ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07089150958&srcday=2015-09-15&search=no
| วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 381 |
เก็บตกจาก “แท็กซี่ กูรู”
TAXI MASTER
พฤติกรรมสงฆ์ ปลงกรรม พฤติธรรมวินัย
ในโลกดิจิตอล ออนไลน์ สำหรับสังคมที่มือไม่ว่างเพราะต้องมี “มือถือ” ติดตัว ยุคพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง แต่ก่อนเรามักจะพูดว่าจะไปไหนก็โบกแท็กซี่ หมายถึง โบกมือเรียกแท็กซี่ แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นกดเรียกแท็กซี่ เพราะช่วงนี้มี “แอพสายด่วน” ให้ดาวน์โหลดฟรี เพื่อใช้เป็นตัวเลือกสำหรับโทรศัพท์เรียกใช้บริการแท็กซี่ ในเขตที่สัญญาณ GPS ไปถึง โดยเพิ่มค่าโดยสารอีก 20 บาท สำหรับผู้ที่สะดวกด้านเศรษฐกิจก็คิดว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไม่ต้องไปยืนโบกข้างฟุตปาธ มีให้เลือกเรียกใช้บริการอย่างน้อยก็มากกว่า 10 ศูนย์ หรือบางเบอร์โทรก็เป็นสหกรณ์ และบางศูนย์บริการก็ระบุว่า “ฟรีค่าโทร” ถ้าหากจะดูรายละเอียดก็เข้าไปดูในเว็บไซต์ก็ได้ ซึ่งมีคำอธิบายวิธีเรียกใช้บริการไว้ชัดเจน พอจะสรุปได้ เช่น บอกว่าให้ไปรับที่ไหน บอกเส้นทางจุดที่จะรับ จะไปส่งที่ไหน ซึ่งควรโทรก่อนล่วงหน้าประมาณ 15-20 นาที และอาจจะรอประมาณ 15-20 นาทีเช่นกัน เรื่องนี้อาจจะกระทบกระเทือนแท็กซี่รูปแบบเก่าอย่างพวกเราบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นแรงกระตุ้นที่ให้แท็กซี่รุ่นเดิมๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้น และเป็นตัวเลือกที่ไม่ต้องปฏิเสธ
พวกเราในชมรมแท็กซี่ปฏิบัติดีเพื่อสังคม ได้แสดงออกถึงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์สมาชิกในชมรมคนหนึ่ง ซึ่งมีวี่แววว่าน่าจะไม่มีความจริงใจ และอาจจะนำความเสื่อมเสียมาสู่ชมรมพวกเราได้ เนื่องจากมีพฤติกรรมบางอย่างที่อยู่ใน 5 กลโกง ที่ส่อให้พวกเราคิดว่าเป็นอย่างนั้นอย่างน้อย 2 อย่าง ซึ่งไม่ควรกระทำอย่างใดๆ ในเรื่องต่อไปนี้คือ เปลี่ยนยางหรือวงล้อยางให้เล็กลงเพื่อทำให้รอบมิเตอร์หมุนเร็วขึ้นทำให้ค่าโดยสารสูงกว่าความเป็นจริง ต่อวงจรไฟมิเตอร์กับสายแตรแล้วกดบ่อยครั้งแต่แตรไม่ดัง ซึ่งทำให้ไฟฟ้ารถยนต์ลัดวงจรทำให้เลขมิเตอร์เพิ่มขึ้นโดยที่ไม่ใช่ขณะรถวิ่ง หรือแกล้งให้ตัวเลขเวลาขณะที่รถจอดติดอยู่ดับโดยอ้างว่าเสีย มีการสลับมิเตอร์เตรียมไว้ 2 ตัว เมื่อมีผู้โดยสารต่างชาติก็ใช้มิเตอร์ตัวเก่าปรับค่าโดยสารตามชอบหรืออ้างว่ามิเตอร์เสียแล้วชักชวนให้ข้อเสนอเหมาจ่าย นอกจากนั้น ก็อาจจะมีพฤติกรรมที่พยายามเพิ่มระยะทางระยะเวลาโดยพาผู้โดยสารอ้อมเส้นทางโดยอ้างว่ารถติด พวกเราได้ซักถามตรวจสอบพฤติกรรมแล้วพบว่าเขาทำ 2 อย่างใน 5 อย่างที่กล่าวจึงให้พ้นชมรม
