ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07068150858&srcday=2015-08-15&search=no
| วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 379 |
อาชีพคนดัง
นันท์นิ ชาดา
“เอ้ นนทวัชร์” เปิด “ภูจินดา” รีสอร์ตของคนรักสุขภาพกลางหุบเขา
ดร.เอ้-นนทวัชร์ อนันท์พรจินดา อดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ก่อนจะหันไปทำธุรกิจเครื่องสำอางสมุนไพร M Herb จนกระทั่งเจอวิกฤตน้ำท่วมส่งผลให้ธุรกิจเสียหายนับสิบล้าน จากนั้นครอบครัวจึงย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง เพราะตัวเขาเองประสบภาวะเสี่ยงกับการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการรักษาตัววิธีธรรมชาติบำบัดล้างสารพิษจนหายขาด และควักกระเป๋าลงทุนเปิดรีสอร์ต ภูจินดา ศูนย์การเรียนรู้ 108 จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่ของคนรักสุขภาพท่ามกลางธรรมชาติที่เป็นหุบเขา พร้อมกลับคืนสู่บทบาทพิธีกรรายการ สดใหม่ไทยแลนด์ ทางช่อง 2
จุดเริ่มต้นจากสุขภาพ
ดร.เอ้ เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการทำ ภูจินดา ศูนย์การเรียนรู้ 108 เนื่องจากตนเองประสบภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง จึงเริ่มต้นดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง และรักษาโดยธรรมชาติบำบัด และเมื่อหายดีแล้วจึงอยากจะส่งต่อการดูแลสุขภาพที่ดีให้กับคนที่อยู่ในภาวะเหมือนตนเอง
“เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ คือมีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ เลยคิดว่าจะหาทางออกยังไงในเรื่องของการดูแลสุขภาพโดยการใช้ธรรมชาติบำบัด คือปัจจุบันเราก็หาหมอแล้วก็ดูแลตัวเอง สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำคือการปรับวิถีชีวิต เลยหาข้อมูลไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ธรรมชาติบำบัด การเลือกกิน การเลือกอยู่ การเลือกหายใจ การเลือกใช้ชีวิต รวมถึงการเลือกคิด มันก็เลยเป็นที่มาของการทำโครงการ ก็คือศูนย์การเรียนรู้วิถีธรรมชาติ ชื่อ ภูจินดา 108 อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่
ผมเลือกที่นี่ เหตุจากน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ที่บ้านผมน้ำท่วมหนักและไม่มีทีท่าว่าจะลด จึงย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ ผมได้สัมผัสธรรมชาติที่มันทำให้รู้ว่าสามารถเติมเต็มชีวิตผม ซึ่งขณะนั้นผมก็ยังทำงานในวงการบันเทิงอยู่ และทำมันมาตลอดระยะเวลา 20 ปี ทำให้ผมไม่ได้มีเวลาดูแลสุขภาพ มันส่งผลตอนที่ผมอายุมากขึ้น พอเข้าสู่อายุเลขหลัก 4 โรคร้ายก็ประดังเข้ามา ประกอบกับความเครียดก็เสี่ยงกับการเป็นโรค ทั้งปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด เดี๋ยวอิ่ม เดี๋ยวหิว น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งเรียกว่าร่างกายส่งสัญญาณเตือน พอขึ้นปี 2555 ที่อยู่เชียงใหม่ ผมมานั่งคิดว่าตัวเราเองได้อะไรจากสังคมมาเยอะ อยากทำอะไรคืนให้กับสังคมบ้าง ก็เริ่มศึกษาศาสตร์ทางด้านการล้างพิษ ศาสตร์ด้านการใช้สมาธิในการบำบัด ศาสตร์ในเรื่องของการบริหารจิต การรักษาสุขภาพด้านการกิน และสภาวะอารมณ์ควบคู่กับการใช้ชีวิต จึงเป็นที่มาของ ภูจินดา ศูนย์การเรียนรู้ 108 ที่นี่ก็จะเน้นเรื่องของธรรมชาติ เราปลูกผักกินเอง ผักไร้สาร 100 เปอร์เซ็นต์ ดินที่ปลูกก็ต้องเป็นดินที่ถูกเก็บและกันไว้ไม่ให้มีเคมีโดน ไม่ต่ำกว่า 3 ปี”
