เรื่องถ่าย ไม่ง่าย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07068150958&srcday=2015-09-15&search=no

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 381

ไร้โรคาพาร่ำรวย

นายแพทย์กิตติ โตเต็มโชคชัยการ

เรื่องถ่าย ไม่ง่าย

ถ้าเรียกตามภาษาชาวบ้าน คำว่า “ถ่ายไม่ง่าย” ก็น่าจะหมายถึง “ท้องผูก” นั่นเอง สำหรับคนทั่วไป ปัญหาท้องร่วง ท้องเดิน ถ่ายเหลว เป็นปัญหาที่รักษาไม่ยากนัก แต่ปัญหาท้องผูก กลับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ตามคำจำกัดความ ภาวะท้องผูก หมายถึง การที่ลำไส้ไม่สามารถขับถ่ายอุจจาระได้ง่ายและสม่ำเสมอ มีการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ร่วมกับก้อนอุจจาระมีลักษณะแข็ง และยากต่อการขับถ่ายออกมา คนที่มีท้องผูกอาจต้องออกแรงเบ่ง ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเวลาถ่ายอุจจาระ ท้องอืด มีลมเยอะ แน่นท้อง ต้องใช้เวลาถ่ายอุจจาระเป็นเวลานาน

ลำไส้ของคนเรายาวประมาณ 20 ฟุต เป็นลำไส้เล็ก 15 ฟุต และลำไส้ใหญ่ 5 ฟุต อาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยแล้วจะผ่านลำไส้เพื่อได้รับการดูดซึม เหลือส่วนที่ไม่ย่อยและไม่ดูดซึม ซึ่งจะถูกถ่ายออกมาเป็นอุจจาระ ถ้าไม่ถ่ายออกมา อุจจาระที่ตกค้างจะเป็นของเสียที่เกาะตัวกัน รวมทั้งเกาะสะสมกับผนังลำไส้ได้ สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะท้องผูก มีหลายสาเหตุ ได้แก่

1. เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด

2. ทานอาหารที่มีกากใย (fiber) น้อย

3. ดื่มน้ำน้อย

4. ระบบดูดซึมผิดปกติ เช่น มีน้ำมันเคลือบอยู่มากทำให้น้ำที่ดื่มเข้าไปไม่หมุนเวียน

5. ถ่ายอุจจาระไม่เป็นเวลา โดยเฉพาะไม่ถ่ายช่วงเช้าระหว่างเวลา 05.00-07.00 น.

6. มีพยาธิหรือเชื้อราทำให้การย่อยอาหารผิดปกติ

บริเวณปลายลำไส้จะมีประสาทปลายทวาร เมื่อมีอุจจาระที่เหลวมาจ่อปลายทวาร ประสาทปลายทวารจะส่งสัญญาณบอกสมองให้รู้สึกปวดอยากถ่ายหนัก แปลกมากที่เวลาหลัง 7 โมงเช้าไปแล้ว ลำไส้จะทำงานไม่ปกติ จะบีบอุจจาระให้ขาดเป็นช่วงๆ เวลาถ่ายจนรู้สึกว่าหมดแล้ว เราจะหยุด แต่ความจริงอุจจาระท้ายขบวนยังไม่ออก พอเหลือค้างอยู่ แทนที่จะอยู่ที่เดิม มันกลับถูกดันกลับขึ้นไป ไม่มาจ่อที่ปลายทวาร ทำให้เราไม่ปวดอยากจะถ่ายอีก อุจจาระที่ค้างไว้นี้จะเกาะที่ผนังลำไส้ พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่ามา ก็จะแซงหน้าออกไปก่อน ไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้ พวกที่ค้างแข็งอยู่ก็จะเกาะผนังลำไส้ติดแน่นขึ้น ดังนั้น ทุกวันที่ถ่ายก็ถ่ายเฉพาะอุจจาระที่เหลวพอ ส่วนที่เหลือค้างก็เกาะไปเรื่อยๆ จนใหญ่พอจะไปกดทับเส้นเลือดต่างๆ ในช่องท้อง กดทับกระดูกสันหลังทำให้เกิดอาการ เช่น ท้องอืด ปวดหลัง ปวดขา ปวดไหล่ และสะบัก เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ มีฝ้าขึ้น ปวดศีรษะไมเกรน เป็นต้น เคยมีการชันสูตรศพผู้ที่เสียชีวิตจากสาเหตุอื่น แล้วพบมีอุจจาระตกค้างในลำไส้หนักถึง 10 กิโลกรัม บางทีการที่เราลดน้ำหนักไม่ลง อาจเนื่องมาจากมีอุจจาระตกค้างในลำไส้อยู่หลายกิโลกรัมก็ได้ ถ้าเอาออกไปได้คงผอมลงไม่น้อย ทำอย่างไรจะล้างลำไส้ เอาอุจจาระตกค้างออกไปได้ ให้ลองทำดังนี้

1. เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว ทิ้งไว้ 30 นาที ดื่มก่อนนอน เม็ดแมงลักจะลากอุจจาระตกค้างออกมา ทานได้ทุกวัน หรือ 3-4 วัน ต่อสัปดาห์

2. นมสด 2 กล่อง (รวมได้ประมาณ 500 มิลลิลิตร) และกล้วยน้ำว้า 2 ลูก ทานก่อน 6 โมงเช้า ช่วงแรกทานติดกัน 3 วัน หากถ่ายก่อน 7 โมงเช้าเป็นปกติแล้ว ลดเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

3. ทานผักบุ้ง 2 กำมือ ทำอาหารตามใจชอบ ผักบุ้งจะลากอุจจาระตกค้างออกมา

ทานจนกว่าอุจจาระจะออกมาหมด ถ้าออกมาหมดแล้ว จะรู้สึกได้ว่า โล่งท้อง ตัวเบาขึ้น บางครั้งอาจต้องทำหลายครั้ง เพราะภาวะนี้จะเกิดขึ้นอีกถ้าไม่ได้ปรับการทานอาหาร ไม่ดูแลเรื่องการดื่มน้ำ ถ้าดูแลเรื่องลำไส้ได้ดีแล้ว น้ำหนักจะลด ผิวพรรณจะดี

บางครั้งก็ต้องมีการล้างลำไส้เป็นระยะ เพราะถ้าระบบดูดซึมสารอาหารของลำไส้ถูกชั้นไขมันปกคลุมจนเสียหน้าที่ไป การดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เช่น ธาตุเหล็กไปสร้างเม็ดเลือดก็ไม่ได้ การทานยาหรือวิตามินต่างๆ ก็ไม่ถูกดูดซึมหรือไปได้น้อย ทำให้เกิดการเจ็บป่วย เกิดโรคต่างๆ ได้ ดังนั้น ผู้ที่ทานอาหารที่ผัดด้วยน้ำมันหรือของทอดน้ำมันบ่อยๆ ควรล้างลำไส้เพื่อให้ระบบดูดซึมทำงานได้ดีขึ้น เปรียบเสมือนการทานข้าวแล้วไม่ล้างจาน มื้อต่อไปก็ใช้จานใบเก่ามาใช้ทานข้าวอีก ย่อมไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย

การล้างลำไส้ ทำได้โดยใช้โยเกิร์ต (yogurt) ธรรมชาติครึ่งถ้วย นมสด 1 กล่อง (250 ซีซี) น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ มะนาวครึ่งลูก มาผสมรวมกัน ตั้งไว้สักพักจึงทาน รสชาติปรับได้ตามใจชอบ ถ้าทานตอนเช้า จะช่วยลดน้ำหนัก ทำทานตอนบ่าย จะช่วยล้างลำไส้เล็ก จะช่วยให้มีการขับถ่ายดีขึ้น

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการเข้าห้องน้ำคือช่วงเช้า เวลา 05.00-07.00 น. สำหรับคนที่ไม่ชิน อาจจะต้องเริ่มฝึก แต่ถ้าไม่ปวดก็ไม่ต้องเบ่ง ปกติแล้วลำไส้จะมีการบีบตัวเป็นพักๆ ทำให้ปวดเป็นช่วงๆ ถ้าช่วงไหนปวดก็เบ่งตามออกมาเลย ที่สำคัญ อย่าอั้นการถ่ายตอนเช้า เพราะนาทีทองของการถ่ายอยู่ที่ช่วงเวลาเช้านี้เท่านั้น ถ้าอั้นจนเลยเวลาไปแล้ว จะไม่ปวดเลยทั้งวัน หากใน 1 วันจะเข้าห้องน้ำ 1-3 ครั้งเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญ คือถ้าไม่จำเป็นอย่าทานยาถ่ายบ่อย เพราะการใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะมีผลทำให้เกิดภาวะขาดวิตามินได้ หากเกิดภาวะท้องผูกแบบหนักๆ ควรปรึกษาแพทย์ดีที่สุด

เรื่องไม่ง่าย ถ่ายลำบาก ยากบอกกล่าว

เพราะคนเรา เอาเก็บไว้ ไม่เปิดเผย

แม้นกินถูก ผูกก็คลาย ง่ายจริงเอย

อย่าละเลย เคยเวลา พารื่นรมย์

Leave a comment