง เตสัง นะสัมมะติ“ ผู้ใดผูกโกรธไว้ว่า ผู้นั้นด่าเรา ผู้นั้นเฆี่ยนเรา ผู้นั้นชนะเรา ผู้นั้นลักทรัพย์ของเราไป มีการผูกเวรอยู่ย่อมไม่ระงับ เธอทั้งสองได้ผูกเวรกันมาหลายภพหลายชาติแล้ว ถ้าเธอทั้งสองไม่พบเราตถาคต เวรย่อมไม่ระงับอยู่สิ้นกาลนาน บัดนี้ เธอทั้งสองมาถึงเราตถาคต ขอพวกเธอทั้งสองจงระงับเวรเสีย 

จากนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ให้นางยักษิณีสมาทานศีลห้า แล้วให้นางกุลธิดาเอาเด็กให้นางยักษิณีอุ้ม เธอไม่สามารถกินเด็กต่อไปได้ เพราะศีลห้าควบคุมจิตใจให้ตั้งอยู่ในความเมตตา พระตถาคตได้ให้เธอทั้งสองไปประกอบสัมมาอาชีพตามเดิม 

นางกุลธิดาสงสารนางยักษิณี จึงขอรับเธอไปเลี้ยงที่บ้าน แม้จะหาที่อยู่ให้หลายแห่งเธอไม่อยู่ กลับไปอยู่ที่เถียงปลายนา และตั้งใจรักษาศีลห้า คือไม่ฆ่าสัตว์ ไม่พูดเท็จ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ดื่มสุราและไม่ทำผิดในกาม และนางยักษิณีหยั่งรู้ดินฟ้าได้ด้วย ถ้าปีไหนฝนจะมาก จะน้อย จะบอกให้นางกุลธิดาได้รู้ เพื่อจะได้ทำนาได้ข้าวอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านแถบนั้นจึงได้มาขอความเมตตาจากนางยักษิณี ให้ทำนายฟ้าฝนให้จนทำนาได้ผลอุดมสมบูรณ์ทั่วกัน

ชาวบ้านได้นำข้าวปลาอาหารมาตอบแทนบุญคุณนางยักษิณี ซึ่งเธอได้นำข้าวและอาหารไปทำบุญถวายพระสงฆ์ทุกวัน จนถึง 7 ปี เป็นข้าวสลากภัต (ชาวอีสานเรียกว่า ข้าวสาก จะมีการทำบุญข้าวสากในระหว่างเดือน 6 เดือน 7) เมื่อนางยักษิณีตายจากโลกนี้ ได้จุติเป็นนางเทพธิดาอยู่ชั้นดาวดึงส์ ด้วยอานิสงส์ผลบุญนั่นเอง.012

Share this:

  • Skype
  • Pocket
  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Reddit
  • Email
  • Print
  • Telegram
  • Tumblr
  • WhatsApp
  • Mastodon
  • More
  • Pinterest

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา โดย พระอธิการ รังสี ปมุติโต

Posted on September 25, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/682301

ธรรมะวันอาทิตย์ : เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา โดย พระอธิการ รังสี ปมุติโต

ธรรมะวันอาทิตย์ : เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา โดย พระอธิการ รังสี ปมุติโต

วันอาทิตย์ ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2565, 13.14 น.

25 กันยายน 2565 ธรรมะวันอาทิตย์ พาไปนมัสการพระเจ้าใหญ่ศรีสุทโธ ที่วัดบ้านดงสีโท ต.หนองมะแซว อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ถึงแม้จะเป็นวัดขนาดเล็ก ผู้คนไม่ค่อยรู้จักมากนัก ทว่ายังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ยึดเหนี่ยวทางใจ บรรดาญาติโยม พุทธศาสนิกชน เข้าไปกราบไหว้บูชา ขอพรพระเจ้าใหญ่ศรีสุทโธ เป็นประจำ เพื่อความเป็นสิริมงคลเป็นมงคลชีวิต แก่ตนเองและครอบครัว 

สำหรับ พระเจ้าใหญ่ศรีสุทโธ ตามตำนานเล่าว่า ชาวขอมและชาวข่า โบราณ มีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง มักจะอพยพย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย โดยใช้เส้นทางในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างในการเดินทางเป็นหลัก หากพื้นที่เหมาะสมใกล้แหล่งน้ำ จะทำที่พักพิงปลูกบ้านสร้างเมือง ชั่วคราว พร้อมกับ ปั้นพระพุทธรูป เพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ และเป็นกำลังใจในการเดินทางต่อไป 

พระอธิการรังสี ปมุติโต อายุ 57 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านดงสีโท บ้านดงสีโท ต.หนองมะแซว อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ เล่าประวัติ พระเจ้าใหญ่ศรีสุทโธ วัดบ้านดงสีโทให้ฟังว่า จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนบ้านดงสีโท ว่ากันว่านานมาแล้ว บริเวณที่ตั้งวัดบ้านดงสีโท เป็นเมืองเก่าของชาวขอม และคนข่าโบราณ ประมาณ 1,000 ปี ซึ่งรูปร่างชาวขอมสันทัด ส่วนคนข่า จะมีรูปร่างสูงใหญ่ 8 ศอก บางคนจะเรียกคน 8 ศอก มีถิ่นที่อยู่ไม่แน่นอน อพยพย้ายถิ่นฐานไปตามแหล่งน้ำ ในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง เช่น อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา ระหว่างที่พักอยู่พื้นที่ใด จะมีการปั้นพระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยึดเหนี่ยวทางใจ และเป็นกำลังใจในการเดินทางให้คลาดแคล้วปลอดภัยกับภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงที่อาจะเกิดขึ้นได้ 

กระทั่ง เดินมาถึงป่าดงสีโท ซึ่งปัจจุบันเป็นวัดบ้านดงสีโท ซึ่งเป็นเนินไม่สูงมากนัก เหมาะในการพักค้างแรมชั่วคราว จึงมีการก่อสร้างที่พักอาศัยและปั้นพระพุทธรูปนามว่า พระเจ้าใหญ่ศรีสุทโธเพื่อกราบไหว้บูชา และทำพิธีทางศาสนา ซึ่งชาวขอมพักอยู่ที่นี่ได้ไม่นานก็ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานไปที่อื่น จึงทำการยกเคลื่อนย้าย พระเจ้าใหญ่ศรีสุทโธ ไปด้วย แต่ว่ายกอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น พยายามยกขึ้นเสลี่ยงอยู่หลายวันก็ยกไม่ขึ้น ต่อมามีการเข้าทรง จึงทราบว่าพระเจ้าใหญ่ศรีสุทโธ ต้องการอยู่ที่นี่ จึงนำใบไม้มาปกปิดบังเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น หากเดินทางผ่านมาที่เก่าอีก ก็จะทำพิธีบูชาต่อได้

กระทั่งมีชาวบ้าน เข้ามาหาของป่า จึงพบเห็นพระพุทธรูป นามว่า พระเจ้าใหญ่ศรีสุทโธ ประดิษฐานอยู่กลางป่าดงสีโท จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ ระหว่างนั้น คนเฒ่า คนแก่ ในหมู่บ้าน ฝันว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่กลางป่าดงสีโท ท่านต้องการอยู่ที่นี่อย่าเคลื่อนย้ายไปไหน เพื่อคุ้มครองรักษาชาวบ้านดงสีโท ให้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งตรงกับ ที่พบพระพุทธรูปในป่าดงสีโท จึงมีการประชุมคนในหมู่บ้าน ตกลงให้บริจาคทุนทรัพย์คนละเล็กคนละน้อย ก่อสร้างเป็นที่ครอบองค์พระเจ้าใหญ่ศรีสุทโธ ให้แข็งแรง สามารถบังแดดบังฝนได้ เรียกว่า วิหาร อย่างที่เห็นในปัจจุบัน จากอดีตถึงปัจจุบัน ด้วยแรงศรัทธามีผู้คนเดินทางเข้ามาอธิฐานขอให้ท่านช่วยเหลือ ในด้านต่างๆหลากหลาย และสมหวังทุกราย ซึ่งจะมีมหรสพแก้บนแทบจะทุกคืน   

พระอธิการรังสี ปมุติโต เจ้าอาวาสวัดบ้านดงสีโท ต.หนองมะแซว อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่า วัดบ้านดงสีโท ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนบ้านดงสีโท อยู่กลางหมู่บ้านดงสีโท เป็นวัดขนาดเล็ก เพราะมีพระสงฆ์ 3 รูป มรรคนายก 1 คน สังกัด มหานิกาย บนเนื้อที่ 7 ไร่ เป็นที่ตั้งของ กุฏิ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ เมรุ ฯลฯ 

