ศิลป์ + เทคนิค สูตรสำเร็จ นักออกแบบ “ฟอนต์”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07040011058&srcday=2015-10-01&search=no

วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 382

ช่องทางสร้างอาชีพ

อันติกา

ศิลป์ + เทคนิค สูตรสำเร็จ นักออกแบบ “ฟอนต์”

“คนที่ทำอาชีพนี้ได้ดี ต้องมี 2 ส่วนผสมมารวมกันคือ ชอบศิลปะ นั่นคือมีความละเอียดลออ และมีความเป็นเทคนิค ซึ่งถ้ามองกันตามหลักทั่วไป คนที่หัวใจติสต์จะไม่มีความเป็นเทคนิค ส่วนคนที่เรียนวิศวกรรมก็จะไม่มีอารมณ์ศิลปิน แต่งานการออกแบบฟอนต์ คนที่จะทำได้ต้องมี 2 ส่วนนี้ผสมกันในเกณฑ์พอดี ซึ่งคนประเภทนี้ผมว่ามีจำนวนน้อยมากครับ ไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่หมายถึงทั่วโลก”

อัตลักษณ์ คือ สิ่งบ่งบอกตัวตน ทำให้ผู้พบเห็นเกิดภาพจดจำได้อย่างชัดเจน ซึ่งในแง่การทำธุรกิจแล้วถือว่าเอื้อประโยชน์ต่อการสื่อสารได้เป็นอย่างดี และนี่จึงเป็นแนวทางให้หลายๆ องค์กรหันมาให้ความสนใจกับการสร้างความเป็นตัวตน ให้ใครเห็นแล้วเกิดอาการร้อง “อ๋อ”

ปัจจุบัน การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ ไม่ใช่แต่เพียงออกแบบโลโก้ หรือการให้สีสันเท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถบอกตัวตนของแบรนด์ได้ดีก็คือ “ตัวอักษร” หรือ “ฟอนต์” (Font)

สิบปีที่ก้าวผ่าน

อักษรสร้างสรรค์

อาชีพออกแบบตัวอักษร จึงถือกำเนิดขึ้น ซึ่งแม้ต่างประเทศจะมีผู้ผลิตตัวอักษรป้อนตลาดมาเนิ่นนาน แต่ทว่าในประเทศไทยการริเริ่มเพิ่งจะผ่านพ้นมาได้ราว 10 ปี โดย บริษัท คัดสรร ดีมาก จำกัด (ก่อตั้งโดย คุณอนุทิน วงศ์สรรคกร) ถือเป็นบริษัทแรกเริ่มที่ก้าวเข้ามาในวงการนี้อย่างเต็มตัว ด้วยเพราะขณะนั้นธุรกิจโทรคมนาคมเข้ามามีบทบาทสำคัญ

“ตอนนั้นโทรศัพท์ 3 ค่ายเกิดขึ้น และทั้ง 3 ค่ายยังใช้ฟอนต์หน้าตาเหมือนกัน เพียงแต่ถูกแบ่งแยกด้วยสี ซึ่งในด้านการออกแบบแล้ว สีไม่ใช่หัวใจสำคัญที่จะทำให้เกิดความชัดเจน เขาจึงเริ่มมามองตัวอักษร กระทั่ง คัดสรร ดีมาก ได้รับการติดต่อจากบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ให้ออกแบบตัวอักษรให้ ทำให้ตลาดเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับฟอนต์มากขึ้น และหลายๆ องค์กรก็เริ่มให้ความสำคัญกับคัสตอมฟอนต์ตามมา” คุณสมิชฌน์ สมันเลาะ ตัวแทนจาก บจก.คัดสรร ดีมาก เล่าถึงจุดกำเนิดกับการเปิดตัวธุรกิจรูปแบบคัสตอมฟอนต์ (Custom Font) ในประเทศไทย

คุณสมิชฌน์ อธิบายถึงประเภทของฟอนต์นั้นมีอยู่ 2 รูปแบบหลักๆ ในท้องตลาดคือ รีเทลฟอนต์ (Retail Font) ซึ่งเป็นการออกแบบตัวอักษรเพื่อขายปลีกให้กับผู้สนใจทั่วไป โดยมีช่องทางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ ข้อดีคือ ซื้อง่าย ราคาไม่แพง แต่จะไม่สร้างความแตกต่าง เพราะเป็นสินค้าตลาดที่ใครๆ ก็สามารถซื้อหาไปใช้ได้

