ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07088010958&srcday=2015-09-01&search=no
| วันที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 380 |
เก็บตกจาก “แท็กซี่ กูรู”
TAXI MASTER
บำนาญ-เกษียณ…เกษมศานต์ ไม่กระเสือกกระสน
กรมการขนส่งทางบก โดย กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน หรือ กปถ. รณรงค์ผ่านสื่อเกือบทุกสถานีวิทยุและประกาศหลังข่าว เกี่ยวกับการประเมินคุณภาพแท็กซี่ผ่านแอพพลิเคชั่น กับ DLT Check in เพื่อเป็นกำลังใจกับแท็กซี่ที่มีพฤติกรรมดี หรือปรับปรุงสิ่งที่ควรแก้ไข เป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ที่มีผลกระทบกับการบริการแท็กซี่ แท็กซี่ทำดีมีรางวัล โดยมีจำนวนนับหรือบอกกล่าวที่ได้รับความร่วมมือกับประชาชนผู้ใช้บริการ
เรื่องราวที่ผ่านมาส่วนใหญ่แท็กซี่น่าจะตกเป็นจำเลยของสังคมตลอดช่วงเวลาปฏิรูปนี้ เพราะนอกเหนือจากมีรูปแบบการมีแท็กซี่ประเภทไม่ต้องออกมาตระเวนตามท้องถนนเสนอบริการ แต่ออกมารับผู้โดยสารเมื่อเรียกผ่านระบบสื่อสารหรือออนไลน์แล้ว การได้รับการพิจารณาเพื่อขึ้นค่าโดยสารอัตราใหม่นี้ก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชมสำหรับผู้ใช้บริการ จึงกลายเป็นจำเลยซ้ำซ้อนไปอีก แม้ว่าการได้รับการพิจารณาอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นครั้งนี้ ไม่ได้ใช้พลังมวลแท็กซี่เรียกร้องแต่อย่างใด
ข่าวคราวการปฏิเสธการให้บริการผู้โดยสารก็ยังถูกวิจารณ์และมีข่าวถูกฟ้องสังคมอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลจนถูกประชดว่า ต่อไปนี้ขอให้แท็กซี่ช่วยเขียนเส้นทางที่จะผ่านไปติดไว้หน้ารถ เพื่อผู้เรียกใช้บริการจะได้รู้ว่าผ่านไปในเส้นทางที่จะไปหรือไม่ พวกเราชาวชมรมแท็กซี่ปฏิบัติดีเพื่อสังคมได้ยินข่าวนี้ก็ไม่สบายใจเพราะพวกเราไม่มีใครประพฤติเช่นนั้น บางครั้งพวกเราทราบดีว่า การที่จะไปส่งผู้โดยสารโดยผ่านเส้นทางที่เรากลัวหรือกังวลเกี่ยวกับรถติดนั้น ยังมีอยู่ในใจ แต่สัญญาสุภาพบุรุษของเรายืนยันไม่ปฏิเสธผู้โดยสารแน่นอน มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเองประสบเหตุการณ์ด้วยตนเองคือ ถูกเรียกใช้บริการและต้องผ่านเข้าในย่านศูนย์การค้าหลังช่วงเวลาเลิกงาน ปรากฏว่า รถติดอยู่นานเกินกว่าผู้โดยสารจะรอได้จึงขอจ่ายค่าโดยสารตามมิเตอร์ที่ขึ้นแล้วขอลงไป ส่วนผมต้องอยู่บนถนนที่รถติดนั้นอีกเกือบ 2 ชั่วโมงฟรีๆ
สื่อสารฉับไวแจ้งข่าวลงภาพได้ทันท่วงที เมื่อมีอะไรไม่ถูกตาต้องใจผู้พบเห็นก็ถูกนำมาลงในสื่อพร้อมคำบรรยายเชิงประจักษ์เท่าที่เข้าใจ บางครั้งเหตุการณ์หรือเหตุผลจริงๆ อาจจะไม่ใช่เหมือนที่เห็น มีอยู่วันหนึ่งไปส่งผู้โดยสารซึ่งเขารีบร้อนมาก ขอร้องให้ขับเร็วเพื่อทันเวลานัดหมาย เมื่อถึงสี่แยกสัญญาณไฟเหลือง เขาขอให้รีบผ่านไปเพื่อไม่ต้องหยุดรออีก 2-3 นาที ผมเข้าใจและเห็นใจในธุระสำคัญที่เขาขอร้อง ส่งเสร็จได้รับคำขอบคุณและชื่นชมในฝีมือโชเฟอร์หรือจะด่าในใจว่าตีนผีระดับพระกาฬก็แล้วแต่ แต่ต่อมาอีก 3 วัน ผมก็ได้รับจดหมายชื่นชมจากเจ้าพนักงานจราจร เป็นใบสั่งพร้อมแนบภาพถ่ายในวงกลมชัดเจน 3 ภาพ ณ จุดฝ่าสัญญาณไฟแดง มีภาพขยายป้ายทะเบียนรถชัดเจน แจ้งว่าฝีเท้าดีขนาดนี้ขอให้รีบไปชำระค่าปรับ 800 บาท ภายใน 15 วัน ผมนำใบสั่งไปเปรียบเทียบปรับโดยขอความกรุณาให้ปรับในอัตราขั้นต่ำ 400 บาท ก็ได้รับความกรุณาจากร้อยเวร ได้รับคำอบรมเล็กน้อย แต่ก็เห็นว่าตำรวจก็รับฟังเหตุผลและมีน้ำใจ