นอกจากนี้ ในปี พ.ศ.2559 ได้มีการก่อสร้างพระพุทธรูปแบบปางมารวิชัย นามว่า พระโตโคตมะ เพื่อเป็นศูนย์รวมใจและประกอบพิธีทางศาสนาของพุทธศาสนิกชนชาวบ้านดงสีโทและใกล้เคียง โดยเฉพาะบริเวณใต้ฐานองค์พระโตโคตมะ ทำเป็นห้องสมุด บรรจุพระไตรปิฎก และหนังสืออื่นๆ เพื่อให้เป็นคลังปัญญาเด็กและเยาวชน คนในหมู่บ้าน ได้ศึกษาเรียนรู้ ค้นคว้าเรื่อง พุทธศาสนา และอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น 

พระอธิการ รังสี ปมุติโต เจ้าอาวาสวัดบ้านดงสีโท ต.หนองมะแซว อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ เทศนา เรื่อง กิเลส ตอนหนึ่งว่า มนุษย์บางจำพวกติดข้องอยู่ในมัจฉริยะ ความตระหนี่หวงแหนเหนียวแน่นยิ่งนัก พอกพูนในสันดาน ผูกพันธนาการจำจองอยู่ในวัฏสงสาร ตั้งหมื่นชาติแสนชาติ อนันตชาติ หรือทั้งกัป ก็ไม่พ้นจากทุกข์ได้เสียที เพราะความตระหนี่หวงแหนเป็นกิเลส เกิดขึ้นจากจิต กระทำให้จิตบังเกิดเป็นคนเหนียวแน่นหวงแหนสิ่งสรพัดทั้งปวงในโลกนี้ทั้งสิ้น

เบื้องต้นก็หวงแต่ชีวิตของตนผู้เดียว ต่อมา เมื่อมีภริยา น้ำใจก็กระพือตัวกว้างขวางออกไปหวงแหนเอาซึ่งภริยาอีก ครั้นเมื่อมีบุตราบุตรี กล่าวคือมีลูกมีหลาน ก็กระพือตัวให้ใหญ่มากขึ้น หวงแหนไว้ซึ่งลูกหลานของตน ครั้นมีบ้าน มีเรือน มีไร่ มีนา มีทรัพย์ มีสมบัติข้าวของเงินทอง ช้าง ม้า วัว ควาย สัตว์เลี้ยงทั้งหลายมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งกระพือใจให้ใหญ่โตออกไปเท่านั้น  หุ้มห่อเอาบ้าน เอเรือน เอาไร่ เอานา เอาข้าว เอาของ เงินทอง และสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย

ด้วยความเข้าใจว่า เป็นของตนจริงๆ และเป็นตัว เป็นเรา เป็นเขา ตามสมบัติของโลกเรียกกันก็เป็นจริงอย่างนั้น แต่ไม่รู้เท่าสมบัติแล้ว ก็ชื่อว่า หลงสมบัติ จึงจำเป็นต้องถือตนถือตัว ถือเรา ถือเขา ถือดี ถือชั่ว ถือถูก ถือลูก ถือหลาน ถือทรัพย์ ถือสมบัติ “ มยุหํ ๆๆ” แปลว่า ของกู ๆๆ ลูกกู หลานกู บ้านกู เรือนกู ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองของกู เรือกสวน ไร่นา สัตว์เลี้ยงต่างๆเป็นของกู กูสร้างขึ้นไว้ กูทำหลักฐานเอาไว้ จะให้เจริญรุ่งเรืองอยู่ ในโลกไปชั่วกัลปาวสาน มีลูกมีหลานกูจะให้สืบแทนตระกูลของกู กูไม่ให้เสื่อมสูญอันตรธานไปได้เลย 

เมื่อบุคคลเป็นผู้ลุมัจฉริยะฝังอยู่ในสันดานจนเป็นเจ้าบ้านเจ้าเรือนดังนี้ อญาณวฑฺติโก ย่อมเป็นผู้ปราศจากปัญญาณ ไม่สามารถจะส่องให้เห็นทางนรก ทางสวรรค์ ทางนิพพาน จึงไม่ต้องการบำเพ็ญทานกุศลในพระพุทธศาสนาต่อไป แม้ใครจะมาชักชวน หรือลูกเต้า หลาน เหลน นำเอาทรัพย์สมบัติออกไปทำบุญทำทานไม่ได้เป็นอันขาด ตลอดจนมีนักปราชญ์อาจารย์ผู้ฉลาดมาเทศนาให้รู้จักทางนรก ทางสวรรค์ ทางนิพพาน ชี้แจงให้เอาตนพ้นจากวัฏสงสารก็ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส และไม่ต้องการทั้งนั้น และกลับบังเกิดความผิดอกผิดใจเสียด้วย 

และพระอธิการรังสี ปมุติโต เทศนาตอนสุดท้ายว่า ให้กำลังใจ ญาติโยม ที่ประสบความทุกข์ยากหลายเรื่อง ว่า ให้ยึดมั่นถือมั่นตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก เกี่ยวกับ ศีล ภาวนา สมาธิ และให้ทุกคนมีสติ ให้คิดว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนต้องประสบ หนีไม่พ้น  ที่สำคัญต้องมีสติ มีกำลังใจ  จะผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้ด้วยดี.012

Share this:

  • Skype
  • Pocket
  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Reddit
  • Email
  • Print
  • Telegram
  • Tumblr
  • WhatsApp
  • Mastodon
  • More
  • Pinterest

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : การรักษาศีลคือ..การรักษาใจ โดย’พระครูวรรณ คุณาภรณ์’

Posted on September 18, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/680824

ธรรมะวันอาทิตย์ :  การรักษาศีลคือ..การรักษาใจ โดย'พระครูวรรณ คุณาภรณ์'

ธรรมะวันอาทิตย์ : การรักษาศีลคือ..การรักษาใจ โดย’พระครูวรรณ คุณาภรณ์’

วันอาทิตย์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2565, 13.01 น.

18 กันยายน 2565 ธรรมะวันอาทิตย์ พาญาติโยม พุทธศาสนิกชน ไปที่วัดดอนขวัญ ต.พนา อ.พนา จ.อำนาจเจริญ โดยมี พระครูวรรณ คุณาภรณ์ ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดอนขวัญและเจ้าคณะตำบลพนา เพื่อทำบุญสร้างกุศล ฟังพระธรรมเทศนา อันนำไปสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน สะดวกราบรื่น อยู่เย็นเป็นสุข ร่ำรวย เจริญรุ่งเรืองนั่นเอง

สำหรับวัดดอนขวัญ มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาอยู่ 15 รูป สามเณร 8 รูป ไวยาวัชกรวัด 2 คน สังกัด มหานิกาย บนเนื้อที่ 12 ไร่ 2 งาน ประกอบด้วย อุโบสถ กุฏิ ศาลาการเปรียญ พระพุทธรูปนามว่า พระพุทธรัตนวิสุทโคดม โดยเฉพาะ พระพุทธรัตนมหาเจดีย์ศรีอำนาจเจริญ ลักษณะคล้ายพระธาตุพนม จ.นครพนม ทั้งนี้ พระพุทธรัตนมหาเจดีย์ศรีอำนาจเจริญ ยอดฉัตร บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า เพื่อให้ ญาติโยม พุทธศาสนิกชน กราบไหว้บูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นมงคลชีวิตสูงสุด 

ก่อนเดินทางกลับควรแวะฟังธรรมเทศนา กับพระครูวรรณ คุณาภรณ์ ท่านเทศนาให้ข้อคิดแนวทางในการต่อสู้ชีวิต เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจดี ว่า การที่คนเราจะเกิดมาได้นั้น จะต้องเวียนว่ายต่อสู้กับผลกรรมและหลายจิตหลายวิญญาณ ก่อนจะอยู่ในครรภ์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะถือกำเนิดเกิดเป็นคน และวัฒนธรรมอันดีงาม ที่มีมาต่อพ่อแม่ แต่ปัจจุบันเริ่มจางหายไป ขาดความเคารพ ยำเกรงต่อบาปกรรม ไม่มีหิริโอตัปปะ คือ ความเกรงกลัวต่อบาป ทำให้คนหลงทาง เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ทำให้คนเปลี่ยนไป จากเป็นคนก็กลายเป็นสัตว์ ซึ่งอวัยวะทุกส่วนเป็นคนหมด