ฉะนั้น หากผู้ใด องค์กรใด ต้องการสร้างคาแร็กเตอร์ของตนเอง สร้างภาพการจดจำให้เกิดขึ้นในใจผู้พบเห็น คัสตอมฟอนต์ จึงเป็นบทสรุปในการเลือก ซึ่งแม้สนนราคาแตะหลักแสนไปจนถึงหลักล้านบาท อันเนื่องมาจากต้องใช้ระยะเวลาผลิตนานหลายเดือนหรือนับปีกว่าจะแล้วเสร็จ แต่ทว่าในด้านการทำธุรกิจในฐานะผู้ว่าจ้าง ต่างมองว่า ภาพลักษณ์ การจดจำ หรือ การสร้างตัวตน คือสิ่งที่เขาต้องการ และนี่คือการลงทุน

เริ่มจากธุรกิจใหญ่

SMEs ให้ความสำคัญ

เช่นเดียวกับ สตูดิโอ คราฟส์แมนชิพ ที่ก้าวเข้ามาให้ความสำคัญสร้างทีมงานผลิตฟอนต์ โดยเฉพาะในส่วนของคัสตอมฟอนต์ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ

คุณขวัญชัย อัครธรรมกุล ตัวแทนจากสตูดิโอคราฟส์แมนชิพ เล่าว่า ปัจจุบัน องค์กรหลายแห่งให้ความสำคัญกับตัวอักษรมากขึ้น โดยเฉพาะคัสตอมฟอนต์ และนี่จึงเป็นเหตุผลของคนที่อยู่ในเส้นทางสายงานออกแบบ ให้หันมาทำฟอนต์เพื่อเสริมให้ธุรกิจด้านโมชั่นกราฟิกที่ดำเนินการอยู่เกิดความครบวงจร

“จุดกำเนิดของการทำฟอนต์นั้นมาจากความชอบ และตอบสนองในส่วนของงานบริการลูกค้าที่บริษัทดำเนินการอยู่ โดยส่วนใหญ่จะทำในรูปแบบคัสตอมฟอนต์ ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าทั้งขนาดใหญ่และเล็ก อย่างธุรกิจเคมีแห่งหนึ่ง แต่ถ้าเป็นธุรกิจขนาดเล็กก็ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าในไอจี ซึ่งผมว่าการค้าขายบนโซเชียลเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น”

คุณขวัญชัย ยังกล่าวถึงราคาค่าบริการว่า ในส่วนของคัสตอมฟอนต์ ยังอยู่ในเกณฑ์สูง แน่นอนว่าผู้ที่จะเข้ามาจัดจ้างส่วนใหญ่ต้องเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีเงินหนาในกระเป๋า

แต่ในมุมความเติบโตทางธุรกิจ กลับเห็นว่ากลุ่มผู้ประกอบการรายกลางลงมาถึงรายเล็ก หรือที่เรียกว่า SMEs ก็มีอัตราความเติบโตสูง และ SMEs หลายคนมีความคิดกับการสร้างความต่างในด้านงานออกแบบตัวอักษรเช่นกัน และนี่จึงเป็นเหตุผลให้ บริษัท กะทัดรัด อักษร จำกัด ก้าวเข้ามาเปิดตลาดคัสตอมฟอนต์ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย SMEs

คุณศุภกิจ เฉลิมลาภ และ คุณธนรัชฏ์ วชิรัคกุล สองหนุ่มจาก บริษัท กะทัดรัด อักษร จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการผลิตคัสตอมฟอนต์เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวว่า

“กะทัดรัดฯ เปิดตัวมาได้ราว 3 ปี โดยเหตุผลหลักเพราะเห็นความเติบโตของ SMEs และลูกค้ากลุ่มนี้เริ่มให้ความสำคัญกับตัวอักษรมากขึ้น ซึ่งบริษัทที่มีอยู่ อาจยังไม่ได้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายนี้เท่าไรนัก ผมจึงคิดว่าถ้ากะทัดรัดฯ ทำสินค้าให้อยู่ในแพ็กเกจเหมาะกับเขา เช่น รองรับการใช้งานในคอมพิวเตอร์ได้ 5 เครื่อง ราคาการจ่ายก็จะน้อย เพราะที่ผ่านมาหลายบริษัทจะขายแพ็กเกจใหญ่ โดยระบบการขายจะใช้วิธีคูณราคาเครื่องคอมพ์ที่ใช้งานอยู่แล้ว เป็นไลเซนส์ซอฟต์แวร์ ตอบโจทย์องค์กรขนาดใหญ่ แต่ถ้าเฉลี่ยราคาออกมาเป็นเครื่องแล้ว ก็ไม่ต่างกันครับ แต่ว่าเราเลือกเข้าถึง SMEs ทำรูปแบบที่เหมาะกับราคาที่เขาจ่ายได้”

