ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07023150958&srcday=2015-09-15&search=no
| วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 381 |
รายงานพิเศษ
อันติกา
“ข้าวต้มสุขภาพ” ราคานักศึกษาจ่าย
“การขายอาหารราคาถูก จะมานั่งคิดกำไรต่อจานไม่ได้ แต่ถ้าขายได้ 10 จาน จานที่ 10 จะมีกำไร และด้วยจำนวนที่ขายวันหนึ่งเป็นร้อยๆ จาน ทำให้กำไรยังคงเหลือ”
ผู้คนย่านท่าพระจันทร์คงคุ้นเคยกันดีกับร้าน “ข้าวต้มสุขภาพ” ซึ่งตั้งอยู่ติดกำแพงด้านหลังวัดมหาธาตุ ถนนมหาราช และเชื่อว่าจำนวนไม่น้อยคงได้ลิ้มรสข้าวต้มร้อนๆ กันมาแล้ว
ร้านนี้มีจุดเด่นดึงดูดลูกค้าได้ดีกับราคาขาย ข้าวต้มถ้วยละ 5 บาท กับข้าวจานละ 20 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ใครเห็นแล้วสะดุดตา จนต้องนำพาตัวเองเข้าไปลิ้มรส
20 บาท จัดไว้
เอาใจนักศึกษา
เจ้าของร้านคือ คุณจิรภัทร สุเนตร์ และ คุณกุลิสรา แย้มอุทัย สองแม่ลูกที่เลือกอยู่บนเส้นทางค้าขายอย่างมีความสุข
คุณจิรภัทร เล่าให้ฟังว่า การค้าขายอาหารเป็นอาชีพที่ทำมานานนับสิบปี โดยเริ่มต้นกับการขายข้าวแกงอยู่ย่านบางใหญ่ซิตี้ แต่ขายได้ 2 ปีก็ขอหยุด เพราะขายดีจนทำไม่ทัน แต่ผลกำไรได้ไม่คุ้มค่าจ้างลูกน้อง แต่นั้นมา คุณจิรภัทรจึงเปลี่ยนมาขายห่อหมกปลาช่อน โดยไปได้ทำเลย่านศาลายา แต่ทว่าค้าขายได้ 3 ปี สามีที่คอยขับรถรับส่งเสียชีวิต กิจการนี้จึงต้องหยุดไป
ความขยันมุ่งมั่นกับอาชีพค้าขายยังคงดำเนินต่อ เพียงแต่ต้องเลือกทำเลที่สามารถเดินทางไปมาได้สะดวก จวบจนได้ทำเลย่านท่าพระจันทร์แห่งนี้ ซึ่งมีพื้นที่ให้ค้าขาย โดยไม่เรียกเก็บค่าเช่า เพียงรับผิดชอบค่าน้ำค่าไฟ คุณจิรภัทรจึงจูงมือบุตรสาว เข้ามาลงทุนเปิดร้าน “ข้าวต้มสุขภาพ” โดยมีเมนูกับข้าวให้ลูกค้าเลือกแบบละลานตา ในราคาเมนูละ 10 บาท
“เริ่มต้นเปิดก็มีกับข้าวให้ลูกค้าเลือกทั้งหมดประมาณ 40 เมนู โดยตอนนั้นขายแค่จานละ 10 บาท เพราะวัตถุดิบราคายังไม่แพง ไข่ไก่ฟองละ 1 บาทเท่านั้น ขายราคานี้ได้ราว 5-6 ปี ก็ปรับมาเป็น 15 บาท และตอนนี้ขอปรับมาเป็น 20 บาท แต่ว่าไม่ได้เพิ่มแค่ราคา ปริมาณก็เพิ่มให้ด้วย”
กับราคาขายถูก ทำให้เกิดลูกค้าตามมาอย่างคึกคัก โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายหลักที่คุณจิรภัทรมองไว้ “เวลาขายสินค้าจะดูทำเล ดูกลุ่มเป้าหมายว่าเป็นใคร ซึ่งที่นี่หลักๆ คือ นักศึกษา เขายังไม่มีรายได้ การใช้เงินต้องประหยัด และเมนูข้าวต้มก็มองว่าจะตรงใจเขา”