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ไม่เป็นคน คือใจ เพราะขาดศีลธรรม ขาดความเกรงกลัว ขาดปัญญา เช่น ตัวเป็นคน ใจเป็นสัตว์ ใจเป็นคนใจเป็นอสูรกาย ถ้าตัวเป็นคนใจเป็นเปรต ไม่รู้จักบุญคุณพ่อแม่ ถ้าใจดี เป็นคนสมบูรณ์ เริ่มคิดว่า วันแม่จะเอาอะไรไปฝากแม่ อยากให้อะไรแม่ พาแม่ไปกินข้าว นี่คือ คนที่มีปัญญา ใจเป็นคน จิตเป็นคน หาแต่เรื่องดีๆมาทำ คือ ใจเป็นคน กายเป็นคน คิดหาสิ่งดีมาทำ โดยเฉพาะวันแม่ ให้ถือดอกไม้ ไปหา แม่ กราบไหว้พ่อแม่ สำนึกถึงพระคุณพ่อแม่ ซึ่งก่อนจะมีอาชีพติดตัว อาชีพเลี้ยงตัวเองทุกวันนี้ เพราะมือของพ่อแม่ ก็ขอขมาลาโทษ ถือขันดอกไม้กราบพ่อแม่ ด้วยความจริงใจ นั่นคือ ลูกกตัญญูที่แท้จริง 

พระครูวรรณ คุณาภรณ์ เทศนาต่อไปว่า ถ้าไม่รู้จักบุญคุณพ่อแม่ เป็นลูกอกตัญญู จะไม่มีความก้าวหน้า เจริญรุ่งเรือง ซึ่งพ่อแม่ กว่าจะส่งเรียนจบมีความรู้ ท่านลำบากมาก เห็นความลำบากของพ่อแม่จึงจะเจริญได้ ที่สำคัญ อย่าทำให้พ่อแม่เสียใจ เพราะเรานี่เรียกว่า คน ถ้าคนใครก็ตาม ทำให้พ่อแม่เสียใจ เป็นทุกข์ คนๆนั้น แม้ร่างกายจะเป็นคน ก็ถือว่า เป็นสัตว์เดรัจฉาน เพราะ ไม่รู้บุญคุณพ่อแม่ 

และยังเทศนาเกี่ยวกับคุณสมบัติของชาวพุทธว่า ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ เราควรจะปฏิบัติตนในเบื้องต้นอย่างไร เมื่อเรามาปฏิญาณตนถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่ง แล้วเราควรปฏิบัติอย่างไรให้สมกับเป็นพุทธบริษัท ไม่ใช่ว่า เป็นแล้วยังเป็นคนที่ทำตัวเหมือนเดิม เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ก็ทำเหมือนเดิม การเป็นพุทธบริษัทก็ไม่มีความหมาย เพราะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร พระผู้มีพระภาคเจ้าของชาวเราทั้งหลายนั้น พระองค์เป็นนักปฏิรูปคำสอนทางศาสนา คือทรงเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ไม่เหมาะสม และไม่ควรให้เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่ควรขึ้น ที่เป็นเรื่องงมงายไร้สาระ ก็เปลี่ยนเป็นเรื่องที่มีสาระเป็นแก่นสารขึ้น

เรื่องที่เคยถ่วงให้ไม่ก้าวหน้าในทางปฏิบัติ เพื่อความงดงามแห่งจิตใจ ให้สะอาด สว่าง สงบ พระองค์ได้แก้ไขสิ่งเหล่านี้ การแก้ไขสิ่งต่างๆ อันเป็นข้อปฏิบัตินั้นทรงกระทำโดยความเป็นธรรม ไม่ได้เข้าใครออกใคร ไม่ทรงเกรงกลัวผู้นั้น มีอยู่ในที่นี่ที่นั่น เช่น พวกพราหมณ์ทั้งหลาย ที่มีความรู้ ความฉลาด เป็นครู เป็นอาจารย์ในท้องถิ่นนั้น ในสมัยนั้นพระองค์ทรงถือธรรม เอาธรรมเป็นหลัก เป็นแนวทาง ต้องการปรับปรุงให้เข้าหาหลักธรรม ที่ถูกต้องตามความเป็นจริง ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นพุทธบริษัท เราต้องเลิกจากสิ่งที่ควรเลิก ถ้าจะเดินตามรอยของพระพุทธเจ้าได้ต้องถือหลักดังนี้ 

ต้องให้มีศรัทธามั่นในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแท้จริง ไม่เอาใจออกห่างไปหาสิ่งอื่นเป็นสรณะเป็นที่พึ่ง แม้จะมีความทุกข์ก็ต้องนึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งเท่านั้น 

ผู้เป็นพุทธบริษัท จะต้องเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ที่ใจของผู้ปฏิบัติธรรม ตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าชี้แนวทางให้เราเดิน คือ เริ่มต้นด้วยการรักษาศีล การเจริญสมาธิ ที่เราเรียก ภาวนา ต่อไปก็จะเกิดปัญญาด้วยด้วยการค้นคิดให้รู้แจ้งชัดในเรื่องนั้น 

การรักษาศีล เรารักษาศีลเพื่ออะไร รักษาทำไม วัดพระก็ไปรักษาศีลที่วัด หรือเวลามีงานอะไรที่เป็นพิธี เรามักจะมีการรับศีลแต่สังเกตดูทั่วๆไปแล้ว ดูเหมือนว่า รับศีลพอเป็นพิธีเท่านั้น พอเสร็จพิธีกลายเป็นคนไม่มีศีล ไปนั่งล้อมวงดื่มสุรากันต่อไป หารู้ไม่ว่า เรารับศีลเพื่ออะไร รับทำไม เวลามีงานศพ ก็นิมนต์พระไปสวดอภิธรรม แล้วก็มานั่งรับศีลกัน รับเสร็จแล้วก็มานั่งดื่มเหล้ากัน เป็นเสียอย่างนี้ การทำเช่นนี้แสดงว่า ไม่เข้าใจความมุ่งหมายว่าเรารับศีลเพื่ออะไร หรือบางทีอาจไม่ต้องรับจริงจัง ทำไปพอเป็นพิธีว่าพระให้ศีล 

ขอให้เข้าใจเสียว่า เรารับศีลนั้น คือการรับแบบฝึกหัดเพื่อจะเอามาใช้เป็นหลักปฏิบัติ ขัดเกลาใจของเราให้สะอาดขึ้น ถ้ารับแล้วไม่ปฏิบัติก็ไม่ใช่การรับศีล เพราะการรับศีล การให้สัญญากับพระสงฆ์ ผู้ให้ศีลว่า เราจะงดเว้นอย่านั่น อย่างนี้ ถ้ารักษาไม่ได้ แสดงว่า ราผิดสัญญา จิตโลเลไม่มีความหนักแน่น 

การรักษาศีลนั้น เราต้องรับเอาข้อปฏิบัตินั้นมาไว้ที่ใจ การรักษาศีลนั้นคือการรักษาใจ ในคำบาลีท่านบอกว่า เจตะนาหัง ภิกขะเว สีวัง วันทามิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวคำตั้งใจว่าเป็นศีล ตราบใดเรายังตั้งใจรักษาอยู่ ก็เรียกว่า เรายังมีศีลอยู่ตลอดไป ถ้าเราไม่ตั้งใจรักษา มันก็ขาดไปเอง.012

Share this:

  • Skype
  • Pocket
  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Reddit
  • Email
  • Print
  • Telegram
  • Tumblr
  • WhatsApp
  • Mastodon
  • More
  • Pinterest

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : อริยทรัพย์ดี พาพ้นทุกข์ พระธรรมเทศนา’หลวงปู่แสง จันดะโชโต’

Posted on September 11, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/679256

ธรรมะวันอาทิตย์ :  อริยทรัพย์ดี พาพ้นทุกข์ พระธรรมเทศนา'หลวงปู่แสง จันดะโชโต'

ธรรมะวันอาทิตย์ : อริยทรัพย์ดี พาพ้นทุกข์ พระธรรมเทศนา’หลวงปู่แสง จันดะโชโต’

วันอาทิตย์ ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2565, 11.52 น.