SMEs เอื้อมได้

ในขนาดพอเหมาะ

ทั้ง 2 หนุ่มจาก บจก.กะทัดรัด อักษร ยังกล่าวถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้า SMEs ว่า มีจำนวนมากขึ้น โดยจุดมุ่งหมายกับการเข้ามาใช้บริการออกแบบคัสตอมฟอนต์คือ ต้องการสื่อน้ำเสียงที่ตรงกับภาพลักษณ์ เพื่อให้เกิดภาพความจดจำในแบรนด์และผลิตภัณฑ์

“เมื่อก่อนกลุ่ม SMEs จะทำอะไรตามอย่างกัน เห็นตัวอักษรของใครสวยก็ทำตาม แต่ต่อมาเริ่มเห็นถึงปัญหา ยิ่งเป็นคู่แข่งยิ่งเห็นชัดกับผลกระทบ ฉะนั้น ในวันนี้การทำคัสตอมฟอนต์ จึงเป็นทางออกที่จะสามารถสร้างความแตกต่าง และสร้างภาพจดจำได้ดี”

ระยะเวลานับเนื่องมาราว 10 ปี ที่ทั้งบริษัทออกแบบฟอนต์ทั้งเก่าและใหม่ให้ความสำคัญด้านการสื่อสารความรู้สู่องค์กรต่างๆ ส่งผลให้วันนี้ ธุรกิจฟอนต์ เข้าไปอยู่ในความสนใจมากขึ้น โดยสัดส่วนความเติบโตนับจาก 5 ปีหลัง โตขึ้นปีละ 25 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มตัวเลขขยับขึ้น แต่ทว่ากับจำนวนนักออกแบบฟอนต์กลับสวนทาง โดยรวมบริษัทที่จัดตั้งในประเทศขณะนี้ราว 12 แห่ง และมีผู้ผลิตรวมแล้วไม่ถึง 200 ชีวิต

“การออกแบบฟอนต์ เป็นงานที่ต้องบอกว่ายากมาก ต้องอาศัยเวลาและความละเอียดสูง การทำอักษรแต่ละตัวใช้ความพิถีพิถัน ไหนจะเรื่องของน้ำหนัก หรืออย่างการจัดช่องไฟก็ใช้เวลาเป็นวันๆ แล้ว ความอดทน จึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งหลายคนอาจสนุกกับการออกแบบตัวอักษร แต่พอมาทำในรูปแบบฟอนต์เกิดอาการท้อ แม้จะรู้ว่าผลที่จะได้รับคือค่าตอบแทนคุ้มค่า แต่พอไม่สนุกก็หยุด และยิ่งในประเทศไทยคนที่เข้ามาทำอาชีพนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ อาศัยใจรักจริงๆ จึงจะทำได้ เนื่องจากไม่มีหลักสูตรเปิดสอนดังเช่นในต่างประเทศ พลังในการก้าวเดินจึงแทบไม่มี” คุณสมิชฌน์ กล่าวให้เหตุผล

ในขณะ บจก.กะทัดรัด อักษร เสริมว่า “ผมว่าคนที่ทำอาชีพนี้ได้ดี ต้องมี 2 ส่วนผสมมารวมกันคือ ชอบศิลปะ นั่นคือมีความละเอียดลออ และมีความเป็นเทคนิค ซึ่งถ้าเรามองกันตามหลักทั่วไป คนที่หัวใจติสต์จะไม่มีความเป็นเทคนิค ส่วนคนที่เรียนวิศวกรรมก็จะไม่มีอารมณ์ศิลปิน แต่งานการออกแบบฟอนต์คนที่จะทำได้ต้องมี 2 ส่วนนี้ผสมกันในเกณฑ์พอดี ซึ่งคนประเภทนี้ผมว่ามีจำนวนน้อยมากครับ ไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่หมายถึงทั่วโลก”