นอกจากนักศึกษาแล้ว ยังมีกลุ่มวัยทำงานที่เดินทางมาอุดหนุนไม่ขาดช่วง หรือบางคนสะดวกซื้อกลับไปทานที่บ้าน ซึ่งคุณจิรภัทรก็ให้บริการใส่ถุงในราคา 20 บาทเช่นกัน
กำไรไม่ต้องมาก
คิดจากจำนวน
จำนวนที่นั่งจัดวางไว้ 25 โต๊ะ ทว่าในช่วงคึกคักตั้งแต่ 18.00 น. ขึ้นไปอาจไม่เพียงพอ “ลูกค้าเวลาหิว ก็ต้องการอาหารรวดเร็ว ซึ่งก็จะมีเมนูจัดปรุงไว้รอตักเสิร์ฟอย่างเดียว อย่างประเภทต้ม ส่วนเมนูไหนต้องทำสด อย่าง ผัดผัก จะลงมือทำให้ลูกค้าใหม่ๆ”
การขายข้าวต้ม มีข้อดีตรงจำนวนลูกค้ามาทาน ส่วนใหญ่ในลักษณะกลุ่ม ทำให้จำนวนโต๊ะจัดไว้บริการเต็มพื้นที่ได้ง่าย ส่วนจำนวนการสั่งซื้อสินค้าเฉลี่ยคนละ 2 จาน ในแต่ละวันจึงได้จำนวนยอดขายกับข้าวนับร้อยจาน หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 10,000 กว่าบาท แต่ทว่าเมื่อหักต้นทุนหมุนเวียนสำหรับซื้อวัตถุดิบวันละประมาณ 7,000 บาท ซึ่งคุณจิรภัทร ว่า คงเหลือกำไร 1,000 กว่าบาทก็เพียงพอแล้ว
คุณกุลิสรา กล่าวเสริมว่า “การขายอาหารราคาถูก จะมานั่งคิดกำไรต่อจานไม่ได้ แต่ถ้าขายได้ 10 จาน จานที่ 10 จะมีกำไร และด้วยจำนวนที่ขายวันหนึ่งเป็นร้อยๆ จาน ทำให้กำไรยังคงเหลือ”
หลายคนอาจมองว่า ขายอาหารถูก นั่นอาจหมายถึงวัตถุดิบไม่ดี ตรงนี้คุณจิรภัทร กล่าวว่า ถ้าพูดไปอาจดูเหมือนเข้าข้างตัวเอง ฉะนั้น จึงขอให้ลูกค้าเดินทางเข้ามาพิสูจน์ด้วยตัวเองสักครั้ง เพื่อให้เห็นกรรมวิธีการทำ และคุณภาพสินค้าที่เลือกนำมาใช้
หัวใจของการทำอาหารให้ได้ในราคาถูก นั่นหมายถึง การจัดการสต๊อกมีส่วนสำคัญ “ประสบการณ์ 20 ปี กับการลงมือปรุงเองทุกจาน ทำให้รู้ว่าวัตถุดิบต้องใช้แต่ละวันเท่าใด จัดการให้ของเหลือน้อยที่สุด อย่างถ้าเป็นเนื้อสัตว์ ตอนนั้นจะมีผู้ค้านำมาส่งให้ถึงหน้าร้าน แต่ถ้าอย่างผัก จะไปจ่ายตลาดด้วยตนเองทุกวัน ซึ่งพอเราลงมือทำอาหารเอง ส่งผลให้บริหารสต๊อกได้อย่างแม่นยำ”
คุณจิรภัทร ยังกล่าวถึงการปรุงรสอาหารด้วยตนเอง ทำให้ทุ่นค่าใช้จ่ายในการจ้างแม่ครัว อีกทั้งยังทำให้รสชาติอาหารมีความคงที่ สามารถควบคุมวัตถุดิบ ความสะอาด รสชาติ ปริมาณ ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเมื่อมีข้อผิดพลาดหรือปัญหาใดเกิดขึ้นก็สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที ด้วยเพราะเจ้าของร้านอยู่ดูแลทุกวัน