11 กันยายน 2565  ธรรมะวันอาทิตย์ ขอนำเอาพระธรรมเทศนาของ หลวงปู่แสง จันดะโชโต เมื่อครั้ง เทศนา อบรมพระและฆราวาส ในวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ที่วัดป่าอิสิปตนมฤคทายวัน(วัดป่าอรัญญาวิเวก) บ้านไก่คำ ต.ไก่คำ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ จากหนังสือแสงธรรมส่องใจ เรื่องธรรมนำพ้นทุกข์ เพื่อให้ญาติโยม พุทธศาสนิกชน นำไปปฏิบัติ เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต มีความสุข เจริญรุ่งเรืองต่อไป 

หลวงปู่แสง จันดะโชโต เทศนาตอนหนึ่งว่า บางครั้งก็รื่นเริงกับโภคทรัพย์ บางทีก็โมหะ สมาธินิดหน่อย ไม่รู้จะเอาอะไร มันหลายสิ่ง หลายอย่างเกินไป โภคทรัพย์ก็เป็นของดีอยู่ อริยทรัพย์ก็เป็นของดีอยู่ แต่ดีต่างกัน อริยทรัพย์ดีจะพาพ้นทุกข์ พ้นอยากไม่มา เกิด แก่ เจ็บ ตาย ในวัฎฏะสงสารต่อไป เป็นงานที่สิ้นสุดงานที่แล้ว ไม่ยุ่งเหยิง ไม่มาเข้าท้องเข้าไส้ของใคร ไปเอือบนำพริก น้ำเกลืออยู่ในท้อง กว่าจะคลอดออกมา แสนทุกข์ทรมานจริงๆใครๆก็ออกจากท้องแม่ กว่าจะคลอดออกมาได้ ทั้งเลือดทั้งยางอะไร เหม็นสาบ เหม็นโขง เหม็นกุย ทางข้างบนฟากพรหมโลก ทางข้างล่างฟากอเวจีมหานรกโน่น มันหอมเกินไปนะ ก้อนเรานั่งอยู่นี่ ก้อนของธาตุขันธ์ บิดา มารดา ผสมกัน ไม่ใช่ของเรา มีแต่นามธรรม จิตใจมาเทียว เกิดเทียวตาย มีแต่เข้าปฏิสนธิ ถ้ามีกิเลส เข้าปฏิสนธิในภพนั้นภพนี้ต่อไป 

ถ้ามันหมดกิเลสแล้วก็ไม่ได้เข้าอีก ล่ำลาพาจาก ปลอดเกษียณไปเลย ไม่ต้องมาเกี่ยวข้อง ถ้ามีอาสวะอยู่ มีกิเลสพัวพันอยู่ในหัวใจ ไปเข้าท้องคนโน่นคนนี้ บางทีทำความชั่วช้าลามก ไปเข้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน เข้าเป็นเปรต  เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน นรกโน้นละมันไกล ทางต่ำ ทางสูง ก็มาเป็นมนุษย์ ออกจากมนุษย์มาเป็นเทวบุตรบ้าง ผู้ชายก็เป็นเทวบุตร ผู้หญิงเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหมไป ฟากอินทร์ ฟากพรหม จะไปไหนก็ไปเถอะ หมดทางจะไปมันหมดละ ทำให้มันจบก็ได้ถ้าต้องการไม่เกิดก็ให้มันหมด มันสิ้นไป จะไปเรียนต่อปริญญาตรี โท เอกอีกต่อไป มันเอกอยู่พอแรงแล้ว ถ้าจิตเป็นหนึ่ง มันก็เป็นเอกอยู่แล้ว ถ้าจิตไม่เป็นหนึ่ง มันว่าเอกอยู่วันยังค่ำ คืนยันรุ่งมันก็ไม่เป็น ถ้าจิตเป็นหนึ่งมันไม่วุ่นวาย เอกแปลว่า หนึ่ง ถ้าจิตหลายความคิด ความปรุง ความแตกทุกสิ่งทุกอย่างมันสับสนวุ่นวาย มันไม่เป็นหนึ่ง เราพามันภาวะนามันก็ไม่ภาวนา มีแต่เอาความปรุง ความแต่งมานึก มาคิด มาสับสนปนเปกัน  

ผลสุดท้ายเลยไม่รู้รสรู้ชาติอะไร รสชาติของธรรมชนะรสชาติทั้งปวง “ สัมโมหะเวรักขะติ ธัมมะจาริง สุขังเสติ” ถ้าได้ดื่มรสชาติของธรรม เป็นของล้ำเลิศที่สุด ดื่มน้อยก็มีความสุขน้อย ดื่มมากก็มีความสุขมาก ให้ธรรมไหลเข้าในดวงจิตดวงใจ สะสาง ล้าง ขัดสี เจียรนัยให้เกลี้ยงเกลาเหลาแหลม เอาสติขัด ไม่ใช่เอาหิน เอายากันบูดกันเน่าอะไร อายาขัดยาสีอะไรหรอก เอาสติเอาปัญญาขัดหัวใจเจ้าของ ปัญญาก็อยู่ที่หัวใจ สติก็อยู่ที่หัวใจ ศรัทธาก็อยู่ที่หัวใจ สติ สมาธิ ปัญญา ก็อยู่ที่หัวใจ ถ้าไล่กิเลสออก ถ้าไม่ไล่กิเลสออก มีแต่กิเลสเต็มหัวใจ กิเลสกับธรรมจะเอาอะไรละ 

พระพุทธเจ้าสอนให้พ้นทุกข์ พ้นยากในวัฏสงสาร ใครเอาไปได้ก็เอาไป ใครเอาไปไม่ได้ก็ปล่อยวาง ตามยถากรรม กรรมมุนียา ยะถาโลเก สัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรม กรรมดี กรรมชั่ว ใครทำอย่างไรก็รับไปอย่างนั้นแหละ มันแบ่งกันไม่ได้ แบ่งกันได้แต่ของภายนอก ข้าวของ เงินทอง ไร่นาสาโท ปันกันได้อยู่ พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้องค์เดียวเท่านั้นแหละ ตรัสให้หมดเลย ความเมตตาของพระพุทธเจ้า หาประมาณมิได้ มากกว่าพื้นปัฏพี มากกว่าดินฟ้าอากาศโน่น ภูเขาเลากออะไรมากกว่ากันหลายเท่า ถ้าทำให้กันได้พระพุทธเจ้าทำให้แล้ว ไม่ต้องมาทำให้ยุ่งยากอะไรหรอก ไม่ต้องมานั่งปวดแข้งปวดขา ปวดหู ปวดตา ปวดตีน ปวดมือ อดหลับอดนอนอะไรหรอก นี่ของใครของมัน ใครกินใครก็อิ่ม ใครเห็น ใครก็รู้ ใครไม่เห็นก็เชื่อตามเขา เขาว่าผิดก็ผิดตามเขาเรื่อยไป คนไม่เชื่อตน มันเป็นอย่างนั้น ถ้าคนเชื่อตนเห็นด้วยตนเอง ปัจจัตตัง รู้เอง เห็นเอง ไม่ต้องไปเชื่ออะไรอีกต่อไปมันหมด ถ้าเป็นนักปราชญ์บัณฑิต พูดขึ้นมามันถูกอยู่แล้ว 

ถ้าเราทำให้มันก็ถูกอยู่แล้ว จะไปศึกษาอะไรอีกต่อไป มันไม่ใช่อยู่อื่นอยู่ไกล พูดของที่มีอยู่ วาจาก็มีอยู่ ใจก็มีอยู่ เอานี้ประกอบความพากความเพียรให้มันเกิดมันมี สิ่งไม่มีให้มันเกิด สิ่งมีแล้วให้มันเจริญ ให้สมความมุ่งมาตปราถนา อยากพ้นทุกข์พ้นภัย ไม่ต้อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกต่อไป สร้างไปเถอะ ไม่ขาดทุนดอกหลอก พระพุทธเจ้าไม่เคยโกหกพกลม เหมือนชาวโลก ชาวโลกมีแต่โกหกกัน บางคนก็ไม่โกหก แต่มันน้อยคน ที่สุดหาเป็นยาหยอดตาทั้งยาก ไม่โกหกมากก็โกหกน้อย คนอีสานโกหก แปลว่า “ ตั๋ว” ไทยเขาว่า โกหกพกลมต้มตุ๋นกัน ผลสุดท้าย ตั๋วต้มตัวก็มี หลวงปู่แสง จันดะโชโต เทศนา เมื่อวันที่ 19 พ.ย.54  

ปัจจุบัน หลวงปู่แสง จันดะโชโต อายุ 105 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าดงสว่างธรรม ต.โคกนาโก อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ทุกวัน จะมีญาติโยม พุทธศาสนิกชน เดินทางเข้าไปกราบไหว้ เป็นจำนวนมาก อย่างต่อเนื่อง 

เพื่อระลึกถึง พ่อ แม่ ครูอาจารย์ ซึ่งเป็นพระอริยะสงฆ์ภาคอีสาน ที่พุทธศาสนิกชนเลื่อมใสศรัทธา ในหลักคำสอนและวัตรปฏิบัติของหลวงปู่แสง จินดะโชโต รวมถึง คงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา ศูนย์รวมใจพุทธศาสนิกชน  และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดอำนาจเจริญอีกด้วย 

วัดทิพยาราม (ธ) ตั้งอยู่บ้านคำน้อย ต.โนนหนามแท่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ โดยเจ้าอธิการ อนุพงษ์ อัตถกโก เจ้าอาวาสวัดทิพยาราม และ ศิษยานุศิษย์ หลวงปู่ชาวอำนาจเจริญ ร่วมกัน ก่อสร้างรูปเหมือนองค์หลวงปู่แสง จินดะโชโต ขนาดหน้าตักกว้าง 19 เมตร สูง 29.9 เมตร ที่วัดทิพยาราม โดยได้รับอนุญาตจากหลวงปู่แสง จินดะโชโต แล้ว จึงได้กำหนดพิธีวางศิลากฤษ์ เททอง  หล่อรูปเหมือนหลวงปู่แสง จันดะโชโต ในวันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ.2565 ที่วัดทิพยาราม บ้านคำน้อย ต.โนนหนามแท่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ซึ่ง ในวันดังกล่าว หลวงปู่แสง จันดะโชโต จะเดินทางมาทำพิธีฯด้วยตนเอง 

