อีกมุมหนึ่งของโลกโซเชียล

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07098010958&srcday=2015-09-01&search=no

วันที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 380

ก่อนปิดร้าน

วิมล ตัน Monmati13@yahoo.com

อีกมุมหนึ่งของโลกโซเชียล

มีประเด็นเรื่อง “การตั้งราคาสินค้า” ที่อยากจะแชร์ความคิดแชร์ความรู้สึกกันสักหน่อย!!

ด้วยบังเอิญติดตามภาวะการซื้อขายสินค้าในโลกออนไลน์ ซึ่งต้องถือว่า กำลังฮอตฮิตมาแรงที่สุด ณ พ.ศ. นี้ ขนาดอาซิ้ม อาเจ็ก ที่เปิดร้านขายของมาหลายสิบปี ยังต้องทันสมัยเพิ่มช่องทางขายผ่านเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ตามคำชี้แนะของลูกหลาน ไม่งั้นสภาพการขายยิ่งสาละวันเตี้ยลง เจอแต่ลูกค้าหน้าเก่าๆ เพราะหน้าใหม่ๆ หันไปสั่งซื้อ ช็อปผ่านมือถือกันส่วนใหญ่ แถมเจอเซ็งลี้ในช่วงนี้ที่ไม่ฮ้อเอาซะเลย ยิ่งกลุ้มไม่ทำอะไรสักอย่างไม่ได้แล้ว

แต่ที่อดรนทนไม่ไหว ก็เพราะสังเกตเห็นราคาสินค้าที่ขายผ่านออนไลน์ โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นอาหารการกินทั้งหลาย ไฉนราคาถึงได้อัพเพิ่มขึ้น แพงกว่าวางขายหน้าร้าน 1-2 เท่าตัว จริงอยู่ที่การสั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ จะต้องบวกค่าส่งสินค้า ค่าแพ็กเกจจิ้งเข้าไปด้วย ซึ่งเข้าใจว่า ค่าขนส่งปัจจุบันเท่าที่เห็น จะบวกเพิ่มอีก 80-150 บาท ต่อเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่า ลูกค้าเป็นผู้จ่าย

นั่นเป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่ที่ไม่เข้าใจเลยก็คือ สินค้าชิ้นเดียวกัน หน้าตาแบบเดียวกันเป๊ะ ไปซื้อถึงร้าน แหล่งต้นกำเนิด กลับราคาถูกกว่า หรือจะเป็นเพราะบรรจุภัณฑ์ แพ็จเกจจิ้งที่ใช้ ซึ่งส่วนมากจะเป็นกล่องพลาสติกหน้าตาดูดี มีช่องใส่อาหารหลายช่อง ปิดผนึกแน่น ไม่หกเลอะเทอะระหว่างการจัดส่ง ซึ่งปัจจุบันจะเป็นกล่องพลาสติกที่ต้องผลิตขึ้นมารองรับเพื่อการนี้โดยเฉพาะ อาจมีราคากล่องเพิ่มขึ้น อย่างมากก็ 10-20 บาท แต่ราคาสินค้าที่ตั้งขายสูงกว่าราคาท้องตลาดทั่วไปมาก

ยกตัวอย่างเช่น ขนมจีนน้ำยาปู ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ ราคาทานที่ร้าน อาจจะชุดละ 200 บาท แต่ที่เคยเสิร์ชดู ราคาขายในเฟซ สูงถึงชุดละ 380 บาท แม้จะมีการโฆษณาให้เห็นภาพปูเป็นก้อนๆ แต่ก็ยังแพงอยู่ดี หรือล่าสุด กรณีขนมหวานไทยๆ จำพวกกล้วยเชื่อม เปียกปูน ลูกชุบเป็ด (กำลังเห่อและแห่ทำขายกันเต็มหน้าเว็บ) ซึ่งเทรนด์สุดๆ แม้กระทั่งยักษ์ใหญ่ซีพี ยังออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นขนมไทยขายกะเขาด้วย กรณีนี้เจอมากับตัว เป็นร้านขนมที่ขายในเว็บ แต่ไปออกงานอีเว้นต์ที่ห้างแห่งหนึ่ง อุตส่าห์ลงทุนตามไปดูกับตาว่า หน้าตาขนมน่ากินอย่างที่เห็นในเว็บหรือไม่ ซึ่งต้องยอมรับว่า แพ็กเกจจิ้ง การตกแต่งขนมสอบผ่าน แต่ที่อึ้งไปเลยก็คือ ราคาขายกล้วยเชื่อมใส่กล่องพลาสติก จำนวนประมาณ 8-10 ชิ้น หากไปซื้อที่ร้านขนมของป้าอะไรสักคนในตลาดทั่วไป ราคาจะประมาณถุงละ 15-20 บาท แต่แม่ค้าสาวสวย แต่งตัวดีมาก เข้าใจว่า น่าจะเป็นดารานักแสดงประกอบที่คุ้นหน้าพอสมควร ตั้งราคาขายกล้วยเชื่อมที่ว่านี้ ถึงกล่องละ 165 บาท!!

ขณะที่ขนมอีกกล่องข้างๆ กันคือ ข้าวเหนียวแก้ว ในกล่องไซซ์เดียวกัน มีข้าวเหนียวแก้วอยู่ในถ้วยขนาดถ้วยน้ำพริก ประมาณ 5 ถ้วย ราคาขายปาเข้าไป 250 บาท อารมณ์แรกคือ ตกใจกับราคาที่ได้ยิน พอถามว่า ทำไมแพงจัง ได้คำตอบจากสาวสวยเจ้าของขนมว่า “ใช้เวลาทำนาน”

มึนกับคำตอบ แต่ไม่เป็นไร กัดฟันซื้อมาลองชิมดู แม้จะแพงหูฉี่ ปรากฏว่า ผิดหวังเต็มเปา ป้าที่ตลาด แม้จะแก่ หน้าตาเหี่ยวย่น ไม่ค่อยเจริญหูเจริญตา แต่ประสบการณ์ที่สั่งสมมา ทำให้ขนมถุงละ 15-20 บาท อร่อยล้ำกว่ามาก

ถึงได้สงสัยเต็มประดาว่า ขณะที่กระแสขายผ่านออนไลน์มาแรง ติดลมบน ชนิดที่ว่า อะไรๆ ก็ขายได้ มันจะแรงจนกระทั่งคนซื้อไม่สนใจเรื่องราคาแพงเลยหรือ หรือว่าโลกโซเชียลมีอิทธิพลมากมายมหาศาล หรือลูกค้าผู้บริโภคยุคปัจจุบันนิยมความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว เห็นแค่ภาพโฆษณาในเว็บก็คลิกสั่งซื้อได้อย่างง่ายดาย โดยไม่มีปัจจัยเรื่องราคา รสชาติ หรือคุณภาพของสินค้าเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจกระนั้นหรือ

เป็นคำถามที่คงต้องให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์!!

Leave a comment