สแน็กไทยไปบูมที่จีน “อาหมวยเล็ก” จุดเริ่มต้นจากลูกสาวตัวน้อย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07064011058&srcday=2015-10-01&search=no

วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 382

ช่องทางสร้างอาชีพ

ศรีนวล

สแน็กไทยไปบูมที่จีน “อาหมวยเล็ก” จุดเริ่มต้นจากลูกสาวตัวน้อย

ตลาดขนมขบเคี้ยว (สแน็ก) หรืออาหารทานเล่น ใช่ว่าจะเป็นธุรกิจที่ทำเล่นๆ ได้ ในไทยตลาดสแน็ก ที่มีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นทางการจะมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท เติบโตเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี และเป็นตลาดหนึ่งที่มีผู้ประกอบการเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งกันมากสุด แต่ก็ใช่ทุกรายจะประสบความสำเร็จ

ล่าสุด บริษัท เอ็นพีพี ฟู้ดส์ จำกัด ภายใต้การบริหารของ คุณวัน-ณฤภัค ประยูรวงศ์ ผู้ค้นคิดสแน็กตรา “อาหมวยเล็ก” แม้เพิ่งทำตลาดมาได้ปีเศษ แต่ก็มียอดขายเกิน 80 ล้านบาทแล้ว ด้วยจุดขายที่แตกต่าง ตั้งแต่กระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีการอบ แทนการทอด อย่างที่สแน็กทั่วไปผลิตกัน…

คุณวัน เล่าว่า จุดกำเนิดของอาหมวยเล็กคือ ลูกสาว น้องหว่าหวา (เด็กหญิงพรรณรัศม์ จิรวราพันธ์) วัย 3 ขวบ เหมือนเด็กหลายๆ คนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ ตอนน้องหว่าหวาอายุได้ขวบเศษ คิดว่าจะทำอย่างไรให้เขาได้ทานเนื้อสัตว์ ประกอบกับมีวัตถุดิบอาหารทะเลและผักหลายชนิด มีห้องเย็นของเราเอง มีแหล่งวัตถุดิบมากมาย ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำอยู่ ก็ลองนำปลาหมึกผสมเนื้อปลา ก็ต้องคิดต่อว่าจะทำอย่างไรให้น่าทานและมีประโยชน์สูงสุดสำหรับเด็ก เมื่อมีโอกาสไปดูงานที่ญี่ปุ่นก็พบกระบวนการผลิตอบแห้ง จึงได้นำมาใช้ในการผลิตขนมอบกรอบ

เมื่อให้น้องหว่าหวาได้ชิม พบว่า เขาชอบและทานง่ายขึ้น จึงคิดว่าน่าจะทำให้เด็กคนอื่นที่ไม่ชอบทานเนื้อสัตว์ได้ทานบ้าง จึงเกิด “อาหมวยเล็ก” หรือสแน็กอัดเป็นแผ่นบางๆ รสซีฟู้ด ส่วนชื่อก็เอามาจากเขาอีกนั่นแหละ เป็นเด็กผู้หญิงกลมๆ หน้าหมวยๆ ก็เอามาทำเป็นโลโก้และพรีเซ็นเตอร์บนหีบห่อสแน็กอาหมวยเล็ก ซึ่งหากใช้ชื่ออื่นๆ เป็นเครื่องหมายการค้า กว่าจะได้รับการพิจารณาอาจต้องรอหลายปี แต่อาหมวยเล็กจากที่คิดค้น พัฒนาสูตร และผลิตเพื่อวางจำหน่าย ก็ใช้เวลาเพียง 2 ปี

อีกความแตกต่างคือ จุดจำหน่าย เริ่มเปิดตัวและวางขายในประเทศจีน ซึ่งตรงกับรูปแบบสินค้าที่เป็นอาหมวยและสแน็กเพื่อเด็ก ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในประเทศจีน ปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างดี ปัจจุบันส่งออกไปจีนปีละไม่ต่ำกว่า 10 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือคิดเป็นยอดขายประมาณ 50 ล้านบาท อีกหลายประเทศก็สนใจ กำลังเข้าไปทำตลาดในประเทศมาเลเซีย ประเทศในตะวันออกกลาง และเยอรมนี โดยเดือนตุลาคมนี้ จะมีงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก หรือ งานอานูกา (Anuga) ก็จะนำอาหมวยเล็กไปแสดงด้วย เป็นอีกก้าวหนึ่งของการเปิดตัวในตลาดโลก สำหรับสแน็กสัญชาติไทย

“มั่นใจว่าจะได้รับการต้อนรับจากโลกมุสลิม เพราะวันไม่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเนื้อหมู เนื้อไก่ จึงให้ความมั่นใจในเรื่องสารปนเปื้อน และได้รับตราฮาลาลรับประกันแล้วในทุกสินค้าที่ทำอยู่ เพราะเราส่งออกไปทั่วโลก”