พวกเราชื่นชมกับแท็กซี่คันหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “แท็กซี่รสพระธรรม” เป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคลเขียวเหลืองที่เขียนข้างรถว่า บริการฟรีสำหรับ ผู้ป่วย คนชรา ผู้พิการ แม่ชี คนตาบอด และพระภิกษุสามเณร ซึ่งเขาเคยได้รับการยกย่องและสัมภาษณ์ข่าวผ่านสื่อโทรทัศน์ ปัจจุบันก็ยังดูได้ในเว็บไซต์ในอินเตอร์เน็ต พวกเรายังแซวแบบยกย่องว่าน่าจะเป็นคู่แข่งกับรถแท็กซี่ของกรุงเทพมหานครที่บริการฟรีเช่นกัน
ช่วงนี้ใกล้จะออกพรรษา ผมมีลูกค้าขาประจำที่มักจะนัดหมายไปรับหรือส่งที่วัดบ่อยๆ และชอบนำแผ่นซีดีธรรมะที่ได้มา มาเปิดช่วงเดินทางไปหรือกลับจากวัดบ่อยครั้ง ทำให้บางครั้งต้องอดฟังเพลงโปรดที่เตรียมมากล่อมอารมณ์โลกส่วนตัว หรือบางครั้งก็อดฟังภาษาอังกฤษวันละประโยค วันนี้นัดหมายให้ไปรับที่วัดจึงต้องขอฟังเพลงที่กำลัง “ฟิล” อยู่ช่วงนี้ก่อนที่จะฟังธรรมะ เนื่องจากระลึกถึงกลอนบทหนึ่งตั้งชื่อว่า “ความหลังเมื่อครั้งก่อน” ที่เขียนบทแรกไว้ว่า “ภาพความหลัง ยังจุดไฟในใจฉัน แต่สีมันพร่ามัวเลือน เหมือนวันเก่า ภาพครั้งก่อน ย้อนรอยยิ้ม ยังพริ้มเพรา เมื่อครั้งเก่า เรายิ้มไว้ ให้แก่กัน” ทำให้ผมนึกถึงเพลงประกอบภาพยนตร์เมื่อ 40 ปีก่อน เรื่อง The way we were ที่ขึ้นต้นว่า “Memories, Light the corners of my mind, Misty water-colored memories of the way we were. Scattered pictures, Of the smiles we left behind, Smiles we gave to one another for the way we were?” ผม “อิน” กับหนังเรื่องนี้มากเพราะชอบความหล่อของ Robert Redford และ Barbra Streisand
ผมไปถึงวัดตรงเวลาแต่โยม (อุปถัมภ์) ขาประจำแท็กซี่มาขออนุโมทนาเอาบุญมาฝากบอกว่า ขอโทษให้รออีกเกือบชั่วโมง เพราะต้องอยู่กรรมและร่วมสังฆกรรมในพิธีสงฆ์ โดยเจ้าอาวาสขอให้ฆราวาสที่มีชื่อเป็นกรรมการวัดอยู่ร่วมพิธีอีกสักช่วงหนึ่ง และมีพระสงฆ์รูปหนึ่งต้องอาบัติปาราชิก ถ้าอยู่รอจะให้รางวัลค่าเสียเวลา ผมงงๆ ไม่เข้าใจนักแต่ตอบตกลง ก็คิดว่าช่วงเวลารอนี้ จะไปนมัสการหลวงลุงที่คุ้นเคย เผื่อจะได้สนทนาธรรมหายข้องใจคำพระบางคำที่เคยได้ยินว่าปลงอาบัติ ปาราชิก หรือคำว่า สิกขาบท
โชคดีที่หลวงลุงดูแลและแยกปลูกกล้วยไม้อยู่หลังกุฏิ ผมเข้าไปกราบนมัสการและขอโทษที่มารบกวนเวลา “จำวัด” ท่านบอกว่าไม่เป็นไรมาสนทนาธรรมด้วยก็ชอบใจแล้ว ชวนขึ้นไปบนระเบียงหน้ากุฏิ ผมเข้าไปกราบพระพุทธรูป แล้วมานั่งกับหลวงลุง ตั้งปุจฉาท่านด้วยความเป็นกันเอง นมัสการถามท่านกับคำว่า ปลงอาบัติ ปาราชิก สิกขาบท หลวงลุงหัวเราะอย่างมีเมตตา วิสัชนากลับแซวว่าโยมเตรียมตัวจะบวชหรือคิดจะต้องปลงอาบัติแล้ว วางแผนจะทำผิดอะไร เดี๋ยวจะให้พระวินยาธิการจับมาสึกเสียเลย ผมรู้ดีว่า พระวินยาธิการ คือตำรวจพระ ที่เจ้าคณะแต่งตั้งไว้ตรวจจับพระอลัชชี