มีการประชุมคณะรัฐมนตรี มีข่าวคราวการพิจารณาอายุข้าราชการบางหน่วยงานที่จะให้ข้าราชการปฏิบัติงานได้ถึงอายุ 65 ปี แม้ว่ายังไม่ได้แถลงข่าวเป็นทางการ แต่ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันพอควร ผมได้ฟังข่าวแสดงความคิดเห็นทางสถานีวิทยุ ที่กำลังจะหาเพลงเตรียมไว้ถ้าแวะเข้าชมรม ใจนึกถึงข้าราชการเกษียณที่ถูกหาว่าเป็นคนแก่ แต่คิดไปถึงเจ้าแร้งแก่ในหนังเรื่อง MACKENNA”S GOLD “Old Turkey Buzzard” ชอบเพลงในหนังแล้วมีภาพแร้งบิน “Old turkey buzzard flying flying high. He”s just awaiting Buzzard”s just awaiting. Waiting for something down below to die Old buzzard knows that he com wait. “Cause every mother”s son has got a date A date with fate?with fate. He sees men come, he sees men go Crawling like ants on the rock bellows…” เพลงแร้งแก่ แต่ผมกลับนึกถึงข้าราชการเกษียณที่เขามักจะเรียกว่า “ชราวัย” ซึ่งผมค้านในใจว่านี่แหละคือแร้งแก่บินสูงด้วยพลังเพียบด้วยประสบการณ์รู้เห็นมาก เพลงเพิ่งจบลงมีข่าวที่จะพิจารณาอายุข้าราชการถึง 65 ปีอีกแล้ว พอดีมีผู้โดยสารเรียกรถ
ผมจอดรถกล่าวสวัสดีเชิญขึ้นรถหลังจากที่เขาบอกปลายทาง สังเกตบุคลิกน่าจะเป็นคนมีความรู้ ดูเป็นผู้ใหญ่แต่หนุ่มกว่าที่จะเรียกว่า “ชราวัย” ผมเปิดไมตรีด้วยเอ่ยถึงข่าวในวิทยุที่วิพากษ์กันเรื่องการต่ออายุข้าราชการถึง 65 ปี ฤดูกาลเกษียณกันยายนปีนี้คงจะวิ่งกันวุ่นเขาขยับตัวเหมือนตอบรับการทักทาย ผมแอบมองใบหน้าผ่านกระจกดูชัดๆ แล้วคิดว่าไม่ใช่รุ่นวัยเกษียณแน่นอน ดูหนุ่มกว่าที่เห็นครั้งแรกมากนัก เขาตอบรับไมตรีด้วยการบอกว่าจะไปร่วมงานเกษียณพวกพี่ๆ ที่เป็นรุ่นน้อง พร้อมกับหัวเราะรู้ว่าผมคงจะงง จึงอธิบายว่าเขาเป็นข้าราชการบำนาญเพราะลาออกก่อนพวกพี่ๆ ที่เกษียณตามอายุ 60 ปี ผมได้โอกาสจึงถามข้อสงสัยว่าถ้าอายุไม่ถึง 60 ปี หรือรับราชการไม่ครบ 25 ปี ทำไมถึงรับบำนาญได้ครับ ดูท่านยังหนุ่มเหมือนคนอายุ 50 ปี เขายิ้มกว้างชอบใจคำชมรีบตอบคำถาม
มีอุบัติเหตุทางแยกสัญญาณไฟแดงรถคงจะติดนาน เขาย้ำถามว่า “ดูเหมือนผมอายุน้อยจริงหรือครับ พอบอกใครว่าเป็นข้าราชการบำนาญไม่ค่อยมีใครเชื่อ ส่วนใหญ่คิดว่าต้องมีอายุถึง 60 หรือทำงานครบ 25 ปี แต่ความจริงแล้ว การได้รับบำเหน็จบำนาญไม่ต้องอย่างนั้นหรอก มีหลักเกณฑ์ตั้งหลายข้อที่นำมาประกอบขอรับบำนาญได้โดยไม่ต้องเกษียณอายุ สิทธิของข้าราชการในการขอรับบำเหน็จบำนาญปกติมีถึง 4 เหตุหลัก ผมเองเพิ่งสอบบรรจุเข้ารับราชการได้เมื่ออายุ 30 กว่าปี แล้วทำงานได้เพียง 15-16 ปี อายุตัวเพียง 50 ต้นๆ คิดจะขอลาออก มีผู้หวังดีติงว่าอย่าลาออกเลยได้รับบำเหน็จไม่กี่แสน หมดเงินแล้วจะกระเสือกกระสน อยู่ได้อย่างไร แก่ชราแล้วจะทำงานอะไรไม่ได้” เขาหัวเราะเครียดๆ