ความดังของสินค้าและรสชาติ ถูกปากผู้บริหารของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ที่ไปเห็นสินค้าอาหมวยเล็ก ที่เซี่ยงไฮ้ ได้ติดต่อขอให้นำมาวางขายในสาขาเดอะมอลล์ และเอ็มโพเรียม ปรากฏว่าขายดี ทำให้ตอนนี้หลายห้างติดต่อให้นำสินค้าไปวางขายด้วย แต่เมื่อสำรวจตลาดสแน็ก พบว่า อาหมวยเล็ก ที่ตอนนี้ขาย 30 บาท หากจะให้วางขายได้ทั่วประเทศกับทุกช่องทาง ต้องปรับขนาดและราคาเหลือ 20 บาท ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะจะเหมือนกับต้องกลับไปเริ่มต้นผลิตใหม่ ไม่ใช่แค่ออกหีบห่อแค่ปริมาณลดลง แต่ต้องทำรายละเอียดในเรื่องโภชนาการ ส่วนผสม ซองที่ใช้ เดิมพิมพ์เป็นภาษาจีนและอังกฤษ (A-Muay-Lek) ก็ต้องพิมพ์เป็นภาษาไทย เรียกได้ว่าต้องปรับโฉมใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้

นอกเหนือจากการปรับรูปลักษณ์และขนาดแล้ว อาหมวยเล็กยังเดินหน้ากลยุทธ์ใหม่ไปพร้อมๆ กัน นั่นคือ การพัฒนาสูตรรสชาติและสินค้าใหม่ๆ จากปัจจุบัน สแน็กอาหมวยเล็กมี 5 รสชาติคือ รสกุ้งออริจินอล รสต้มยำกุ้ง รสปลาออริจินอล รสปลาต้มยำ และรสปลาบาร์บีคิว เร็วๆ นี้ จะได้เห็นรสชาติใหม่และสินค้าใหม่ที่เจาะกลุ่มก่อนวัยรุ่นและวัยรุ่นมากขึ้น ซึ่งจะมีรสชาติที่จัดจ้านขึ้น

“ส่วนนี้ก็คิดตามการเติบโตของน้องหว่าหวา ตอนนี้กำลังวิจัยพัฒนาสแน็กผลไม้ ก็เพราะลูกสาวที่กำลังเปลี่ยนทัศนคติต่อการบริโภคที่เป็นผัก-ผลไม้มากขึ้น ถือว่าเขาคือสิ่งจุดประกายและความคิดในการต่อยอดทางธุรกิจที่ทำอยู่”

สาเหตุการใช้จุดเด่นของอาหมวยเล็กคือ กระบวนการผลิตใช้การอบนั้น เพื่อไม่ให้มีน้ำมันสะสม เหมือนกับสแน็กทั่วไป เทคโนโลยีและเครื่องจักรนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น แม้ต้นทุนการอบจะสูงกว่าการทอด เพราะการอบน้ำหนักสินค้าจะเบากว่าการทอด ดูภายนอกสินค้าทอดจะฟูและเนื้ออาหารหนากว่าการอบ ดูอย่างข้าวเกรียบทั่วไป ยิ่งเป็นเนื้อสัตว์แท้ๆ เมื่ออบน้ำหนักจะหดหายจากน้ำที่หายไป แต่ได้คุณภาพมากกว่า และผลการวิจัยในห้องแล็บพบอีกว่า การอบ อายุการเก็บของสินค้าจะเก็บได้นานถึง 2 ปี แต่การทอดควรบริโภคภายใน 6-12 เดือนและเกิดกลิ่นได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ควรบริโภคสแน็กหลังวันที่ผลิตไม่เกิน 6 เดือน ดังนั้น เพื่อรองรับตลาดสแน็ก และสินค้าใหม่ๆ ก็เตรียมจะลงทุนสร้างโรงงานและเครื่องจักรใหม่ มูลค่า 1,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 10 ไร่ ย่านบางนา-ตราด ซึ่งการจะลงทุนใหม่จะเร็วหรือช้า ก็ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและภาวะส่งออก

คุณวัน เล่าย้อนถึงประสบการณ์การทำงานว่า ทำงานมาตั้งแต่อายุ 20 ปี ขณะนี้อายุ 35 ปี มีธุรกิจต้องบริหารคือ บริษัท เอ็นพีพี ฟู้ดส์ จำกัด และ บริษัท มาครองทรัพย์ จำกัด เป็นบริษัทด้านกิจการค้า ขายปลีก ขายส่ง พืชผัก ผลไม้ วัตถุดิบในการปรุงแต่งอาหาร และเนื้อสัตว์ ทุกชนิด ทุกประเภทที่ยังไม่ได้แปรรูปและที่แปรรูปแล้ว และเป็นบริษัทผู้นำเข้าสินค้ามาจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ มีแพปลาเป็นของตนเอง และมีแหล่งรับผัก ผลไม้ จากเกษตรกรและชาวสวนโดยตรง โดย เอ็นพีพี ฟู้ดส์ และมาครองทรัพย์ ต่างกันเพียงเอ็นพีพี ฟู้ดส์ จะมีอาหารสำเร็จรูปเพิ่มคือ สแน็กอาหมวยเล็ก ซึ่งทั้ง 3 บริษัท ตั้งอยู่ที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนบริษัท ดีเลิฟฟาร์ม จำกัด เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับผักไฮโดรโปนิกส์โดยเฉพาะ