ปรับชีวิต ล้างพิษ ฟิตสุขภาพ
เจ้าของรีสอร์ตเพื่อการเรียนรู้ แจกแจงให้ฟังถึงโครงการ ปรับชีวิต ล้างพิษ ฟิตสุขภาพ มีเป้าหมายของการเปิดอย่างชัดเจน นั่นคือ การได้ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม แม้รายได้ไม่ได้มากมาย แต่ยังต่อยอดด้วยการนำรายได้จากศูนย์การเรียนรู้ไปมอบให้กับสถานสงเคราะห์อีกด้วย
“เป้าหมายก็คือทำให้คนเห็นความสำคัญในการใช้ชีวิต กับการใช้ธรรมชาติรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหายใจ เรื่องของการบริโภค การใช้ชีวิต และการทำประโยชน์ให้ส่วนรวม ส่วนหนึ่งเราพอมีรายได้มาบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะ เราก็นำรายได้ไปให้กับบ้านเด็กดี ซึ่งเป็นสถานสงเคราะห์ดูแลเด็กในพื้นที่สูง
ชีวิตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ผมเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งและหายได้ กับการใช้ธรรมชาติบำบัดและปรับร่างกายให้ไม่เครียด ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ปกติคนเราจะเครียดกับอนาคต สิ่งที่ยังไม่เกิด เพราะฉะนั้น พอเราปรับตัวเองได้ มันก็จะเป็นจุดจุดหนึ่งที่เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข ก็เริ่มโครงการ ปรับชีวิต ล้างพิษ ฟิตสุขภาพ ให้กับคนรักสุขภาพ เป็นคอร์สในการใช้สุขภาพรอบตัวบำบัดตัวเอง ไม่ว่าศาสตร์ที่เรียกว่าการล้างพิษ การขับของเสีย การทานน้ำมันมะกอก การทำดีท็อกซ์ การทานน้ำผลไม้สูตรต่างๆ เพื่อที่จะล้างความสกปรกภายใน สารพิษที่ตกค้างในส่วนต่างๆ บางส่วน อย่างเช่น ผนังลำไส้ ตับ ไต ล้างสิ่งที่มันเกาะติดออกมา เพื่อให้ระบบการทำงานดี ระบบดูดซึมดี ชีวิตก็จะดี ปกติในร่างกายเรามันสามารถจัดการแก้ไขปัญหาเองได้ ถ้าร่างกายพร้อม
แต่ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะความเครียด อากาศ อาหาร มันก็ทำให้ระบบดูดซึมเราไม่ดี แทนที่จะได้ซึมซับเอาสารอาหาร หรือยาที่กิน รวมทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ พอมันดูดซึมไม่ดีมันก็ไม่มีประสิทธิภาพกับสิ่งต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อระบบเหล่านี้มันถูกล้างออกไป ระบบดูดซึม ก็ทำงานได้ดี เพราะฉะนั้น กินดีก็ได้ดี กินวิตามินซีก็สดชื่น กินเบียร์ก็มึนเมา บางคนบอกทานอันนี้เข้าไปไม่เห็นดีเลย นั่นเป็นเพราะระบบดูดซึมเราไม่ดี เมื่อระบบดูดซึมดีร่างกายก็ไม่ต้องทำงานหนัก เพราะร่างกายมันสามารถซ่อมแซมตัวมันเองได้ มันก็มีกำลังไปซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่สึกหรอ ไม่ว่าจะเป็นการปวดตามจุดต่างๆ ไมเกรน มะเร็งตามจุดต่างๆ เป็นหวัดก็หายง่าย หรือไม่เป็นเลย นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมทำตรงนี้ขึ้นมาเพื่อส่งต่อความมีสุขภาพดี”
ส่งต่อสุขภาพดี
