ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07090150858&srcday=2015-08-15&search=no
| วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 379 |
จอดป้ายเส้นทางฯ
กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ มีอะไร…ต้องรู้บ้าง
นับตั้งแต่ วันที่ 4 สิงหาคม เป็นต้นไป พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิในยุคดิจิตอล การที่ให้ผู้บริการอินเตอร์เน็ตเข้ามามีส่วนร่วมในการขจัดงานละเมิดบนอินเตอร์เน็ต และเจ้าของสิทธิที่นำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการงานของตนเอง ทั้งหมดดังกล่าวนับเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Digital Economy ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
คุณไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษาสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย และผู้เชี่ยวชาญกฎหมายลิขสิทธิ์ กล่าวว่า สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ เป็นเรื่องของการป้องกันปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์เพิ่มเติม เช่น การแครกซอฟต์แวร์ไปเจาะรหัสอะไรต่างๆ จะมีความผิดตามกฎหมาย การละเมิดออนไลน์ จะมีการร้องขอต่อศาลให้มีการไปลบข้อมูลที่มีการละเมิดที่อยู่ในระบบของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต หรือมือถือ หรือที่อื่นๆ ได้หมด เป็นต้น
ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายลิขสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับ “การบริหารสิทธิ” ตามกฎหมายฉบับใหม่นี้ คือ เวลาสร้างข้อมูลขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นส่วนของภาพ คลิป จะมีส่วนที่แจ้งว่า ใครเป็นเจ้าของงาน ยกตัวอย่าง เราถ่ายรูปรูปหนึ่ง จะมีคำเขียนว่า โฟโต้บาย หรืออินสตาแกรมของดาราต่างๆ หรือแม้แต่การโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ จะมีชื่อเจ้าของทวิตเตอร์อยู่
ข้อมูลเหล่านี้ เรียกว่าเป็น “ข้อมูลบริหารสิทธิ” ระบุว่า ใครเป็นเจ้าของภาพ ใครเขียนข้อความต่างๆ ซึ่งตามกฎหมายใหม่ ใครที่ไปลบเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าว จะมีโทษอาญา สูงสุด 2 ปี และปรับสูงสุดถึง 400,000 บาท ฉะนั้น ใครที่หลงลืม ไม่ได้ใส่ข้อมูลบริหารสิทธิลงไป อาจจะมีความผิดตามกฎหมายใหม่นี้ได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นกรณีบุคคลทั่วไปที่ใช้โซเชียลออนไลน์ สามารถใช้ได้ตามปกติ กดแชร์ กดไลก์ได้ตามปกติ แต่มีเพิ่มเข้ามาว่า ทุกครั้งที่มีการแชร์ภาพหรือข้อมูลลิขสิทธิ์ หรือคลิปต่างๆ จะต้องมีแหล่งที่มาของข้อมูลชัดเจน มิเช่นนั้นแล้วจะมีโทษตามกฎหมาย แต่ในแง่นิติบุคคล ปกติจะไม่สามารถนำงานลิขสิทธิ์ผู้อื่นมาใช้ได้อยู่แล้ว ยกเว้นในเรื่องการรายงานข่าว แต่ต้องอ้างถึงแหล่งที่มา หรือการเอามาใช้เพื่อติชมวิจารณ์งานนั้น แต่ว่าในกรณี การติชมที่มา ก็ยังต้องอ้างแหล่งที่มา และต้องไม่แสวงหากำไร
“ถ้าต้องอ้างแหล่งที่มาต้องบอกว่า ภาพนั้น ถ่ายโดยใคร หากมีลายน้ำหรือสิ่งที่แสดงความเป็นเจ้าของภาพ ห้ามลบเด็ดขาด หรือหากเป็นคลิปต้องชัดเจนครบถ้วนว่าเป็นคลิปของใคร ยกตัวอย่าง ที่ผ่านมา เวลาเราเอาคลิปยูทูบมาใช้ เราอาจจะแค่ขึ้นเครดิตขอบคุณยูทูบ แต่ ตั้งแต่ 4 สิงหา เป็นต้นไป เราจะผิดเรื่องข้อมูลบริหารสิทธิ เพราะเราต้องบอกว่ายูสเซอร์คนที่โพสต์ยูทูบคนนี้ คือใครด้วย” คุณไพบูลย์ กล่าวสรุป
ท่านใดมีข้อสงสัย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทรศัพท์ 1368 หรือ เว็บไซต์ http://www.ipthailand.go.th