สำหรับงบประมาณในการก่อสร้าง งบประมาณตั้งต้นไว้ที่ 30 ล้านบาท ประมาณการก่อสร้างทั้งหมดอยู่ที่ 100 ล้านบาท  จึงขอบอกบุญพุทธศาสนิกชนทั่วไป ร่วมทำบุญหล่อรูปเหมือนหลวงปู่แสง จันดะโชโต เพื่อระลึกถึง พ่อ แม่ ครูอาจารย์ พระอริยะสงฆ์ ซึ่งปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบร่วมกัน 

โดยสมทบทุนก่อสร้างฯได้ที่ วัดทิพยาราม บ้านคำน้อย ต.โนนหนามแท่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชา 9821504019  หรือ ติดต่อสอบถามได้ที่ เจ้าอธิการ อนุพงษ์ อัตถะกะโร เจ้าอาวาสวัดทิพยาราม(ธ) โทร. 08 -3731 – 1970 ทุกวัน.-012

Share this:

  • Skype
  • Pocket
  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Reddit
  • Email
  • Print
  • Telegram
  • Tumblr
  • WhatsApp
  • Mastodon
  • More
  • Pinterest

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : ทำบุญสร้างกุศล เหตุทุเลาเบาลง…โดยพระครู โพธิ์ชัย สาระวิมล

Posted on September 5, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/677744

ธรรมะวันอาทิตย์ :  ทำบุญสร้างกุศล เหตุทุเลาเบาลง...โดยพระครู โพธิ์ชัย สาระวิมล

ธรรมะวันอาทิตย์ : ทำบุญสร้างกุศล เหตุทุเลาเบาลง…โดยพระครู โพธิ์ชัย สาระวิมล

วันอาทิตย์ ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2565, 13.29 น.

4 กันยายน 2565 วัดศรีโพธิ์ชัย ต.ปลาค้าว อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ห่างจากตัวเมืองอำนาจเจริญ ประมาณ 20 กิโลเมตร ด้านทิศตะวันตก เป็นวัดสังกัดมหานิกาย โดยมี พระครูโพธิ์ชัย สาระวิมล เจ้าอาวาสวัดศรีโพธิ์ชัยและเจ้าคณะตำบลปลาค้าว ปกครองพระสงฆ์ จำนวน 6 รูป สามเณรและแม่ชีไม่มี บนเนื้อที่ 16 ไร่ เป็นที่ตั้งของศาลาการเปรียญ อุโบสถ และโรงเรียนพระปริยัติธรรม ที่ผ่านมาเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านธรรมแก่พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นวัดต้นแบบแห่งความสำเร็จ สู่รับรางวัลเสาเสมาธรรมจักร ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพุทธศาสนา จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เมือปี 2553 

สำหรับวัดศรีโพธิ์ชัย เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ทุกวันจึงมีพุทธศาสนิกชนญาติโยม เดินทางเข้ามาวัด เพื่อฟังธรรม ทำบุญ ทำทานและนมัสการพระเจ้าใหญ่โพธิ์ชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปแบบปูนปั้นฉาบสีทอง ลักษณะปางมารวิชัย สูง 1.50 เมตร หน้าตักกว้าง 1.20 เมตร ประดิษฐานภายในวิหารญวน ช่างญวนเป็นผู้สร้างทั้งพระพุทธรูปและวิหาร เมื่อปี พ.ศ.2430 อายุ 135 ปี ซึ่งก่อนนั้นเป็นวิหารไม้ และไม้ผุพัง ก็เลยทำการบูรณะขึ้นใหม่ กลายมาเป็นวิหารปูนซีเมนต์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งภายในวิหาร เป็นที่เก็บสิ่งของโบราณ เช่น เสลี่ยงช้าง ใบลานเทศนาเป็นภาษาขอมและไหโบราณ ฯลฯ 

นอกจากนี้ ภายในหอระฆัง ทำเป็นที่เก็บกองเพล ซึ่งสมัยก่อนศิษย์วัดจะตีกองเพล บอกเวลา ให้ญาติโยม นำอาหาร คาวหวาน มาถวายเพล พระภิกษุ –สามเณร และมีกระติ๊บข้าวเหนียวโบราณเก่าแก่อายุ 100 ปี โดยเฉพาะด้านหน้าอุโบสถ จะเป็นที่ตั้งของป้ายประกาศโบราณ อายุกว่า 100 ปี เช่นกัน โดยครอบด้วยเพิงสังกะสี เพื่อบังแดดและกันฝน ซึ่งป้ายประกาศอันนี้ มีลักษณะแบบปูนซีเมนต์ ขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 4 เมตร สำหรับเขียนประกาศกฎระเบียบต่างๆ ของหมู่บ้าน เพื่อให้ชาวบ้านได้รู้และปฏิบัติตาม 

ส่วนโรงเรียนพระปริยัติธรรมเริ่มแรกเปิดเรียนเปิดสอนพระสงฆ์และสามเณรเมื่อปี พ.ศ.2488 จนกระทั่งปัจจุบัน และในปี 2558 ได้มีการสอนอักษรธรรมใบลาน ซึ่งคณะครูอาจารย์จังหวัดอำนาจเจริญมาสอนถึงที่นี่ แก่ผู้สนใจอีกด้วย 

นอกจากนี้ ยังใช้พื้นที่ว่างประมาณ 3 งาน เพื่อปลูกสมุนไพรเกือบ 100 ชนิด โดยผลิตเป็นยาสมุนไพรรักษาโรคหลากหลายชนิด และที่โดดเด่นฮิตยอดนิยม ก็คือ เสลดพังพอนตัวผู้ตัวเมีย ทุกวันจะมีชาวบ้านเข้ามาขอไปทำยาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยต่างๆ โดยมีวิธีทำ คือเริ่มแรก ให้นำเอาใบเสลดพังพอนไปตำจนละเอียดเสร็จแล้วเอาไปคลุกกับปูน (สำหรับเคี้ยวกับหมาก) หรือเหล้าขาวก็ได้ จากนั้นให้ใส่น้ำมะนาว เพื่อเป็นน้ำกระสาย และทำการแปะปิดบริเวณปากแผลที่ถูกแมลงสัตว์มีพิษต่อย หรือผู้ที่เป็นงูสวัด พอก 1 -2 วัน จะหายทันที 

สำหรับสมุนไพร บำบัดผู้ติดยาเสพติดหรือติดสุรา ก็มีชาวบ้านขอไปทำยากันมาก ด้วยการใช้รากไม้นางแช่ง ต้มกับน้ำให้เดือดแล้วดื่มกิน จะอาเจียนพิษสุราหรือยาเสพติดออกมา จะทำให้ไม่อยากเสพยาหรือดื่มสุรา หากได้กลิ่นยาเสพติดหรือกลิ่นสุราก็จะอาเจียนออกมาทุกครั้ง ซึ่งได้ผลดีมาก 

พระครูโพธิ์ชัย สาระวิมล เจ้าอาวาสวัดปลาค้าวและเจ้าคณะตำบลปลาค้าว ที่ผ่านมาเดินทางไปเทศนาสั่งสอนญาติโยมอย่างต่อเนื่องทั้งภาคเหนือและอีสาน เป็นเพราะสุขภาพร่างกายเริ่มถดถอย เดินทางไกลลำบาก จึงได้จัดตั้งคณะเทศน์ขึ้นมา 1 คณะ มีพระ 3 รูป ตระเวนเทศนาไปตามภาคเหนือและอีสานเป็นเวลากว่า 10 ปี ด้วยการเทศนาสั่งสอนพุทธศาสกนิชน ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก โดยเฉพาะการทำบุญทำทาน การทำความดี ละความชั่ว รักแผ่นดิน รักพระมหากษัตริย์ พระราชินีและพระราชวงศ์ทุกพระองค์  

คณะเทศวัดศรีโพธิ์ชัย สร้างชื่อเสียง โด่งดังมาก จึงถูกเรียกว่า “คณะเทศเสียงทอง” ถูกนิมนต์ไปเทศตลอดเวลา รวมถึง คณะสวดสรภัญญะ อีกหนึ่งความสำเร็จ  ที่ทางวัดศรีโพธิ์ชัย ให้การสนับสนุน เพื่อไปร่วมงานทางศาสนาและส่งเข้าประกวดการแข่งขันสวดสรภัญญะในวันสำคัญทางศาสนาทั้งระดับอำเภอ จังหวัด เป็นประจำ จนได้รับรางวัลระดับจังหวัดและระดับภาคอย่างต่อเนื่องและคว้ารางวัลมากหมาย และที่ภาคภูมิใจ ดีใจที่สุดก็คือ รางวัลเสาเสมาธรรมจักร สาขาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพุทธศาสนา จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 23 พ.ค.53 ในวันวิสาขะบูชาโลกอีกด้วย 

