แผ่นยางสนามฟุตซอล-ถุงมือ เพิ่มมูลค่าน้ำยางพารา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07034010958&srcday=2015-09-01&search=no

วันที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 380

ช่องทางสร้างอาชีพ

ดวงกมล

แผ่นยางสนามฟุตซอล-ถุงมือ เพิ่มมูลค่าน้ำยางพารา

รู้กันดีว่า “ยางพารา” เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ แถมยังสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างมหาศาล แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่ชาวสวนยางต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ “ปัญหาราคา” ที่ผันผวน ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกยางต้องดิ้นรนหาทางออก บางรายก็ขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ บางส่วนก็หันไปแปรรูปเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์ยางประเภทต่างๆ

เมื่อไม่นานมานี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) พาสื่อมวลชนเยี่ยมชมความสำเร็จโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางที่ชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยาง จังหวัดสตูล ตามโครงการส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราผู้ประกอบการภาคใต้ โดยมี ดร.อดิทัต วะสีนนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 11 จังหวัดสงขลา กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยางพาราว่า ประเทศไทยผลิตยางพารามากเป็นอันดับ 1 ของโลก ผลิตยางพาราได้เฉลี่ย 4.2 ล้านตัน ต่อปี จัดเป็นผู้ผลิตยางพาราอันดับ 1 ของโลก เป็นยางพาราที่ผลิตจากภาคใต้ 1.63 ล้านตัน โดยร้อยละ 87 นำมาแปรรูปขั้นต้นเพื่อจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ มีมูลค่า 2 แสนล้านบาท ขณะที่ร้อยละ 13 แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีมูลค่า 2 แสนล้านบาท

จากสถานการณ์ดังกล่าว ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ชี้ให้เห็นว่า หากผู้ประกอบการไทยสามารถเพิ่มสัดส่วนการผลิตและส่งออกยางพาราแปรรูปได้มากขึ้น ก็จะสามารถทำรายได้เข้าสู่ประเทศได้เพิ่มมากขึ้น กสอ. มีนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากการแปรรูปยางพาราขั้นต้นเป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปและสำเร็จรูป เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและเพิ่มยอดขาย อาทิ แผ่นยางปูสนามฟุตซอล ถุงมือผ้าเคลือบยางพารา ท่อยางสำหรับใช้ในการผลิต และอุปกรณ์ช่วยสอนทางการแพทย์ เป็นต้น

16 ชุมนุมสหกรณ์สตูล

รวมตัวผลิตแผ่นยาง

สำหรับ ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย คือ คุณชำนาญ เมฆตรง เป็นอีกหนึ่งชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการกับทางภาครัฐ หวังหาทางออกปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ด้วยการแปรรูปยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์พื้นสนามฟุตซอล ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการร่วมด้วย

“วิกฤตราคายางตกต่ำ ทำให้ชาวสวนยางต้องปรับตัว ซึ่งผมตัดสินใจเลือกแปรรูปเป็นพื้นสนามฟุตซอล เพราะมองว่าตลาดนี้มีอนาคต เพราะเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างสนามหญ้าเทียม ถือว่าแข่งกันได้ โดยพื้นยางพารา ตารางเมตรละ 1,500-1,700 บาท ส่วนพื้นหญ้าเทียม ตารางเมตรละประมาณ 1,800 บาท ขณะที่อนาคตก็สามารถขยายตลาดไปปูพื้นโรงพยาบาล หรือสนามเด็กเล่นก็ได้”

สำหรับโรงงานแปรรูปยางพาราเป็นยางแผ่นปูสนามฟุตซอลนั้น เกิดขึ้นจากราคายางพาราตกต่ำ ชุมนุมสหกรณ์สตูลจึงรวมตัวกัน 16 สหกรณ์ เพื่อระดมเงินทุนแปรรูปยางพาราเป็นยางแผ่นปูสนามฟุตซอล ซึ่งในปี 58 ทาง ศอ.บต. สั่งซื้อ 50 สนาม นอกจากนี้ กลุ่มเป้าหมายยังมีสนามเด็กเล่น และ โรงพยาบาล ซึ่งเป็นการนำยางแผ่นมาผสมสารเคมีและแปรรูปทำเป็นพื้นที่มีความยืดหยุ่นสูง มีความทนทานอย่างน้อย 10 ปี เป็นการเพิ่มมูลค่ายางพาราที่มีอยู่

คุณชำนาญ เล่าต่อว่า ชุมนุมสหกรณ์สตูล 16 สหกรณ์ แต่ละปีมีน้ำยางพารา 3 ล้านกิโลกรัม เมื่อเจอวิกฤตราคายางตกต่ำ จึงหาทางรอดด้วยวิธีแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่ายาง เแรกๆ อัดก้อนยางเป็นยางลูกขุนส่งออกไปจีน ต่อมามีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ มาช่วยเหลือเรื่องความรู้และเทคโนโลยี เลยสนใจผลิตแผ่นยางปูพื้นสนามฟุตซอลเพราะเห็นว่าตลาดนี้มีอนาคต