สิ่งที่โดดเด่นของภูจินดาคือการมีสุขภาพที่ดี และเน้นให้ทุกคนสามารถทำเป็นและทำได้เอง และสามารถส่งต่อสิ่งเหล่านี้ไปอีก 1 คนได้ โดยสามารถเปิดรับได้แค่เดือนละรอบ และหลังจากเดือนเมษายนจะเปิดรับได้ 2 รอบ ต่อเดือน รอบละ 30 คน โดยมีกลุ่มคนที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเจ้าของภูจินดาเปิดโอกาสให้กับคนในสังคมมาใช้บริการฟรี อาทิ พระ ทหาร หรือครูอาจารย์
“หลักๆ ผมดูการล้างพิษในที่ต่างๆ แล้วก็เอามาปรับใช้ที่ภูจินดา ที่นี่อยู่พื้นที่สูง จะมีในเรื่องของความกดอากาศ มันจะทำให้ออกซิเจนที่เตรียมการขับพิษมันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล เพราะฉะนั้น คนที่มาล้างพิษสิ่งที่เขาจะได้คือ ระบบภายในดีขึ้น ระบบจัดการปัญหาต่างๆ ของร่างกายสะดวก เห็นผลชัดเจน และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกวันผมจะต้องมาดูของเสียของผู้ที่เข้าคอร์สเอง บางคนบอกว่าจบด๊อกเตอร์มาไม่ทำอะไร เช้ามาดูฉี่ ตอนสายดูขี้ ก่อนหน้านี้ที่ผมทำของตัวเองยังไม่อยากดูเลย แต่พอมาคิด ใช้ธรรมะ มันก็ล้วนแต่เป็นสิ่งดีๆ ที่เราต้องพินิจพิจารณาก่อนกิน ว่าอันนี้ดี อันนี้อร่อย อันนี้หายาก อันนี้แพง แล้วตัดสินใจกลืนเข้าปาก เมื่อมันออกมา ผ่านกระบวนการต่างๆ แล้ว มันก็ยังเป็นของมีค่าอยู่ แต่ของเสียเหล่านั้นสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพภายในได้เป็นอย่างดี ซึ่งสุขภาพจะดีหรือไม่ดีเริ่มต้นได้ที่ตัวเราเอง และที่นี่เรามีห้องพัก ที่จัดเตรียมไว้สำหรับการล้างพิษโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้น เราจะพัฒนาในเรื่องของการปรับตัว ปรับใจให้พร้อม และจัดสถานที่เพื่อรองรับผู้ที่จะเดินทางมาล้างพิษให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
การล้างพิษภายนอก คือการอบ การผลัดผิว ขัดผิว ส่วนการล้างพิษภายในคือการกินสมุนไพร การกินต่างๆ แล้วขับออกมา ไม่ว่าจะกินดีท็อกซ์ การกินน้ำมันมะกอก และการล้างพิษจิตใจ ไม่ว่าจะสวดมนต์ นั่งสมาธิ ซึ่งตอนนี้ทางภูจินดาเปิดมาครบ 1 ปีพอดี ผมเลยคิดว่าในเดือนเมษายน ผมเลยทำโครงการเพื่อให้คนมีสุขภาพดี สำหรับคนทั่วไปที่มาในคอร์ส 4 วัน 3 คืน ในคอร์สนอกจากจะมีการล้างพิษแล้ว ยังมีการจัดกระดูก มีการล้างตาให้สะอาด ยังมีการกัวซาหน้า มีการฝังเข็ม การตรวจสุขภาพจากแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือก คนที่มาใช้เวลาอยู่กับเราที่เชียงใหม่ 4 วัน 3 คืน ไม่รวมค่าเดินทางมา เราจะคิดเขา 4,500 บาท รวมค่าอาหาร รวมทุกอย่าง รายได้ส่วนหนึ่งเป็นทุนอาหารกลางวันให้กับเด็กในพื้นที่สูง และพระสงฆ์ สามเณร แม่ชี ฟรี สามารถมาใช้บริการได้ฟรี ใน 1 ครั้งที่จัดรับแค่ 30 คน เราจะกันกลุ่มพระ 10 และกลุ่มคนทั่วไป 20 และถ้าเกิดว่าเป็นครู อาจารย์ วัยเกษียณ ทางภูจินดาออกให้ครึ่งหนึ่ง ก็จะจ่ายเพียง 2,250 บาท หลายคนถามว่าทำไปเพื่ออะไร แต่ผมคิดว่าในชีวิตคนคนหนึ่งจะมี 2 สิ่งที่ต้องทำกับชีวิตเรา คือสิ่งที่อยากทำ และสิ่งที่ต้องทำ อย่างงานพิธีกร งานในวงการก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ แต่มันก็มีสิ่งที่อยากทำด้วย”
ภูจินดา คือทั้งหมดของชีวิต