พระครูโพธิ์ชัย สาระวิมล เทศนาตอนหนึ่งว่า ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ ทั้งในโลกนี้และโลกทิพย์มีส่วนสัมพันธ์กัน เข้าไปอยู่ที่กฎแห่งกรรม ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนในการเวียนว่ายตายเกิดไปๆมาๆ  ที่จะไม่เคยเป็นญาติ ไม่เคยเป็นเพื่อน ไม่เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันไม่มี ชีวิตของทุกผู้ทุกคนจึงมีส่วนสัมพันธ์กันไม่มากก็น้อย ทั้งส่วนดีมากและส่วนดีน้อย ทั้งส่วนเลวมากเลวน้อย ทั้งในส่วนที่ทำให้เกิด ความเครียดแค้น ชิงมากชิงน้อย ทั้งในส่วนที่รักและอุปการะมากและน้อย นี่เป็นกรณีหนึ่ง การได้ดีตกยาก เจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษย์และสัตว์ ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกรรม ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ อีกส่วนหนึ่งได้รับเหตุปัจจัยกระทบจากสิ่งรอบข้าง อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของสิ่งลี้ลับที่เรามองไม่เห็น เช่น เทวดาช่วยเหลือ เทวดาให้โทษ ผีให้โทษ เจ้ากรรมนายเวรที่เคียดแค้นชิงชังให้โทษเป็นต้น เพราะฉะนั้นจงทำบุญสร้างกุศลให้มากๆ ผลบุญจะส่งให้เหตุทุเลาเบาบางลง จากที่เจ็บมาก ก็จะเจ็บน้อยหรือไม่เจ็บเลย

ส่วนกามกิเลส มันเป็นเจ้าโลก ที่ทำให้เกิดสงคราม ต่อสู้กัน เกิดก็เพราะกาม ตายก็เพราะกาม รักก็เพราะกาม ชั่วก็เพราะกาม กามตัณหา ความอยากในกาม เปรียบเหมือนแม่น้ำไหลสงสู่ทะเล ไม่รู้จักเต็มสักที ความอยากของตัณหามันไม่รู้จักพอ เราต้องรู้จักพอจึงจะดี ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นแหล่งก่อทุกข์ ก่อความเดือนร้อนไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งหมดอยู่ที่ใจ สุขก็อยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ ใจเป็นต้นเหตุ ฉะนั้น จึงมีการรักษาศีล สำรวมอินทรีย์ รักษาธาตุ 4 ชันธ์ 5 ภาวนาให้เข้าใจจนเกิดสมาธิ แล้วสติก็ส่งเข้าไปแล้วก็จะทำจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ พระธรรมแปดหนึ่งสี่พันพระธรรมขันธ์ ท่านชี้ให้เข้าหาใจนี่แหละ

ถ้ามีสติแล้วก็จะนำความผิดออกจากกายจากใจของตนอย่าหลงสมมติทั้งหลาย มีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อย่าเอามาหมักไว้ในใจ เราต้องทำใจให้ผ่องใส ตั้งอยู่ในศีล ตั้งอยู่ในทาน ตั้งอยู่ในธรรม ตั้งอยู่ในสมาธิ ทุกอย่างเราทำความพอดี ความพอใจก็นำออกเสีย ความไม่พอใจก็นำออกเสีย เวลานี้เราจะพักจิต ทำกายชองเรา ทำใจของเรา ให้รู้แจ้งในกายในใจของเรา รู้ความเป็นมา วางให้หมด วางอารมณ์ วางอดีต อนาคตทั้งปวง ที่ใจนี่แหละ.012

Share this:

  • Skype
  • Pocket
  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Reddit
  • Email
  • Print
  • Telegram
  • Tumblr
  • WhatsApp
  • Mastodon
  • More
  • Pinterest

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : ทำความดี…ดีกว่าขอพร โดย พระอธิการวิเศษ โกวิโท

Posted on August 31, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/676225

ธรรมะวันอาทิตย์  : ทำความดี...ดีกว่าขอพร โดย พระอธิการวิเศษ โกวิโท

ธรรมะวันอาทิตย์ : ทำความดี…ดีกว่าขอพร โดย พระอธิการวิเศษ โกวิโท

วันอาทิตย์ ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 12.22 น.

28 สิงหาคม 2565 ธรรมะวันอาทิตย์ จะพาพุทธศาสนิกชนญาติโยม ไปที่วัดเทพทวีธรรม หรือวัดเขาเดือยไก่ ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือของตัวเมืองอำนาจเจริญ บ้างอ่างใหญ่ ต.บุ่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ เพื่อไปทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล และฟังพระธรรมเทศนากับ พระอธิการวิเศษ โกวิโท เจ้าอาวาสวัดเทพทวีธรรม(เขาเดือยไก่) ปกครองพระสงฆ์ 7 รูป สามเณร 2 รูป ไวยาวัชกร 2 คน สังกัดมหานิกาย พื้นที่วัด 90 ไร่ ปกคลุมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ไม้หายากหลากหลายชนิด โดยเฉพาะ ไม้พะยุง ขึ้นอยู่เต็มพื้นที่ ถือว่าเป็นไม้มีค่า จึงเป็นที่ต้องการของนายทุนบางคน ว่าจ้างมอดไม้ ลักลอบเข้าไปตัด ทำลายอยู่บ่อยครั้ง แม้ทางวัดจะทำรั้วล้อมรอบวัดแล้วก็ตาม 

พระอธิการวิเศษ โกวิโท อายุ 54 ปี เจ้าอาวาสวัดเทพทวีธรรม หรือ วัดเขาเดือยไก่ กล่าวถึงประวัติการก่อสร้างวัดเทพทวีธรรม หรือ วัดเขาเดือยไก่ ว่า หลวงตาทวี จิตสะวโร เจ้าอาวาสวัดเขาเดือยไก่รูปแรก (ผู้บุกเบิก)บ้านเดิมอยู่จังหวัดร้อยเอ็ด หลังจากบวชแล้ว ได้เดินธุดงค์ ไปทั่วภาคอีสาน และมาปักกรดค้างแรมอยู่ที่เขาเดือยไก่ จากนั้น เดินธุดงค์ ข้ามแม่น้ำโขง ไปประเทศลาว( สปป.ลาว) เพื่อไปโปรดสัตย์และเผยแพร่พระพุทธศาสนา จำพรรษาอยู่ 1 พรรษา กลับมาฝั่งไทย โดยนิมิตว่า เขาเดือยไก่ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะต้องทำเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา  

ในปี พ.ศ. 2515 หลวงตาทวี จิตสะวโร เดินธุดงค์กลับมาที่เขาเดือยไก่อีกครั้ง เพื่อทำการก่อสร้างสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา และก่อสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ญาติโยม พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เช่น พุทธคะยา จำลอง เจดีย์พระธาตุพนม จำลอง และ พระที่นั่งอนันตสมาคม จำลอง อย่างที่เห็นในปัจจุบัน   

ต่อมา หลวงตาทวี จิตสะวโร เจ้าอาวาสวัดเขาเดือยไก่ ปัจจุบันคือ วัดเทพทวีธรรม เดินทางกลับวัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดร้อยเอ็ดบ้านเกิด เพื่อไปบูรณะปฏิสังขรให้เจริญดีขึ้น  อยู่ไม่นาน หลวงตาทวี จิตสะวโร ได้ล้มป่วยอาพาธ เพราะวัยชรา และมรณภาพ ละสังขาร ในปี พ.ศ.2562 สิริอายุ 76 ปี  

พระอธิการวิเศษ โกวิโท เจ้าอาวาสวัดเทพทวีธรรม หรือ เขาเดือยไก่ พระนักพัฒนา กล่าวว่า ถึงแม้ว่า หลวงตาทวี จิตสะวโร จะละสังขารไปแล้ว 2 ปี แต่คำสอน คำเทศนา ของหลวงตาทวี จิตสะวโร ยังคงบันทึกสลักไว้ที่กำแพง เพื่อให้ญาติโยม พุทธศาสนิกชน ถือปฏิบัติเป็นสิ่งเตือนใจ ว่า “ ชุมชนในโลกนี้ มีชาติ ศาสนา และภาษา นับถือลัทธิวิธี แสวงหาต่างๆกัน ผู้หวังต่อความสุข ความเจริญ ควรจะแสวงหาความจริง ครั้นได้รับรสแห่งความจริงแล้ว ประพฤติตนให้อยู่ในความจริงนั้น เชื่อว่า ทำความเจริญ ให้ยิ่งขึ้นไป ความจริงในธรรมวินัยมี 6 อย่างคือ 1. จริงวาจา 2.จริงสมมติ 3.จริงสภาพ 4.จริงปรมัตถ์ 5.จริงอริยะสัจ 6.จริงนิพพาน  

