1 วัน มหัศจรรย์ในเมืองกรุงเก่า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07076011058&srcday=2015-10-01&search=no

วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 382

หมุดไมล์

เรื่องโดย : คณินพงศ์ บัวชาติ

1 วัน มหัศจรรย์ในเมืองกรุงเก่า

พูดถึงการเรียนรู้เรื่องอดีตหรือการทำความเข้าใจประวัติศาสตร์นั้น หลายคนคงมองเป็นเรื่องที่น่าเบื่อเป็นอันดับแรก แต่ถ้าเราได้ลองใช้การเดินทางท่องเที่ยวเป็นตัวช่วยดู การศึกษาประวัติศาสตร์นั้นก็อาจจะกลายเป็นเรื่องที่น่าสนุก เพราะการได้ชมสถานที่จริง ได้ถ่ายภาพบรรยากาศสวยๆ ได้ทานอาหารขึ้นชื่อรสชาติอร่อยนั้น เป็นอรรถรสที่หาไม่ได้จากในหนังสืออย่างแน่นอน

หมุดไมล์ปักษ์นี้จะขอพาทุกท่านย้อนอดีตกันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา “เมืองกรุงเก่า ของเราแต่ก่อน” ครับ เพื่อชมความเป็นที่สุดซึ่งซ่อนอยู่ที่นี่ ใน 1 วัน แต่ละที่นั้นจะซ่อนเรื่องราวอะไรเก็บไว้บ้าง ต้องลองหาคำตอบกันดู

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือในอดีตกาลเรียกกันว่า กรุงศรีอยุธยา นั้นถือเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของราชอาณาจักรสยาม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1893 ในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือที่เรามักคุ้นเคยในชื่อ “พระเจ้าอู่ทอง” และล่มสลายลงเมื่อ พ.ศ. 2310 ในยุคสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ หรือ พระเจ้าเอกทัศน์ รวมเวลา 417 ปี ก่อนจะย้ายเมืองหลวงมาที่กรุงธนบุรี และกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ

การเดินทางครั้งนี้ เราจะเดินทางกันแต่เช้า แม้จะใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก แต่บรรยากาศสองข้างทางอาจจะทำให้หายง่วงนอนได้อย่างปลิดทิ้ง เพราะนอกจากสายลมของช่วงปลายฝนต้นหนาวแล้ว ยังมีรวงข้าวสีทองอร่ามที่หาไม่ได้ในกรุงเทพฯ ให้ได้ถ่ายภาพ พร้อมสูดออกซิเจนกันให้เต็มปอด หรือจะจิบกาแฟสดไปด้วยแบบวิถีฮิปสเตอร์ก็ได้บรรยากาศอีกแบบ

มาถึงตัวเมืองอยุธยาก็เริ่มต้นด้วยการทำบุญไหว้พระกันก่อน เพราะที่นี่มีวัดมากมายทั้งเก่าและใหม่ แต่ถ้าอยากเริ่มต้นไหว้พระ พร้อมชมความเป็นที่สุดแล้วล่ะก็ ขอแนะนำที่ วัดพนัญเชิง ครับ วัดแห่งนี้เป็นวัดโบราณที่มีมาก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา โดยตั้งอยู่ไม่ไกลจากคลองสวนพลู ซึ่งในอดีตเคยเป็นย่านไชน่าทาวน์ของอยุธยามาก่อน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นวิถีความเป็นจีนปะปนอยู่อย่างมากมายภายในวัด

พระประธานของที่นี่คือ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต นอกจากจะเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นองค์ใหญ่ที่สุดของอยุธยาแล้ว ยังเก่าแก่กว่ากรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปีอีกด้วย ลองคิดคำนวณเล่นๆ ก็ 443 ปีเลยทีเดียว

ไหว้พระเสร็จเราไปหาความรู้เรื่องอยุธยาที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา กันดีกว่า เพราะนอกจากด้านในจะมีการจัดแสดงโบราณวัตถุที่ทรงคุณค่ามากมายหลายชิ้น อย่างเช่น เศียรพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่, พระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาท, ประตูไม้แกะสลัก และหัวเรือรูปครุฑ แล้ว ชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ยังเป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงเครื่องทองคำโบราณสมัยอยุธยา ซึ่งขุดพบภายในกรุของวัดราชบูรณะ โดยแต่ละชิ้นไม่ว่าจะเป็น สุวรรณมาลา หรือ หมวกทองคำ, พระคชาธารทองคำประดับอัญมณี และ เครื่องราชูปโภคทองคำชิ้นต่างๆ แต่ละชิ้นถือว่ามีความงดงามอย่างวิจิตรที่สุด และสามารถชมได้เพียงที่นี่ที่เดียวเท่านั้นในประเทศไทย

เต็มอิ่มกับความอลังการของเครื่องทองกันแล้ว เราไปต่อกันที่ วัดส้ม วัดที่แม้จะมีพื้นที่เล็กๆ แต่หากได้ลองเข้าไปชมแล้วล่ะก็จะต้องอึ้งกับความงามที่ซ่อนอยู่

ไฮไลต์ของที่นี่อยู่ที่พระปรางค์ประธานครับ แม้จะมีขนาดเล็กแต่กลับมีลวดลายปูนปั้นศิลปะอยุธยาที่งดงามมากที่สุด หลงเหลือให้เห็นอยู่เยอะที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา จุดนี้หลายท่านคงสงสัยว่าศิลปะของอยุธยานั้นสำคัญไฉน ผมก็คงพูดได้เพียงว่า “ศิลปะรัตนโกสินทร์หรือของกรุงเทพฯ ที่เราเห็นว่าสวยว่างามตามวัดวาอารามหรือพระราชวังในช่วงยุคต้นกรุงเทพฯ นั้น ก็รับคติและรูปแบบมาจากศิลปะอยุธยาแทบทั้งนั้น”

ยามบ่ายหลังอิ่มท้องกับอาหารกลางวันเลิศรสอย่างก๋วยเตี๋ยวเรือ หรือกุ้งแม่น้ำตัวเขื่องแล้ว เราจะออกจากเกาะเมืองอยุธยาไปยัง วัดพุทไธศวรรย์ กันต่อครับ วัดแห่งนี้เป็นพระอารามหลวงสำคัญในสมัยอยุธยาตอนต้น มีตำนานว่าบริเวณวัดนั้นเคยเป็นที่ตั้งของ “ตำหนักเวียงเล็กหรือเวียงเหล็ก” ของพระเจ้าอู่ทองใช้เป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับเมื่อทรงอพยพมาตั้งอยู่ก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยา จากเรื่องในตำนานนี้ทำให้เราคิดกันเล่นๆ ว่าตัวโบราณสถานภายในวัด อาทิ พระปรางค์ประธานสีขาวที่ตั้งเด่นอยู่นั้น เป็นพระปรางค์ที่เก่าแก่ที่สุดในอยุธยาหรือเปล่า อันนี้ต้องลองหาคำตอบกันดู

ไม่ไกลจากวัดพุทไธศวรรย์มากนัก ยังมีอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจ และคนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยเข้าไปชมกันแบบจริงจัง คือ หมู่บ้านโปรตุเกส ครับ

เป็นที่ยอมรับกันว่าโปรตุเกสเป็นประเทศในยุโรปชาติแรกสุดที่เข้ามาติดต่อกับกรุงศรีอยุธยา โดย อัลฟองโซ เดอ อัลบูเคอร์ก ผู้สำเร็จราชการเมืองมะละกาในขณะนั้น ได้ส่ง ดูอาร์เต เฟอร์แนนเดส เป็นทูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ของอยุธยา และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศซึ่งถ้านับดูแล้วก็รวมเวลาประมาณ 504 ปีเลยทีเดียว

ปัจจุบัน ภายในหมู่บ้านโปรตุเกสยังมีร่องรอยของสิ่งก่อสร้างปรากฏให้เห็นอยู่เล็กน้อย 3 แห่งคือ ซานเปาโล, ซานโตโดมิงโก และ ซานเปโดร ทั้งยังมีการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์และเครื่องปั้นดินเผาอีกด้วย

เพียงเท่านี้กับเวลา 1 วัน ก็คงเพียงพอสำหรับผู้รักการเดินทาง หรือผู้ที่ชื่นชอบ “ของเก่า เล่าใหม่” ทุกท่าน แต่ถ้ายังไม่จุใจล่ะก็ จะแวะเที่ยวจุดอื่นในยามเย็นหรือแวะซื้อของฝากขึ้นชื่ออย่างโรตีสายไหม ที่มีให้เลือกมากมายหลายร้านก็แล้วแต่ความพอใจเถอะครับ สำหรับหมุดไมล์ฉบับหน้าเราจะพาไปไหนนั้น ต้องติดตามตอนต่อไป

ในวันที่ 10 ตุลาคม 2558 นี้ เตรียมพบกับทัวร์ศิลปวัฒนธรรม “7 ที่สุด ในอยุธยา” จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มติชน อคาเดมี จะนำพาทุกท่านได้ร่วมแสวงหาและค้นคำตอบ เกร็ดความรู้ในแง่มุมต่างๆ อย่างละเอียด พร้อมร่วมทริปกับวิทยากรพิเศษ ผศ.ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ (02) 954-3977-84 ต่อ 2123, 2124 (จันทร์-ศุกร์) (082) 993-9097, (082) 993-9105 (เสาร์-อาทิตย์) หรือที่ http://www.matichonacademy.com และ https://www.facebook.com/Matichon.Academy.Thailand

Leave a comment