“ผมคิดว่า การนำยางพารามาแปรรูปเป็นแผ่นพื้นสนามฟุตซอล ยังมีโอกาสเติบโตในตลาดได้อีกมาก ซึ่งคุณสมบัติของแผ่นยางปูสนามฟุตซอล มีความยืดหยุ่นสูง แข็งแรง ปลอดภัย ลูกบอลเด้งพื้น และราคาไม่สูงจนเกินไปนัก หากเทียบกับสนามหญ้าเทียม ขณะนี้มีออร์เดอร์ของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน กลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล โรงเรียนนำไปทำสนามเด็กเล่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กลุ่มผู้สูงอายุ สามารถเพิ่มมูลค่าน้ำยางดิบได้หลายเท่าตัว”

แม้ขณะนี้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ออร์เดอร์ก็มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เลยเกิดปัญหากำลังการผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ

ประธานชุมนุมสหกรณ์ บอกว่า ปัจจุบัน ชุมนุมสหกรณ์สตูลผลิตแผ่นยางได้เพียงวันละ 50 ตารางเมตรเท่านั้น จึงได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 11 เข้ามาดูแลตั้งแต่ระยะเริ่มแรก โดยให้การสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์เพื่อควบคุมระบบการผลิต เครื่องโม่ และเครื่องอัดยาง เพื่อรองรับยอดการสั่งซื้อในอนาคต

“ขณะนี้ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น กำลังการผลิตค่อนข้างจำกัด ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ทาง กสอ. จึงให้การสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ให้มีศักยภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้นรองรับยอดการสั่งซื้อได้”

เพิ่มมูลค่ายางได้ 5 เท่าตัว

ผลิตปีละ 2 หมื่นคู่ ส่งออก AEC

ขณะเดียวกัน ก็ยังมีภาคเอกชนอีกรายที่นำยางพารามาผลิตถุงมือผ้าเคลือบยางพารา เจ้าของกิจการ ชื่อ คุณคุณัญญา แก้วหนู หรือ คุณตู่ ผู้บริหาร บริษัท 42 เนอเจอรัลรับเบอร์ จำกัด จังหวัดสงขลา

คุณตู่ บอกว่า บริษัทก่อตั้งเมื่อปี 2551 เดิมรับซื้อน้ำยางสดมาแปรรูปเป็นยางแผ่นดิบส่งตามโรงงาน ทว่าประสบปัญหาราคายางผันผวนมาโดยตลอด เลยเพิ่มมูลค่ายางพาราด้วยการหันมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ถุงมือผ้าเคลือบยางพารา โดยมี รศ.อาซีซัน แกสมาน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยางพารา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตปัตตานี ช่วยพัฒนาทั้งกระบวนการ

“ดิฉันได้แรงบันดาลใจมาจาก ได้เห็นถุงผ้าเคลือบยางพาราจากประเทศไต้หวัน เลยลองผิดลองถูกมาทำถุงมือ ใช้เวลาพัฒนาสินค้าและทดสอบราว 1 ปี จุดเด่นคือ กันลื่น กันน้ำ ใช้ได้ราว 300,000 ครั้ง สามารถกันการทะลุของเข็มขนาด 4 มิลลิเมตรได้ ตอบโจทย์บรรดาเกษตรกรที่ต้องการถุงมือจับถนัด และทนทาน”

สำหรับกรรมวิธีผลิตถุงมือผ้าเคลือบยางพารา เจ้าของกิจการจะซื้อถุงมือผ้าสำเร็จรูป จากนั้นนำมาเคลือบด้วยยางพาราสูตรเฉพาะที่คิดค้นขึ้นเอง โดยจะบ่มน้ำยางพาราข้น 60 เปอร์เซ็นต์ กับสารเคมี นาน 16 ชั่วโมง จากนั้นเทลงแม่พิมพ์ นำไปอบด้วยอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 45 นาที เพื่อให้น้ำยางเซตตัว จากนั้นนำไปล้าง และผึ่งด้วยลมร้อน ขั้นตอนสุดท้ายนำไปเคลือบบนถุงมือ

วิธีการเพิ่มมูลค่ายางพาราดังกล่าว เจ้าของกิจการ บอกว่า สามารถเพิ่มมูลค่าได้เกือบ 5 เท่าตัว ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตถุงมือปีละ 20,000 คู่ ทำการตลาดด้วยการออกบู๊ธ ร่วมงานแฟร์กับภาครัฐ และมีตัวแทนจำหน่าย มีส่งออกไปที่ประเทศออสเตรเลียบ้าง ตามมาด้วย อิหร่าน และตุรกี

เจ้าของกิจการ บอกต่อว่า บริษัท 42 เนอเจอรัลรับเบอร์ จำกัด ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือผ้าเคลือบยางพาราในปี 2555 ปัจจุบัน น้ำยางพารารับซื้อจากชาวสวนยางและปลูกเองในจังหวัดสตูล เฉลี่ยวันละ 500-1,000 กิโลกรัม แรงงานหลักเป็นกลุ่มแม่บ้านราว 7-8 คน

นอกจาก ถุงมือผ้าเคลือบยางพารา ทางบริษัทดังกล่าวยังมีสินค้าที่ทำจากยางพารา อาทิ ที่บีบมือ ไว้บริหารข้อมือกันนิ้วล็อก เบาะรองนั่ง เบาะรองหลัง และที่นอน

Leave a comment