โดยอธิบายความจริงทั้ง 6 ข้อว่า 

1. จริงวาจานั้น ไม่พูดล่อลวงด้วยคำเท็จ พูดแต่คำจริงคือจริงวาจา 

2.จริงสมมติ นั้นคือ สมมติว่าดี ดีมีสองประการ คือ คุณที่เป็นไปในธรรม คือ ประพฤติดี ด้วย กาย วาจา ใจ เป็นต้น คุณเป็นไปในโลก มีธรรมเนียมราชการหนึ่ง 

3.จริงสภาพ นั้นคือ ความเป็นเองแห่งสังขารที่มีใจประจำอยู่ก็ดี ที่ไม่มีใจประจำอยู่ก็ดี ล้วนไม่เที่ยง ย่อมมีอาการแปรไปต่างๆจริงย่อมเป็นทุกข์ ไม่ได้แตกดับไปเอง ย่อมเป็นอนัตตา ไม่ใช่คน เพราะสามารถจะห้ามได้จริง นี่คือ จริงสภาพ 

4.จริงปรมัตถ์ นั้นคือ บุคคลเขาเราไม่มี มีแต่กอง 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รูปคือ ร่างกาย เวทนา คือ ความรู้สึกว่าทุกข์ สุขเฉยๆ สัญญา ความจำหมาย สังขาร ความปรุงแต่งตามสภาพ มีจิตอาศัยปรุงแต่งให้เป็นบุญและบาป วิญญาณ คือ ความรู้แจ้งในอารมณ์ กอง 5 นี้ มีรูปเป็นต้นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไปเอง จริงนี้คือจริงปรมัตถ์ 

5.จริงอริยะสัจ คือ ความจริงที่มีรูปนามปรากฏอยู่นี้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย โศก เศร้า ร่ำไร เจ็บกาย เจ็บใจ คับแค้น เป็นทุกข์จริง ตัณหาความดิ้นรนในของน่ารัก แล้วถือว่า เราว่า เขาว่า ตัวเราเป็นเหตุ ทุกข์จริง ความเห็นชอบ ดำริชอบ พูดจาชอบ ทำการงานชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ พากเพียรขอบ ระลึกชอบ ตั้งในมั่นชอบ ทางพร้อมด้วยองค์ 8 นี้ เป็นปฏิปทาไปยังนิพพานจริงนี่คือ จริงอริยะสัจ  

6.จริงนิพพาน คือ นิพพานนั้นเป็นอสังขตธรรม ธรรมอันเป็นปัจจัยสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ได้ตกแต่งให้มีขึ้นมา เพราะนิพพานมีลักษณะ คือ ความเกิดขึ้นก็ไม่ปรากฏ ความดับไปก็ไม่ปรากฏ ความตั้งอยู่แล้วแปรไปก็ไม่ปรากฏ นิพพานจึงเป็นของจริง นี่คือ จริงนิพพาน สมควรแล้วที่ได้พบพระพุทธศาสนานี้ ผู้แสวงหาความจริง ครั้นไปรับรสจริงนี้แล้ว ควรจะยินดีแล้วตั้งอยู่ ในความจริง จะพ้นทุกข์สิ้นได้จริง “ ซึ่งญาติโยม พุทธศาสนิกชน ที่เดินทางมาวัดเขาเดือยไก่ จะพบเห็นและยืนอ่านเป็นข้อคิด และนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อให้อยู่ดี มีสุขกันทุกคน 

ก่อนเดินทางกลับ พระอธิการวิเศษ โกวิโท เจ้าอาวาสวัดเทพทวีธรรม หรือ วัดเขาเดือยไก่ เทศนาตอนหนึ่งว่า ให้ญาติโยม รักษาศีล 5 ข้อ คือ ห้างฆ่าสัตย์ ห้ามพูดเท็จ ห้างดื่มสุรา ห้ามทำผิดในกาม และห้ามลักทรัพย์ ถ้าปฏิบัติได้ สังคมจะไม่วุ่นวาย จะอยู่กันอย่างมีความสุข และสอนทิ้งท้ายว่า ‘ทำดี ดีกว่าขอพร’.012

Share this:

  • Skype
  • Pocket
  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Reddit
  • Email
  • Print
  • Telegram
  • Tumblr
  • WhatsApp
  • Mastodon
  • More
  • Pinterest

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ลาภยศ สรรเสริญ เป็นสิ่งสมมุติ ความดีเท่านั้นยั่งยืน โดย ‘พระอาจารย์ทองพูน สิริสาโร’

Posted on August 22, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/674690

ลาภยศ สรรเสริญ เป็นสิ่งสมมุติ ความดีเท่านั้นยั่งยืน โดย 'พระอาจารย์ทองพูน สิริสาโร'

ลาภยศ สรรเสริญ เป็นสิ่งสมมุติ ความดีเท่านั้นยั่งยืน โดย ‘พระอาจารย์ทองพูน สิริสาโร’

วันอาทิตย์ ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 13.57 น.

วัดหนองปลิง บ้านหนองปลิง ต.นาจิก อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.เมืองอำนาจเจริญ ห่างตัวเมืองอำนาจเจริญประมาณ 12 กิโลเมตร พระอาจารย์ ทองพูน สิริสาโร อายุ 74 ปี  เจ้าอาวาสวัดหนองปลิง ปกครองพระสงฆ์ จำนวน 10 รูป ไม่มีสามเณรและแม่ชี มรรคนายก 2 คน สังกัด มหานิกาย บนเนื้อที่ 12 ไร่ เป็นที่ตั้ง อุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฎิ เป็นต้น 

พระอาจารย์ ทองพูน สิริสาโร อายุ 74 ปี  เจ้าอาวาสวัดหนองปลิง เล่าว่า วัดหนองปลิง เป็นวัดเก่าแก่ อายุกว่า 100 ปี ก่อนนั้น ตั้งอยู่ป่าช้า ห่างจากหมู่บ้านหนองปลิงประมาณ 3 กิโลเมตร ทางด้านทิศตะวันออก ต่อมาเกิดโรคระบาดฝีดาษ ชาวบ้านล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงต้องย้ายวัดหนองปลิง มาอยู่โคก(เนิน)หนองปลิง ใกล้หนองน้ำ มีปลิงในน้ำเยอะมาก จึงเรียกว่า หนองปลิง เมื่อหมู่บ้านและวัดมาตั้งอยู่ใกล้หนองน้ำ ก็เรียกชื่อตามหนองน้ำ ว่า บ้านหนองปลิง และวัดหนองปลิง กระทั่งปัจจุบัน ซึ่งโรคฝีดาษ ก็หยุดการระบาดด้วย ส่วนที่ตั้งหมู่บ้านเดิม กลายเป็นป่าช้า ในปัจจุบัน 

พระอาจารย์ ทองพูน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดหนองปลิง กล่าวว่า หลังจากอาตมา เรียนสำเร็จการศึกษาภาคบังคับ ชั้นประถมปีที่ 4 ก็บวชเป็นสามเณร ต่อมา บวชเป็นพระ และได้เดินธุดงธ์ ปฏิบัติธรรม แสวงหาความรู้ด้านพระธรรมเพิ่มเติม โดยข้ามไปฝั่งประเทศกัมพูชา จำพรรษา ที่ภูเขา ในถ้ำช้าง เรียนรู้แลกเปลี่ยนพระธรรมวินัยกับพระเขมร อยู่หลายปี และเดินธุดงส์โปรดสัตว์อยู่ดินแดนกัมพูชาต่ออีกเกือบ 20 ปี จึงข้ามมาฝั่งประเทศไทย ซึ่งก็ได้เดินธุดงส์ไปเรื่อยๆในภาคอีสาน จนกระทั่งมาปักกด จำพรรษา อยู่ที่หมู่บ้านขมิ้น อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ต่อมา ญาติโยม บ้านหนองปลิง ทราบว่า มาจำพรรษาที่บ้านขมิ้น ก็เลยนิมนต์กลับไปอยู่วัดหนองปลิง บ้านเกิด ซึ่งช่วงนั้น วัดหนองปลิง ไม่มีเจ้าอาวาสวัด จึงไม่ปฏิเสธ เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองปลิงจนถึงปัจจุบัน 

พระอาจารย์ ทองพูน สิริสาโร กล่าเพิ่มเติมว่า ด้วยแรงศรัทธาของชาวหนองปลิง และต้องการให้มีสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ และเป็นสถานที่จัดงานสำคัญทางศาสนา เป็นศูนย์รวมทางใจ ศูนย์รวมของความสามัคคีปรองดองของคนในหมู่บ้าน พุทธศาสนิกชน ญาติโยม ทั้งหลาย จึงได้มีการบริจาคทุนทรัพย์คนละเล็กละน้อย ก่อสร้างพระพุทธรูปเทพประทานพร ขึ้น ที่ ความสูง 20 เมตร หน้าตักกว้าง 6 เมตร มีธรรมจักรอยู่ด้านหลังและทำเป็นชฎาอยู่เหนือศรีษะอย่างสวยงาน โดยก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อปี พ.ศ.2534 และถือเอาวันสงกรานต์ที่ 13 เมษายน ของทุกปี เป็นวันจัดงานบุญประจำปี นมัสการพระเทพประทานพร ซึ่ง ลูกหลานที่ทำงานอยู่กรุงเทพหรือต่างจังหวัด จะพร้อมใจกันจัดทำผ้าป่าสามัคคีมาทอดที่วัดหนองปลิง เพื่อหาเงินเข้าวัดบำรุงพุทธศาสนา เป็นประจำทุกปี พร้อมกับก่อสร้างรูปปั้น หลวงปู่กำ เจ้าอาวาสวัดหนองปลิง องค์แรก ไว้เป็นที่เคารพศรัทธา ที่หน้า อุโบสถอีกด้วย 

นอกจากนี้ ด้านทิศเหนือภายในวัด หลังกุฎิเจ้าอาวาสวัดหนองปลิง ยังมีหนองน้ำ(สระน้ำ)ขนาดกลาง เรียกว่า หนองปลิง ไว้ให้พุทธศาสนิกชน ญาติโยม เข้ามาทำทาน ปล่อยสัตว์น้ำต่างๆ และให้อาหารปลา ซึ่งกำหนดเป็นเขตอภัยทานด้วย 

พระอาจารย์ ทองพูน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดหนองปลิง เทศนาตอนหนึ่งว่า ถ้าจะเรียกว่า คน มันก็สับสนวุ่นวาย ไม่สิ้นสุด เหมือนกับคนอาหารในหม้อ หากจะเรียกว่า มนุษย์ จะต้องอยู่เหนือคน คือ ไม่สับสนวุ่นวาย มีความพอดี ที่ทุกวันนี้ ยังมีสิ่งยุ่งๆ สับสนวุ่นวาย เห็นประโยชน์ตัวเองเป็นสำคัญ คงยังเป็นคนอยู่ ยังไม่เป็นมนุษย์ ถ้าเป็น มนุษย์แล้ว สิ่งต่างๆก็จะไม่มี ไม่เกิดขึ้น จะให้เป็นมนุษย์นั้นไม่ยาก ให้ยึดหลัก คำสอนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่ตั้ง แล้ว เรื่องอื่นๆ อุปสรรคต่างๆก็ไม่เกิดขึ้นและหมดไป 

พระอาจารย์ ทองพูน ชี้ให้ดูลายกนกลวดลายต่างซึ่งประดับอยู่อุโบสถแล้ว กล่าวว่า หากมองดูพินิจพิเคราะห์ลวดลายในอุโบสถ ช่างอ่อนช้อยสวยงามเหลือเกิน ก็จะทำให้จิตใจของเราเพลิดเพลินเจริญตา ความทุกข์ ความโศก ความเศร้า ในจิตใจ ก็จะมลายหายไปด้วย สิ่งที่ทำให้เรา มีความทุกข์ ก็เพราะอยากได้ อยากเป็น และเห็นแก่ตัวกันมาก ถ้าลดความอยาก ความเห็นแก่ตัวลงได้ ชีวิตก็จะเป็นสุข  และที่สำคัญ ทรัพย์สินเงินทอง ลาภยศ สรรเสริญ เป็นสิ่งสมมุติขึ้นมา แม้แต่ร่างกายของเรา ยังไม่ใช่ของเรา ตายไปก็เหลือแค่ผงธุลี ความดีเท่านั้นที่คงอยู่ตลอดไป – 003

Share this:

  • Skype
  • Pocket
  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Reddit
  • Email
  • Print
  • Telegram
  • Tumblr
  • WhatsApp
  • Mastodon
  • More
  • Pinterest

Like this:

Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

Post navigation

← Older posts
Newer posts →

Blogroll

  • คำไทย:ThaiWords
  • จิตรา คล้ายมนต์
  • นพ.ต่อพงศ์ คล้ายมนต์
  • พญ.อภิชญา คล้ายมนต์
  • ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย1
  • ศาสตร์และศิลป์ที่สอนในเมืองไทย
  • Blogspot:SoClaimon
  • Facebook:กรุงเทพฯเวนิสตะวันออก
  • Facebook:ชมรมดินปุ๋ยบนเว็บ
  • Facebook:SoClaimon
  • Google map:แผนที่ตำบล 76 จังหวัด
  • Google sites:Soil Taxonomy
  • Google sites:SootinClaimon
  • LinkedIn:sootin claimon
  • ToRaMaN's BLOG
  • Tumblr:SoClaimon
  • Twitter:SoClaimon
  • Twitter:SoilFertilizer
  • Webs:ChangChoice

BamBam Family

BamBam Family

สถิติบล็อก

  • 2,457,562 hits

Join 3,894 other subscribers
Follow SootinClaimon.Com on WordPress.com

Categories

Top Posts & Pages

เคทีซี จับมือ เดอะ บิสเตอร์ คอลเลคชั่น เปิดประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดพรีเมียมให้สมาชิก
คุณแหน : 29 พฤษภาคม 2566
TCL เปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อขยายจินตนาการและจุดประกายความหลงใหล
'ม.รังสิต'ชูนโยบายบริหารจัดการแผนพัฒนามหาวิทยาลัย สู่นวัตกรรมการศึกษาแบบ'Transformative Learning'
ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน ปาฐกถาพิเศษ ‘วันนักแปลและล่าม’ ครั้งที่ 16
'หน่อง อรุโณชา- เชอรี่ เข็มอัปสร - บุ๋ม ปนัดดา'คนบันเทิงหัวใจเพื่อสังคมใน 'ร้อยคนไทยหัวใจนวัตกรรม 3'
สกสว.ผนึกกำลังPMU ทำ Impact Pathway มุ่งขับเคลื่อนงานวิจัย ตอบโจทย์แผน ววน. ของประเทศ
แนวหน้าฟู้ดรีวิว : อาหารอร่อยต้อนรับฝนโปรยปราย พร้อม ‘จิบน้ำชายามบ่าย’ สไตล์ผู้ดี
‘Shazam! Fury of the Gods’ รับชมได้แล้ววันนี้ ทาง HBO GO
‘อีวีทัล (eVTOL)’อากาศยานไร้คนขับพลังไฟฟ้า นวัตกรรม‘สจล.’เฟสแรกบินสำรวจพื้นที่ป่า13ล้านไร่

Recent Posts

  • บุคคลในข่าว
  • ผู้เชี่ยวชาญชี้ AI จ่อแย่งงานส่วนใหญ่ที่ผู้หญิงทำ

Recent Comments

Typography on ‘คิมเบอร์ลี่-หมาก’…
Typography on พาส่องชีวิตดี๊ดี เทคขั้นสุดกับ…

RSS ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย1

  • รัฐบาลไบเดนเผชิญแรงกดดันจากสองฝ่าย หลังหัวข้อ 42 หมดอายุ ผู้อพยพทะลักชายแดน
  • ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย1
  • ลึกลับสนามข่าว : 31 ธันวาคม 2558
  • ลึกลับสนามข่าว : 30 ธันวาคม 2558
  • ลึกลับในสนามข่าว : 29 ธันวาคม 2558
  • ลึกลับในสนามข่าว : 28 ธันวาคม 2558
  • ลึกลับในสนามข่าว : 25 ธันวาคม 2558
  • ลึกลับในสนามข่าว : 24 ธันวาคม 2558
  • ลึกลับในสนามข่าว : 23 ธันวาคม 2558
  • ลึกลับสนามข่าว : 22 ธันวาคม 2558

Follow me on Twitter

My Tweets

Follow me on Twitter

My Tweets

ป้ายกำกับ

  • 2559(2016)
  • 2562(2019)
  • 2563(2020)
  • 2564(2021)
  • entertain
  • naewna
  • The Nation
  • ต่างประเทศ
  • บันเทิง
  • แนวหน้า
  • RSS - Posts
  • RSS - Comments

Archives

Follow Us

Blog at WordPress.com.
  • Follow Following
    • SootinClaimon.Com
    • Join 1,668 other followers
    • Already have a WordPress.com account? Log in now.
    • SootinClaimon.Com
    • Customize
    • Follow Following
    • Sign up
    • Log in
    • Report this content
    • View site in Reader
    • Manage subscriptions
    • Collapse this bar
 

Loading Comments...
 

    %d bloggers like this: