ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07032010958&srcday=2015-09-01&search=no
| วันที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 380 |
ช่องทางสร้างอาชีพ
มีนา
“WALRUS” บ้าน DIY สร้างง่าย เสร็จเร็ว
เติบโตอยู่ในธุรกิจวัสดุก่อสร้างมานานกว่า 30 ปี แต่ต้องประสบปัญหาโมเดิร์นเทรดรุกตลาดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กิจการเริ่มสั่นคลอน ธุรกิจที่เคยรุ่งเรือง จึงเริ่มร่วงโรย ในทัศนะของ คุณพงษ์ธร ปัทมจินตธำรง จึงเลือกที่จะหยุดกิจการ แล้วหันมาสร้างหนทางสู่อาชีพใหม่ และนี่จึงเป็นที่มาของการผลิตวัสดุก่อสร้างที่สามารถนำมาสร้างบ้านได้ด้วยระยะเวลาอันรวดเร็ว
วัสดุที่ว่านี้คือ “ผนังสำเร็จรูป” นวัตกรรมที่คนไทยมีโอกาสสร้างบ้านได้โดย ไม่ต้องรอเวลา ไม่ต้องมีเงินหนา และไม่ต้องง้อช่าง
โมเดิร์นเทรดรุก
ปลุกสินค้าใหม่
ทั้งนี้ คุณพงษ์ธร กล่าวถึงความเป็นมาในการก้าวสู่ธุรกิจ กับการเปิด บริษัท วอลรัส โฮม จำกัด ว่า
“ธุรกิจของครอบครัวเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้างอยู่จังหวัดราชบุรี โดยขายสินค้าทั้งปลีกและส่งมากว่า 30 ปีแล้ว โดยผมเข้ามารับช่วงต่อกิจการเมื่อปี 2546 ถือเป็นรุ่นที่ 3 โดยรับผิดชอบการดูแลสาขาแห่งหนึ่งของธุรกิจ แต่ทว่าช่วงที่ก้าวเข้ามาดูแล ภาวะการแข่งขันเริ่มรุนแรง ร้านวัสดุก่อสร้างจะประสบปัญหากันหมด อย่างเพื่อนหุ้นส่วน (คุณณัฏฐพัชร์ คุณัชญ์วุฒิกุล) ที่เปิดธุรกิจค้าไม้ก็เจอปัญหาวัสดุทดแทน อย่างไม้เทียม ตอนนั้นเราจึงเหมือนกำลังดิ่งลง
อีกปัญหาหนึ่งที่ถือเป็นปัญหาใหญ่คือ โมเดิร์นเทรดขายวัสดุก่อสร้างเริ่มเข้ามา และเปิดกันเร็วมาก อำนาจการต่อรองเขาสูง ต้นทุนสินค้าจึงต่ำ ทำให้เราไม่สามารถแข่งขันได้ ยอดขายจึงลดฮวบ จากปีละ 80 ล้านบาท เหลือ 35 ล้านบาท และไหนจะเจอภาวะค่าแรง 300 บาท”
ฉะนั้น การสร้างบ้านแต่ละหลัง ผู้รับเหมา หรือเจ้าของบ้าน จึงเริ่มหันมามองถึงการลดต้นทุนในส่วนของวัสดุก่อสร้าง เพื่อชดเชยค่าแรงที่ต้องจ่ายเพิ่ม
“ผมในฐานะผู้ค้าขายวัสดุก่อสร้าง ก็ย่อมเจอผลกระทบ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ไม่ดีแน่ แต่มีหลายคนที่อยู่ในเส้นทางเดียวกัน ใช้วิธีกู้เงินมาลงทุนเพื่อปรับปรุงหน้าตาของร้านให้ทันสมัย หวังแข่งกับโมเดิร์นเทรด แต่ผมว่า นี่คือกับดักทางธุรกิจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ลูกค้าไม่ได้ซื้อความสวยแต่ซื้อเพราะถูก ผมจึงมองว่าธุรกิจนี้คงเดินต่อลำบาก เพราะคนที่เข้มแข็งก็ย่อมอยู่ในตลาด”
นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนให้คุณพงษ์ธร คิดหาทางสร้างอาชีพอื่นแทนที่ โดยร่วมหุ้นกับเพื่อน 4 คน เปิดบริษัท วอลรัส โฮม จำกัด ซึ่งมีสินค้านวัตกรรม ได้แก่ “ผนังฉนวนสำเร็จรูป”
“คนที่ต้องการบ้าน 1 หลัง ถามว่าต้องการ อิฐ หิน ปูน ทราย จากเราหรือเปล่า คำตอบอาจไม่ต้องการ แต่สิ่งที่เขาต้องการคือ บ้าน ผมจึงคุยกับหุ้นส่วนว่า ฉะนั้น บ้านที่จะตอบโจทย์ลูกค้าควรเป็น กึ่งสำเร็จรูป นั่นหมายถึง เมื่อลูกค้าต้องการบ้าน ก็ขายบ้านให้เขาไปเลย ถือว่าหนีจากปัญหาค่าแรง ซึ่งตอนแรกเราคิดถึงการประกอบเอง เป็นงาน DIY ที่ลูกค้าสามารถนำไปทำเองได้ ด้วยระบบสร้างบ้านที่เรียกว่า PRE-FAB (Prefabricated Building System ระบบการก่อสร้างที่วางแผนการสร้างไว้ล่วงหน้า โดยลดขั้นตอน เพื่อให้การทำงานเร็วขึ้น) แต่ด้วยเพราะลูกค้ายังไม่คุ้นเคย เราจึงต้องปรับให้มีทีมช่างไว้รองรับก่อน”
ตอบความทันสมัย
ปลอดภัย เร็ว รัก(ษ์)โลก
คุณพงษ์ธร ยังกล่าวถึงจุดแข็งกับการก้าวสู่ธุรกิจนี้ โดยอาศัยการคลุกคลีอยู่ในวงการวัสดุก่อสร้าง ควบคู่กับมองเทรนด์สร้างบ้านทั่วโลก มุ่งตรงไปที่ความสะดวกรวดเร็ว แข็งแรงปลอดภัย ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น แนวคิดธุรกิจใหม่จึงมุ่งตรงตอบเทรนด์ดังกล่าว
สำหรับการวิจัยและพัฒนาสินค้ากว่าจะมาเป็น ผนังฉนวนสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ตนเอง ต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี โดยหมดงบการลงทุนเบื้องต้นไปกว่า 10 ล้านบาท มีส่วนประกอบหลักของโฟม EPS ที่มีความหนาแน่นสูง ป้องกันไฟลาม คงทน ส่วนผิวนอกเคลือบด้วยซีเมนต์เสริมแรง ป้องกันปลวกแมลง ทนต่อฝน และอากาศที่ร้อนจัด
ส่วนน้ำหนักเบากว่าการก่อสร้างด้วยวิธีก่ออิฐฉาบปูน 5-14 เท่า (ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุอิฐนำมาใช้ก่อสร้าง) หรือเท่ากับ 25 กิโลกรัม ต่อตารางเมตร จึงตัดปัญหาเรื่องแรงงานการขนย้าย เพราะช่วยให้ง่ายและรวดเร็วต่อการทำงาน
คุณพงษ์ธร ยังกล่าวถึงข้อดีของระบบการสร้างบ้านด้วยวิธีนี้ว่า สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน “หากชีวิตเพิ่งเริ่มต้นการแต่งงาน อยู่แค่ 2 คน เขาต้องการบ้าน ฉะนั้น แม้มีเงินไม่มาก ก็สามารถนำมาสร้างบ้านในรูปแบบนี้ได้ แต่เมื่อถึงคราวต้องการขยับขยายเนื่องด้วยสมาชิกเพิ่มขึ้นก็สามารถต่อเติมได้ตลอด โดยไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างบ้านเดิม”
ผู้ประกอบการเจ้าของความคิด ยังกล่าวอีกว่า “การสร้างบ้านของ วอลรัส คือการนำฟังก์ชั่นของผู้ซื้อมาเป็นหัวใจในการขาย รวมไปถึงกำหนดให้ประตูหน้าต่างอยู่ในทิศทางแสงลมตามสภาพพื้นที่ติดตั้งจริง “เหมือนกับการตัดชุด ที่เราทำหน้าที่เป็นช่าง ต้องตัดให้พอดีกับลูกค้า วัสดุของเราเป็นได้ทุกส่วนของตัวบ้าน ไม่ว่าจะ พื้น ผนัง หลังคา โดยขณะนี้ออกแบบต้นแบบบ้านให้ลูกค้าเลือก 6 รูปแบบ เราเรียกการประกอบบ้านแบบนี้ว่า MODULE ซึ่งนวัตกรรมนี้เกิดขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ยังไม่แพร่หลาย”
จากจุดเริ่มต้นต้องการให้การสร้างบ้านเป็นเรื่องง่าย ผู้อยู่อาศัยสามารถนำไปประกอบใช้ได้เอง เป็นงาน DIY เช่นเดียวกับในต่างประเทศ จึงคิดกำหนดการขายตัววัสดุผนังสำเร็จรูปเป็นหลัก แต่ด้วยคนไทยและรวมถึงชาวเอเชียไม่ชอบใช้เครื่องมือ ไม่ชอบศึกษารายละเอียด กลัวว่าจะผิดพลาด และยังติดยึดต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ฉะนั้น วอลรัส จึงมีทีมช่างรับเหมาก่อสร้างไว้รองรับ แต่ทว่าหากทำตลาดจนเป็นที่รู้จักแล้ว อนาคตวางแผนจำหน่ายในส่วนของวัสดุอุปกรณ์อย่างเดียว
ทำงานได้ง่าย
ไม่กี่นาทีเสร็จ
แม้ระบบการสร้างบ้านของวอลรัสจะเป็นนวัตกรรมที่ผู้รับเหมา หรือผู้ก่อสร้างบ้าน ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่กับกระบวนการติดตั้งไม่ยุ่งยาก “เจตนาของเราคือทำไว้รองรับเจ้าของบ้านที่จะสร้างบ้านด้วยตัวเอง ฉะนั้น การทำงานจะง่ายมาก ผมเคยไปสอนเด็ก ป.4 ให้สร้าง เขาก็ยังทำได้ แต่อย่างได้บอกครับ คนไทยส่วนใหญ่ไม่ถนัดการใช้เครื่องมือช่าง แต่ในอนาคตเมื่อค่าแรงสูงไปกว่านี้ ถึงวันนั้นผมว่าคนไทยจะหันมาทำอะไรเองมากขึ้น”
สำหรับขนาดของผนังสำเร็จรูป 1.20×3 เมตร ความหนามาตรฐาน 10 เซนติเมตร ส่วนการนำมาประกอบสามารถทำได้ง่าย ให้ได้ขนาดบ้านกว้างใหญ่ตามความต้องการ ในส่วนของความแข็งแรง จากการทดสอบสถาบันยานยนต์ เรียกว่าทดสอบแรงเฉือน สามารถรับน้ำหนักต่อจุดได้กว่า 1.5 ตัน ต่อตารางเมตร และกับความแข็งแรงนี้สามารถรับปัญหาการเกิดแผ่นดินไหว และน้ำท่วมได้ อีกทั้งยังลดความร้อนจากภายนอกได้ราว 10 องศาเซลเซียส
“ผนังของวอลรัสจะเหมาะกับการสร้างที่อยู่อาศัย แต่ว่ามีผู้นำไปสร้างตึก 5 ชั้น แต่ว่าเขาจะขึ้นโครงสร้างไว้ก่อน แล้วนำผนังไปเป็นวัสดุ ซึ่งนี่ก็ถือว่าตอบโจทย์อาคาร คอนโดมิเนียม งานต่อเติมต่างๆ เพราะจะช่วยประหยัดพลังงานด้วย”
สำหรับการติดตั้ง คุณพงษ์ธร ว่า จะเริ่มต้นสร้างโครงจากเหล็กเป็นตัวรางก่อน เพื่อเสริมความแข็งแรง จากนั้น จึงนำผนังสำเร็จรูปสไลด์ติดตั้งตามรางเหล็กประกบติดง่ายดาย เพราะแต่ละแผ่นออกแบบให้มีสลักเชื่อมต่อกันได้ ซึ่งกับนวัตกรรมนี้ได้จดสิทธิบัตรด้านการประกอบไว้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนระยะเวลาติดตั้งก็รวดเร็ว อาจใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง จนถึงราว 7 วัน สำหรับบ้านทั่วไป ซึ่งถือว่าประหยัดเวลากว่าการสร้างบ้านในรูปแบบเดิมๆ หลายเท่า
ต่อเมื่อสอบถามถึงราคาวัสดุ คุณพงษ์ธร ว่า โดยเฉลี่ย 12,000-15,000 กว่าบาท ต่อตารางเมตร ซึ่งเมื่อเทียบกับการก่อสร้างในระบบเดิม อาจเทียบเท่า หรือสูงกว่าไม่มากนัก แต่สิ่งที่ประหยัดกว่าแน่นอนคือส่วนของค่าแรงช่าง และเวลา
กับกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมาย ผู้ประกอบการหัวคิดทันสมัยวางไว้ ได้แก่ เจ้าของบ้านที่มีที่ดินอยู่ในต่างจังหวัด ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ จะมุ่งเน้นกลุ่มต่อเติมที่พักอาศัยเดิม นอกจากนี้ ยังมุ่งไปถึงกลุ่มผู้ประกอบการรีสอร์ต ร้านอาหาร ร้านกาแฟ
“เปิดธุรกิจมาได้ 2 ปี ถ้าพูดถึงรายได้ต้องบอกว่าตอนนี้ยังไม่มาก และกลุ่มผู้ซื้อยังอยู่ในระดับบน คนที่ต้องมีความเข้าใจพอสมควร เราจึงต้องให้ข้อมูล อยู่ในช่วงสร้างการรับรู้ เพราะนี่คือนวัตกรรม โดยเข้าไปเจาะตามพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นหลัก ส่วนกรุงเทพฯ อาศัยเพื่อนพ้องช่วยเป็นกระบอกเสียง ในขณะเดียวกัน ก็วางแผนสู่การออกงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวกับบ้าน โดยจุดมุ่งหมายคือเราอยากให้คนไทยและหมายรวมถึงตลาดอาเซียน มีความมั่นคงในชีวิต ซึ่งถ้ารุ่นเราสามารถมีบ้านได้ ต่อไปในรุ่นลูกก็ไม่ต้องมานั่งผ่อนบ้าน”
สนใจติดต่อ บริษัท วอลรัส โฮม จำกัด เลขที่ 88/146 หมู่ 6 ถนนนครอินทร์ ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (081) 870-4706, (080) 222-4114