เข้าถึงเงินทุนไม่ยาก ถ้าธุรกิจเข้าที มีวินัยทางการเงิน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07012011058&srcday=2015-10-01&search=no

วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 382

คลินิกค้ำประกัน

โดย…มิสเตอร์ บสย.

เข้าถึงเงินทุนไม่ยาก ถ้าธุรกิจเข้าที มีวินัยทางการเงิน

ผมขอแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการ SMEs ครับ ข่าวดีนี้มาพร้อมกับการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ที่มี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เป็นแม่ทัพ

ผมว่าข่าวดีนี้ ไม่เพียงแต่เกิดผลโดยตรงกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังส่งผ่านข่าวดีผ่านมาตรการ แบบสายฟ้าฟาด มายังผู้ประกอบการ SMEs ให้เกิดเป็นรูปธรรมจับต้องได้ครับ แถมยังเดินหน้าคิกออฟเรียบร้อยแล้ว ภายใต้โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลคือ ทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการายย่อยเหล่านี้ เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้จริงๆ

การขับเคลื่อนแบบคิดเร็ว ทำเร็ว จากนโยบาย สู่การปฏิบัติจริง เกิดขึ้นตลอดเดือนกันยายน บทบาทของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานรัฐ ทำหน้าที่ค้ำประกันสินเชื่อ ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุน ถูกมอบหมายภารกิจ ให้ช่วยค้ำประกัน โดยรอบนี้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ รับภาระค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่ขอสินเชื่อถึง 4 ปี คิดเป็นงบประมาณการให้ความช่วยเหลือด้านต้นทุนธุรกิจถึง 4,000 ล้านบาท และอนุมัติวงเงินค้ำประกันให้ถึง 1 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมยังอดกังวลไม่ได้ กับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการก็คือ การเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน โดยปราศจากความเข้าใจอย่างแท้จริงของผู้ประกอบการครับ ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ครับ

ข้อมูลที่ผมได้สัมผัสก็คือ มีผู้ประกอบการจำนวนมากไม่เข้าใจว่าทำไมแบงก์ไม่ปล่อยกู้ให้พวกเขา ทั้งๆ ที่รัฐบาลก็ได้ผลักดันแพ็กเกจความช่วยเหลือออกมามากมาย บางท่านมีความต้องการเงินทุนมากยื่นกู้ไปหลายแบงก์ แต่แบงก์ก็ไม่ปล่อยกู้สักที สุดท้ายก็คือ พวกเขาเหล่านั้น ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ แบงก์ไม่ปล่อยวงเงิน ทั้งที่รัฐบาลมีเครื่องมืออย่าง บสย. เป็นผู้ค้ำประกันสินเชื่อให้

ผมขออนุญาตอธิบายง่ายๆ แบบนี้ครับว่า การที่แบงก์จะให้เงินกู้ใครสักคน เขาจะพิจารณาจาก 2-3 ประการครับ ถ้าคุณทำธุรกิจ แบงก์ก็จะดูจากธุรกิจที่คุณทำอยู่ เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตหรือไม่ จากนั้นก็จะดูจากรายได้ และการเดินบัญชี แน่นอนว่าถ้าคุณจะกู้แบงก์ แบงก์ก็จะดูว่าการเดินบัญชีเป็นอย่างไร จากนั้นก็ดูเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ครับ เช่น รายรับต่อเดือน เพียงพอต่อการชำระหนี้หรือไม่ นี่คือหลักการกว้างๆ ที่แบงก์ต้องพิจารณาครับ นี่คือกรณีผู้กู้ที่มีสถานะปกตินะครับ และก็จะดูเอกสารหลักฐานอื่นๆ เช่น ใบประกอบกิจการ

มีผู้ประกอบการอีกประเภทหนึ่งคือ เป็นลูกหนี้ธนาคาร แล้วไม่ยอมชำระหนี้ ทำให้สถานะการเป็นหนี้ของคุณถูกขึ้นบัญชี ที่เรียกว่าติดเครดิตบูโร การติดเครดิตบูโร ก็เหมือนกับคุณหมดสิทธิ์ที่จะไปกู้เงินเพิ่มแล้วครับ ถึงตรงนี้อาจจะยังไม่เข้าใจว่าเมื่อไหร่ถึงจะติดเครดิตบูโร ง่ายๆ ก็คือ หากคุณไม่ชำระหนี้ ตามกฎเกณฑ์ของธนาคาร คุณจะถูกเลื่อนขั้นเป็นลูกหนี้ที่มีปัญหาครับ ถึงแม้คุณจะได้ชำระหนี้นั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่คุณก็ยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 6 เดือนครับ ถึงจะกลับมามีประวัติที่ใสสะอาดดังเดิม ประวัติการชำระหนี้หรือการเป็นหนี้ของท่านจะถูกบันทึกไว้เพื่อเป็นประวัติในการพิจารณาการปล่อยกู้ครับ

อีกปัญหาหนึ่งที่พบเห็นได้บ่อยมากจากข้อร้องเรียนที่ถูกส่งมายังเราคือ การไม่รู้ตัวว่าตัวเองหมดสิทธิ์กู้ไปแล้วจากพฤติกรรมของตัวคุณเอง ก็คือ คุณไม่ยอมจ่ายหนี้นั่นเอง

ถึงตรงนี้ ผมอยากให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่เตรียมตัวจะเป็นหนี้ เพื่อนำเงินมาขยายธุรกิจ หรือเสริมสภาพคล่อง ต้องทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับคำว่า “วินัยทางการเงิน” ให้มากครับ เรียกว่าต้องเข้มงวดและเคร่งครัดเลยครับ การสร้างวินัยทางการเงิน ต้องฝึกฝนและอดทนครับ

หลักการง่ายๆ ถ้าคุณยังมีหนี้ คุณต้องใช้หนี้ครับ ถ้าคุณยังติดเครดิตบูโร อย่าได้คิดจะกู้เงินก้อนใหม่เด็ดขาดเพราะแบงก์ไม่มีวันปล่อยเงินให้กับลูกหนี้ที่มีความเสี่ยง ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการใหม่ คุณคงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองในการดำเนินธุรกิจสัก 2-3 ปี ถ้าธุรกิจดี ธุรกิจคุณเข้าที รับรองเงินทุนวิ่งมาหาคุณแน่นอนครับ

Leave a comment