หลวงลุงแซวผมว่า “แหมให้แสดงธรรมโดยไม่ได้อาราธนาเลยนะ พุทธบัญญัติเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติ ขนบธรรมเนียม วิถีธรรม ของภิกษุสงฆ์หรือภิกษุณี เรียกว่า พระวินัย ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ อาทิพรหมจริยกาสิกขา และ อภิสมาจาริกาสิกขา อย่างแรกเป็นข้อปฏิบัติเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติเพื่อป้องกันความเสียหาย และปรับโทษเป็นอาบัติหนักบ้างเบาบ้างโดยสวดทุกกึ่งเดือนเรียก “พระปาติโมกข์” ส่วนอย่างที่สองเป็นหลักศึกษาอบรมธรรมเนียมมารยาทให้ชักนำพระสงฆ์ให้ประพฤติดี พระวินัยนั้นพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติไว้ล่วงหน้า เมื่อเกิดความเสียหาย จึงบัญญัติเป็นสิกขาบทไว้เพื่อพระสงฆ์ควรมีวัตรปฏิบัติที่ดีงามจึงทรงสิกขาบทเรื่อยมา”
หลวงลุงท่านลุกขึ้นไปหยิบคู่มือธรรมะเล่มบางๆ มาให้แล้วบอกว่าว่างๆ เอานี่ไปอ่านแล้ววิสัชนาต่อว่า
“อาตมาจะสรุปต่อนะ ทีนี้คำว่า อาบัติ แปลว่า ต้อง หรือการล่วงละเมิด ถ้าพระสงฆ์ล่วงละเมิดสิกขาบทนั้นๆ ก็จะเป็นโทษ เช่น ภิกษุกล่าวอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน ก็ต้องอาบัติปาราชิก สำหรับอาบัติมีถึง 7 กอง คือ ปาราชิก สังฆาทิเสส ถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฎ และ ทุพภาสิต
โทษแต่ละสิกขาบทหนักเบาไม่เท่ากันหรอก โยมจะเลือกโทษข้อไหนล่ะ อาบัติปาราชิกมีโทษหนัก ผู้ล่วงละเมิดจะขาดจากความเป็นภิกษุ จับสึกเลย อาบัติสังฆาทิเสสมีโทษรองลงมา ผู้ละเมิดต้องอยู่กรรม คือประพฤติอยู่ในปริวาสกรรม ตามจำนวนวันเวลาที่กระทำผิดหรือปกปิดไว้ หรือให้สงฆ์จำนวน 20 รูป สวดอัพภาน คือการสวดถอนจากอาบัติสังฆาทิเสส เพื่อรับเข้าหมู่สงฆ์ ส่วนอาบัติอีก 5 กองที่เหลือมีโทษเบาลงมา ผู้ล่วงละเมิดต้องประกาศสารภาพผิดต่อหน้าภิกษุสงฆ์ เรียกว่า “ปลงอาบัติ” จึงจะพ้นอาบัติ
พระวินัยแต่ละข้อ หรือมาตราต่างๆ เรียกว่า “สิกขาบท” แปลว่า ข้อที่จะต้องศึกษา ภิกษุมี 227 สิกขาบท แบ่งกลุ่มได้ เช่น ปาราชิก 4 สังฆาทิเสส 13
ปาราชิก แปลว่า ผู้พ่ายแพ้ โทษร้ายแรงเพราะไม่ประพฤติในพรหมจรรย์ เช่น เสพเมถุน ฆ่ามนุษย์ ลักทรัพย์ สังฆาทิเสส ทำผิดพระวินัย เช่น แกล้งทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน มีกำหนัดจับต้องกายหญิง ให้ผู้หญิงบำเรอกาม ส่วนปาจิตตีย์ เป็นการละเมิดอันยังกุศลธรรมให้ตก คือจงใจทำให้กุศลจิตเศร้าหมองก็ปลงอาบัติได้
อ้อ! ที่ถามว่า อลัชชีนั้นคือพระสงฆ์ผู้ไม่มีความละอาย คือหน้าด้าน โยมแท็กซี่เคยรับสงฆ์อลัชชีไหม? โน่นโยมลงมาแล้ว ไปส่งบ้านก่อน ว่างๆ ค่อยมาปลงอาบัติกันต่อนะ!”
สรุปสาระธรรมจาก : คู่มือศึกษาธรรมปฏิบัติ และเว็บไซต์สื่อออนไลน์