รถขยับตัวคล่องขึ้น เขาดูเวลาแล้วพูดติดตลกว่า “แก่แล้วขอพูดความหลังต่อหน่อย เรื่องขอรับบำนาญนี่เรื่องเยอะ ขนาดว่าเจ้าหน้าที่การเงินที่ทำงานก็ยังไม่รู้เลย บอกว่าผมไม่มีสิทธิขอรับบำนาญหรอกเพราะอายุราชการเพียง 16 ปี ต้องรับบำเหน็จอย่างเดียว พอดีมีคนรู้จักเป็นเจ้าพนักงานการเงินที่หน่วยงานอื่นนำเอกสารสิทธิข้าราชการที่มีระเบียบหลักเกณฑ์การออกจากราชการโดยได้รับบำนาญ ด้วยการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่งใน 4 ข้อ หรือ 4 เหตุที่ผมเข้าในเหตุนั้น ผมจึงนำไปให้เจ้าหน้าที่การเงิน “ตีความ” ว่าผมอยู่ในหลักเกณฑ์ด้วยใช่ไหม” เขาเน้นเสียงกึ่งประชด
ผมแอบมองกระจกหลังดูเหมือนสีหน้าเขาจริงจัง แต่ก็ถามต่อว่าแล้วท่านเข้าเกณฑ์ข้อไหนครับ เขาจึงเปิดเรื่องต่อว่า “ขออธิบายหน่อยนะ ผมเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดข้าราชการครู ผมท่องสิทธิข้าราชการที่จะได้รับบำเหน็จบำนาญปกติ โดยจ่ายให้ผู้ออกจากราชการด้วย 4 เหตุต่อไปนี้อย่างขึ้นใจ” เขาหัวเราะแล้วพูดต่อว่า
“ข้อ 1 เหตุทดแทน ให้แก่ข้าราชการซึ่งออกจากประจำการเพราะเลิกหรือยุบตำแหน่งงาน หรือมีคำสั่งให้ออกโดยไม่มีความผิด ข้อ 2 เหตุทุพพลภาพ ให้แก่ข้าราชการผู้ป่วยเจ็บทุพพลภาพซึ่งแพทย์ที่ทางราชการรับรองได้ตรวจและแสดงความเห็นว่าไม่สามารถรับราชการในตำแหน่งต่อไปได้ ข้อ 3 เหตุสูงอายุ ให้แก่ข้าราชการผู้มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ หรืออายุครบ 50 ปีบริบูรณ์แล้วประสงค์จะลาออก ข้อ 4 เหตุรับราชการนาน และมีเวลาครบ 25 ปีบริบูรณ์ หรือมากกว่าสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญ คุณรู้ไหมว่าผมเข้าเกณฑ์พิจารณาข้อไหน”
ผมอ้อมแอ้มตอบ เดาว่า ข้อ 3 ครับ เขายิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าไม่ดูระเบียบย่อยอีกข้อก็จะไม่เจอเกณฑ์ ข้อ 3 ถูกแล้ว แต่มีข้อย่อยว่าด้วยบำนาญจ่ายเป็นรายเดือน สิทธิที่จะได้รับบำนาญคือ ต้องมีเวลารับราชการตั้งแต่ 10 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ขอออกจากราชการโดยไม่มีความผิด และอีกข้อย่อยว่า ลาออกจากราชการเมื่ออายุครบ 50 ปีบริบูรณ์ ข้อนี้แหละครับที่ผมขีดเส้นใต้ไปยื่นเจ้าหน้าที่การเงินจึงได้รับการพิจารณา สรุปว่าเกณฑ์ที่ผมได้บำนาญคือรับราชการเกิน 10 ปี และอายุตัวเกิน 50 ปี ก็ได้บำนาญน้อยหน่อยแต่พออยู่ได้ เกณฑ์พิจารณาข้อนี้หลายคนมองข้าม จึงคิดว่าต้องทำงานครบ 25 ปีจึงได้บำนาญ”
เขาถอนหายใจแต่ยิ้มพูดว่า “ผมยึดหลักกินอยู่พอเพียง พออิ่มพออยู่กับสังคมได้ ก็วันนี้ต้องกระเสือกกระสนไปงานเลี้ยงเกษียณรุ่นพี่ที่เคยทำงานแต่เป็นรุ่นน้องที่ได้รับบำนาญ คุณคุยกับใครได้เลยนะ ทำงานครบ 10 ปี อายุครบ 50 ขอรับบำนาญได้ เผื่อจะได้พบกับเกษมกระสัน เอ๊ย ขอโทษ เกษมศานต์ ชีวิตอิสระ จอดให้คนแก่ลงหน่อย ขอบคุณ!”
เอกสาร : หลักเกณฑ์ สิทธิบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กรมบัญชีกลาง