บ้าน รถ ซื้อได้
ใช้จ่ายประหยัด
ค่าเช่าพื้นที่ ดูจะเป็นปัญหาต้นทุนหลักส่งผลให้การค้าขายอาหารในราคาถูกเป็นไปได้ยาก แต่ทว่ากับทำเลที่ตั้งร้าน ข้าวต้มสุขภาพ ไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ มีเพียงค่าน้ำค่าไฟ จึงสามารถตัดต้นทุนในส่วนนี้ออกไปได้
“ทำเล สำคัญมาก ต้องเป็นแหล่งที่มีผู้คนพลุกพล่าน โดยผู้ค้าต้องดูกลุ่มเป้าหมาย เพื่อจะเลือกขายสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาด อย่างที่บอก ทำเลแห่งนี้ กลุ่มหลักคือนักศึกษา ราคาขายจึงไม่ควรแพง ให้เขารู้สึกถึงความคุ้มค่า และข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ เราไม่มีคู่แข่งทางตรงเลย” คุณกุลิสรา กล่าว
การบริหารจัดการเงิน ถือเป็นเรื่องสำคัญในการทำธุรกิจ และมีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบการ ซึ่งคุณจิรภัทรให้ข้อคิดในเรื่องนี้ว่า การขายสินค้าในราคาถูก แต่ให้มีกำไร และยั่งยืนนั้น ต้องรู้ต้นทุนในแต่ละวัน และรายรับที่เข้ามา นำส่วนของกำไรมาจัดแบ่งเป็นหมวด ว่าต้องนำไปใช้อะไรบ้าง โดยไม่ฟุ่มเฟือย
“เราขายสินค้าในราคาที่ส่งผลให้ได้กำไรน้อย แต่ว่าความไม่ฟุ่มเฟือย ทำให้มีวันนี้ มีบ้านมีรถ สำคัญคือ อย่าก่อหนี้สิน เพราะถ้าไม่มีหนี้ เราจะไม่เครียด ทำงานอย่างมีความสุข พอมีความสุข การแสดงออกต่อลูกค้าก็ดีตามไปด้วย อย่าลืมว่า แม้จะขายสินค้าราคาถูกและดี แต่ถ้าผู้ขายอัธยาศัยแย่ ก็ไปไม่รอด”
คุณจิรภัทร ยังฝากบอกถึงผู้ก้าวเข้ามาทำธุรกิจ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ หลายคนอาจไปไม่รอดบนเส้นทางสายนี้ เพราะคิดเรื่องเงินมากเกินไป ตั้งเป้าหมายอยู่กับผลกำไร และเมื่อต้องการกำไรมากก็จะลดคุณภาพวัตถุดิบ แต่ในขณะที่ผู้บริโภคเขาฉลาดพอในการเลือก ลูกค้าไม่พอใจกับอาหารถูกแต่คุณภาพต่ำ ฉะนั้น ขอให้หันกลับมามองที่คุณภาพ ราคาสมเหตุสมผล บริการด้วยใจ เพราะถ้าลูกค้าประทับใจแล้ว นอกจากจะกลับมาซื้อซ้ำ ยังเชิญชวนผู้อื่นเข้ามาอีกด้วย
สนใจเดินทางไปร้าน “ข้าวต้มสุขภาพ” ตั้งอยู่ ถนนมหาราช ติดกำแพงด้านหลังวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ หรือโทรศัพท์ (080) 993-1149, (084) 108-8686 โดยร้านจะเปิดให้บริการ วันอังคาร-เสาร์ เวลา 17.00-22.00 น.