ที่ประสบความสำเร็จถึงทุกวันนี้ คุณวัน บอกถึงเคล็ดลับว่า “วันทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย คลุกคลีกับตลาดสี่มุมเมือง เพราะมีญาติทำธุรกิจอยู่ก่อน ตลาดสี่มุมเมืองขึ้นชื่อเป็นแหล่งจำหน่ายอาหารและผักสด เจอซัพพลายเออร์จำนวนมาก ล้วนร้านอาหารดังๆ ทั้งนั้น ก็จะมีลูกค้ามาขอให้หาและจัดส่งวัตถุดิบที่เขาขาด ไม่ว่าจะเป็นผักปลอดสาร อาหารทะเล ก็ไปแสวงหา จัดส่งตามคำสั่ง ต่อมาก็ห่วงว่าลูกค้าจะได้สินค้าคุณภาพไม่ดีพอ ปริมาณไม่สม่ำเสมอ จนเมื่อ 6-7 ปีก่อนนี้ มีโอกาสเข้าร่วมประมูลแพปลา ทำห้องเย็น และตั้งบริษัทของตัวเองชื่อ บริษัท เอ็นพีพี ฟู้ดส์ จำกัด ต่อมาก็ขยายธุรกิจอื่น ที่ล้วนเกิดจากความต้องการของลูกค้าทั้งสิ้น ตั้งแต่ทำฟาร์มผักไฮโดรโปนิกส์ ลงทุนที่กาญจนบุรี พื้นที่ 15 ไร่ ลงทุน 20 ล้านบาท ยังขอให้เพื่อนปลูกผักปลอดสาร เหลือก็ให้นำมาขาย วันก็รับและส่งจำหน่ายต่อ ล่าสุด ได้ทำฟาร์มสตรอเบอร์รี่ ที่เขาค้อ และกำลังพัฒนาที่ดินที่ซื้อไว้ที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ทำรีสอร์ต น่าจะเปิดได้เร็วๆ นี้”

แต่ใช่ว่าหนทางธุรกิจจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะคุณวัน เล่าให้ฟังถึงธุรกิจที่ล้มเหลวก็มี “หลายธุรกิจที่ผ่านมาไม่สำเร็จก็มี ไม่ว่าจะเปิดร้านอาหาร ขายต้นไม้ เปิดร้านทำผม แต่วันก็ไม่เคยท้อ วันเข้าใจและคิดว่าคงไม่ใช่ทางของวัน เลยหันมาทำธุรกิจอื่นๆ แทน ที่สำคัญ เราต้องซื่อสัตย์ จริงใจ เน้นทีมเวิร์ก เราใส่ใจทุกคนเหมือนคนในครอบครัว บอกลูกน้องเสมอทำทุกวันให้ดีที่สุด สิ่งดีๆ จะเข้ามา เมื่อเราซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ที่ผ่านมาผลสำเร็จจากที่ลูกค้าวางใจให้เราทำ พอมีอะไรก็จะให้เราทำ พยายามตอบสนองเขาได้ ก็จะต่อยอดเรื่อยๆ อย่างทุกวันนี้ แบบไม่รู้ตัวเลย”

เมื่อถามถึงความฝันของธุรกิจในอนาคต โดยเฉพาะสแน็ก ถือเป็นสินค้าปราบเซียน ตัวหนึ่ง “วันไม่ได้กำหนดว่าเป้าหมายจะไปไกลแค่ไหน ก็จะทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้หยุดนิ่ง ส่วนเรื่องจะใช้ประโยชน์จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) อย่างที่ธุรกิจคาดหวัง และรัฐบาลเองก็พยายามผลักดัน ส่วนตัวเห็นว่า มีทั้งแง่ลบแง่บวก แง่ลบ คือคนไทยอาจโดนแย่งงานมากขึ้น และต้นทุนแพงขึ้น ซึ่งควรนำเครื่องจักรมาลดปัญหาเรื่องแรงงานขาดแคลน แง่บวก แน่นอนการค้าและการส่งออกจะคล่องตัวขึ้นและขยายตัวเพิ่มขึ้น”

คุณวัน บอกถึงเคล็ดลับการเป็นเศรษฐีคือ ต้องไม่หยุดนิ่ง ต้องพัฒนาและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ และทำอะไรที่เราถนัดและทำมันให้ดีที่สุด ไม่แค่ซื้อขายสินค้า แต่ต้องซื้อใจลูกค้าด้วย

ท่องให้จำ สำหรับคนที่อยากเป็นเศรษฐี!!

Leave a comment