ที่ยืนยังมีอีกมาก

รักแล้วไปให้ถึง

ฉะนั้น ในทัศนะของผู้อยู่บนเส้นทางสายนี้ จึงฝากบอกผู้สนใจจะก้าวเข้ามาสู่เวทีผู้ผลิตฟอนต์ตัวจริง คงต้องอาศัยส่วนผสมดังกล่าว และอีกหัวใจสำคัญคือ ความเป็นเจ้าของภาษาจะส่งผลให้ออกแบบผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเข้าใจเนื้อหาสำเนียงของถ้อยคำอย่างชัดเจน

ด้วยเหตุผลนี้ จึงมีบริษัทต่างประเทศหลายรายที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ต่างให้ความสนใจเลือกใช้บริการจากทีมงานคนไทยให้เป็นผู้ออกแบบฟอนต์ภาษาไทยที่เข้าชุดกับภาษาอังกฤษที่มีอยู่ โดยเฉพาะในช่วงเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะส่งผลให้ธุรกิจฟอนต์ตื่นตัว

แต่กระนั้น ด้วยเส้นทางที่มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จึงทำให้หลายๆ คนที่ก้าวเข้ามาแล้ว ต้องย้อนกลับไปสู่เส้นทางอื่น ดังที่กล่าวไว้

แต่ใช่ว่าวงการนี้จะหาผู้ก้าวเข้ามายืนยาก

ดังเช่น โปรดิวซ์ ค่ายฟอนต์น้องใหม่ ที่แรกเริ่มเปิดธุรกิจเพื่อรับออกแบบผลงานด้านสื่อหลากหลายประเภท มานับสิบปี แต่ทว่าในส่วนของการคัดเลือกฟอนต์มาเติมเต็มผลงานนั้น เลือกซื้อหาจากบริษัทผู้ผลิตรายอื่นๆ

คุณวรทิตย์ เครือวาณิชกิจ ตัวแทนจากโปรดิวซ์ เล่าว่า “แต่เดิมเลือกซื้อฟอนต์ เรียกว่าคงของทุกท่านที่อยู่ตรงนี้มาใช้ครับ ผมเห็นความสำคัญของตัวอักษรมาโดยตลอด และมองว่าตัวอักษรคือหนึ่งในปัจจัยหลักที่จะสร้างความแตกต่าง สร้างความโดดเด่น ฉะนั้น ในผลงานจึงต้องมีการสอดแทรกคัสตอมฟอนต์ไปด้วยเสมอ แต่เมื่อมาถึงจุดที่เราต้องการผลิตเอง ซึ่งผมคิดถึงการรองรับลูกค้าในกลุ่มงานของบริษัทก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้เกิดความครบวงจร”

คุณวรทิตย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงกลุ่มลูกค้าคัสตอมฟอนต์ ว่า “การปรับภาพลักษณ์องค์กร นอกจาก โลโก้ใหม่ สีใหม่ เลย์เอาต์ใหม่ แต่ตัวอักษรใหม่ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งลูกค้าจะรู้สึกว่า นี่คือความเป็นตัวของตัวเอง”

เมื่อเริ่มมีการใช้งาน และได้รับความนิยมมากขึ้น กอปรกับกฎหมายลิขสิทธิ์ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้ทุกวันนี้นักออกแบบฟอนต์สามารถยืนอยู่บนสายอาชีพนี้ได้อย่างมั่นคง และเชื่อว่าในอนาคต ตัวเลขผู้ก้าวเข้ามาทำธุรกิจนี้จะมากตามมา ซึ่งในทัศนะของนักออกแบบรุ่นพี่ มองว่า เป็นสิ่งที่ดี เพราะจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนให้ตลาดคึกคัก และนี่จึงเป็นที่มาของการรวมตัวกันจัดตั้ง “สโมสรอักษรศิลป์และอักขรศิลป์กรุงเทพฯ” (Typographic Association of Bangkok หรือ TAB) อันถือเป็นการผนึกกำลังให้ผู้ผลิตฟอนต์ได้มีกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ และร่วมกระจายความรู้ เพื่อการรับรู้ในวงกว้างขึ้น

Leave a comment