ดร.เอ้ บอกว่า ภูจินดา คือสิ่งที่อยากทำ นอกจากจะทุ่มเทแรงกายแรงใจในการก่อร่างสร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาแล้ว ในด้านการลงทุนคือ มีเท่าไหร่ก็ลงไปหมด เพราะจากการเรียนรู้ชีวิต ว่าในวันที่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ เงินไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่า การได้เป็นผู้ให้
“เงินลงทุน เอาง่ายๆ ว่า มีทุกอย่างขายหมดเลยครับ ในพื้นที่ของตัวโครงการ บริเวณด้านหน้า 30 ไร่ เป็นพื้นที่ที่ทำขึ้นมาคือส่วนของไร้สารเคมี และยังมีในส่วนของไร่อีกด้านที่จะปลูกพืชผลทางการเกษตร แล้วก็เป็นศูนย์เรียนรู้ที่สามารถเห็นการทำเกษตรอินทรีย์ และการปลูกพืชไร้สาร การใช้ชีวิตกับธรรมชาติ การพึ่งพิงกันโดยไม่ต้องเผา ไม่ต้องทำลาย ไม่ต้องใช้สารเคมี ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีเข้าไปในพืชผัก มันไม่ใช่แค่เรื่องรายได้ที่ต้องทำปริมาณให้เยอะ แต่มันเป็นเรื่องของสุขภาพ
เรื่องเงิน ครั้งหนึ่งที่คิดว่าจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว เพราะเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง เงินไม่มีความหมายเลยครับ เงินเป็นส่วนหนึ่งที่เราเคยคิดในอดีตว่าอยากมี อยากได้ อยากเป็น อยากเยอะ อยากสำเร็จ อยากมีไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักพอ แต่ว่าพอมารู้สึกว่าเราอาจจะไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ บ้าน รถ อุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ ไม่ได้มีความสำคัญ เพราะเราคิดว่าพรุ่งนี้เราจะได้ตื่นหรือเปล่า ถ้าเราไม่ตื่นวันนี้เราจะทำอะไร ผมจะคิดแค่ว่าอยากจะทำตรงนี้ให้มันเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้กับธรรมชาติ ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ ถ้าเราทำงานคนก็จะจำเราได้จากสิ่งต่างๆ แต่ถ้าเราทำศูนย์เรียนรู้ที่เริ่มจากการเป็นผู้ให้ กับกำลังที่เราพอทำได้ ภูจินดาไม่ได้รับการสนับสนุนจากที่ใด ใช้เงินส่วนตัวในการทำ และภูจินดาเป็นศูนย์เรียนรู้ของชุมชนครับ”
ความสุขคือการได้เป็นผู้ให้
สำหรับภูจินดา มีพนักงานที่เป็นคนในพื้นที่จำนวน 10 คน ที่ดูแลโครงการ ซึ่งถ้าคำนวณรายได้ 4,500 บาท ต่อคน จำนวน 10-20 คน และอีก 10 คนไม่มีค่าใช้จ่าย และอีกจำนวนหนึ่งก็เสียเพียงครึ่งราคา เพราะฉะนั้น รายได้อันนี้ ไม่ได้เหลือมากมาย ถ้าเทียบภาระรายเดือน อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าวิทยากร ฯลฯ แต่สิ่งที่ได้คือ ความสุขของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้
“เรามีพนักงานที่เป็นคนในพื้นที่ประมาณ 10 คนในการดูแลโครงการ ทุกคนที่ทำก็มีหลายหน้าที่ ไม่ว่าจะมีงานหรือไม่มีงาน จริงๆ แล้วเก็บ 4,500 บาท แล้วรับแค่ครั้งละ 10-20 คน เพราะอีก 10 ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย และเสียครึ่งหนึ่ง แต่ทางภูจินดามีภาระที่จะต้องจ่ายค่าไฟ ค่าวิทยากร ค่าอาหาร ค่าโน่นค่านี่ ลองคูณตัวเลขดูจะรู้ว่าเราไม่ได้เหลืออะไร แต่มันเป็นความสุข เมื่อเราส่งความสุข เราได้เป็นผู้ให้ แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว
ซึ่งกลุ่มคนที่มาที่ภูจินดาจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แล้วอีก 1 กลุ่มคือกลุ่มที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง หรือมีปัญหาในเรื่องของลำไส้ ในเรื่องของสุขภาพต่างๆ ต้องบอกว่าคนเราจะเห็นความสำคัญของสุขภาพ ต่อเมื่อกำลังจะป่วย กำลังจะเป็นโรค แล้วผมเคยเป็นแล้ว และไม่อยากเป็นอีก เลยอยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพ จริงๆ แล้วทุกคนมีพิษอยู่ในตัวเยอะ ถ้าวันใดก็ตามเรายังหายใจ ทุกวันเราสามารถสูดเอาพิษเข้าสู่ร่างกายได้ ไม่ว่าจะหายใจ หรือทานอาหาร เราต้องเจอภาวะเครียด แรงกดดัน เราสามารถเอาความเครียดมาบั่นทอนจิตใจเราได้”
สิ่งที่ต้องทำ ได้เงิน
สิ่งที่อยากทำ ได้ความสุข
ดร.เอ้ บอกเล่าอย่างมีความสุขว่า สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจทำภูจินดาคือ การตอบแทนสังคม เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวได้รับโอกาสจากสังคมมาโดยตลอด เพราะฉะนั้น ชีวิตในวันนี้ กับสิ่งที่ต้องทำ คืองานในวงการบันเทิง ที่ทำแล้วได้เงิน แต่สิ่งที่อยากทำ ได้ทำแล้วมีความสุข
“ตอนที่เริ่มทำภูจินดาไม่ได้คิดถึงชื่อเสียง คิดแค่ว่าอยากทำอะไรสักอย่าง เพราะผมได้รับโอกาสจากสังคมมา ก็เลยทำ เคยมีคนถามว่าทำไมไม่เอาเงินเก็บไปใช้ชีวิตสบายๆ ทำไมต้องเหนื่อยไปดูอุจจาระ ไปดูของเสีย ได้เงินมายังไม่ถึงหมื่นบาทเลยสำหรับ 1 คอร์ส แต่ทำพิธีกรชั่วโมงเดียวได้หลายหมื่น แต่อันนี้มันเป็นความสุข ผมเน้นให้คนมาดูแลสุขภาพ มีเมล็ดผักให้ ก็เอาไปปลูก จะที่คอนโดฯ ที่บ้านก็ได้
สิ่งที่ได้ก็คือเงิน ซึ่งได้มาจากที่ที่เราต้องทำ แต่สิ่งที่อยากทำ มันได้ความสุข เพราะฉะนั้น บางคนได้เงินมาทั้งชีวิตแต่อาจจะไม่มีความสุข แต่ความสุขของผม ผมไม่ได้เล่นการพนัน ผมไม่ได้สูบบุหรี่ ไม่ได้ใช้อะไรฟุ่มเฟือย ผมเลยเอาเงินจากตรงนั้นมาซัพพอร์ตตรงนี้ คนคนหนึ่งเมื่อได้โอกาสจากสังคมมาแล้ว เราก็ได้คืนให้เขาบ้าง ภูจินดาเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความสุข สุขที่แท้จริงเริ่มต้นจากการให้
และผมกำลังทำหนังสือปรับชีวิต ล้างพิษ ฟิตสุขภาพ ออกมา แต่ตอนนี้ผมก็ไปซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการล้างพิษโดยเฉพาะ ก็แจกให้คนที่มาใช้บริการที่ภูจินดาด้วย ไม่ว่าจะทานผักยังไง ล้างสารพิษยังไง แต่การเรียนรู้ต้องมีสติ ต้องฝึกให้รู้ ให้เข้าใจ ให้รู้ว่าร่างกายเราใช้เขามาเยอะ ได้แต่แต่งหน้า ทำผม ใส่เสื้อผ้าแพงๆ แต่ภายในเราแทบไม่ได้สนใจเลย จะมาดูแลก็ต่อเมื่อป่วยไม่สบาย บางทีไม่สบายก็ฝืนทำอีก เพราะฉะนั้น ต้องดูแลจากภายใน ผมเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ ให้คนมาเรียนรู้ และนำไปปรับใช้ครับ”
ใครที่กำลังเริ่มต้นดูแลสุขภาพ ให้ภูจินดา ศูนย์การเรียนรู้ 108 เป็นอีกหนึ่งทางเลือก สนใจสามารถติดต่อได้ที่ เลขที่ 108 หมู่ 4 ตำบลบ้านช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ (053) 047-918 จองห้องพัก โทรศัพท์ (081) 568-9124, (053) 047-918 คอร์สสุขภาพ โทรศัพท์ (081) 699-3945, (081) 568-9124 E-mail : phuchinda@gmail.com http://www.facebook.com/phuchinda http://www.phuchinda.com/healthypackage.html