“Summer Street” ซีฟู้ดริมถนน ดีไซน์นำ ทำเพื่อคนเมือง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07021011058&srcday=2015-10-01&search=no

วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 382

รายงานพิเศษ

อันติกา

“Summer Street” ซีฟู้ดริมถนน ดีไซน์นำ ทำเพื่อคนเมือง

ด้วยช่วงที่เริ่มต้นเปิดร้านในฤดูฝนพอดี เราเจอปัญหาเยอะมาก ตอนนั้นคิดว่าถ้าผ่านจุดนี้ไปได้เราก็รอด แต่ถ้าไปไม่รอดก็จะเจ๊งไปแบบเงียบๆ ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน มารู้ตัวอีกทีลูกค้าต่อแถวยาวเหยียดเพื่อรอคิว ตอนนั้นยังงงเลยว่าผู้คนเขามาต่อแถวเพื่อทำอะไร และจนทุกวันนี้ ก็ยังได้เห็นปรากฏการณ์นั้นอยู่

“Summer Street” (ซัมเมอร์สตรีต) ร้านอาหารซีฟู้ดสุดแนว ที่มีจุดขายไม่ใช่แค่เมนูซีฟู้ดสดรสเด็ดเท่านั้น แต่ยังใส่บรรยากาศที่ร้อยรับไปกับไลฟ์สไตล์คนเมือง

3 นักออกแบบ ผู้เป็นเจ้าของธุรกิจ คุณก้าบ คุณวี และ คุณออย ร่วมกันก่อตั้ง Summer Street ขึ้น โดยเบื้องต้นไม่คิดว่าจะกลายเป็นร้านดังไกลเกินย่านซอยอารีย์ และไม่คิดว่าจะมีจำนวนลูกค้าต่อแถวยาวเหยียดเพื่อลิ้มรส เพราะจุดมุ่งหมายในการทำธุรกิจนี้ก็เพื่อเติมบรรยากาศสร้างร้านเล็กๆ ริมถนน ให้คนเมืองได้มีสถานที่ดื่มกิน

ซีฟู้ดริมถนน

ของคนมีดีไซน์

คุณวี เปิดฉากเล่าเรื่องราวกับการเริ่มต้นสู่ร้าน Summer Street ว่าแต่เดิมนั้น พื้นที่แห่งนี้คือร้านขายส้มตำ ซึ่งตนเองและเพื่อนทั้งสองคือลูกค้าขาประจำ เมื่อทราบว่ากิจการส้มตำกำลังจะยุติลง ด้วยความสนใจในเส้นทางค้าขายอาหาร กอปรกับชื่นชอบบรรยากาศย่านนี้ จึงเป็นเหตุให้เช่าทำเลต่อ

“ผมและคุณออยร่วมกันเปิดบริษัทรับงานด้านออกแบบอยู่ใกล้ๆ นี้เอง พอเวลาต้องการพักจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็จะลงมานั่งดื่มนั่งทานที่ร้านส้มตำแห่งนี้ประจำ ซึ่งพอเจ้าของร้านเปรยๆ ว่าจะหยุดกิจการ แต่ในขณะเราชอบบรรยากาศของร้าน ตอนนั้นจึงคุยกันว่าจะเช่าพื้นที่นี้ แต่จะทำอะไรขาย ก็มานั่งปรึกษาโดยชวนก้าบ ซึ่งเป็นเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยรังสิตมาด้วยกัน ร่วมก่อตั้งสร้างไอเดีย”

อาหารทะเล คือจุดสรุปของหุ้นส่วนทั้งสาม โดยให้เหตุผลจากความชอบ “เราทั้ง 3 คนผูกพันกับอาหารทะเลมาตั้งแต่เกิด เพราะคุณก้าบเป็นคนมหาชัย ออยอยู่จังหวัดเพชรบุรี ส่วนผมอยู่ปัตตานี เราชอบทานอาหารทะเลมาก แต่ในขณะมองว่าในเมืองติดรถไฟฟ้า หาร้านอาหารทะเลได้น้อยมาก อย่างในซอยอารีย์ไม่เห็นเลย แต่ถ้าทำเป็นร้านใหญ่ทำเลมันไม่ได้ เราจึงมองเพียงร้านเล็กๆ ที่ต้องมีความแตกต่าง คือทำร้านอาหารทะเลริมถนน เน้นการจัดร้าน เซตอาหารเป็นชุด ซึ่งไอเดียแบบนี้ตอนนั้นยังไม่เห็นในประเทศไทย”

ทั้ง 3 ผู้ประกอบการยังกล่าวถึงที่มาของไอเดียการทำธุรกิจลักษณะเช่นนี้ มาจากครั้งหนึ่งทั้ง 3 คนเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น แล้วมีโอกาสลิ้มรสอาหารปิ้งย่างที่เน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบ ซึ่งขณะนั้น คุณวีกล่าวขึ้นมาว่า ถ้ามีน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบบ้านเราคงเข้ากัน

ออกแบบจัดวาง

ครบ กุ้ง หอย ปู

จากพูดเล่นกลายเป็นทำจริงเมื่อสรุปได้ทำเลหมายปองแน่นอน แต่กระนั้นก็ใช้ระยะเวลาราว 3 เดือน ในการจัดวางระบบ โดยทั้ง 3 หุ้นส่วนอาศัยความผูกพันกับงานออกแบบมาเติมเต็มในธุรกิจนี้ นั่นคือ ความละเอียดกับการออกแบบตั้งแต่ ร้าน ดัดแปลงให้เป็นเหมือนรถลาก เพื่อเคลื่อนย้ายได้สะดวก เพราะกฎระเบียบกำหนดไว้คือ ห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวร แต่จะทำเช่นไรให้สวย และมีฟังก์ชั่นการใช้งานเหมาะสม ซึ่งผลงานการออกแบบนี้โดยฝีมือคุณก้าบ

โต๊ะเก้าอี้ที่มีไว้บริการ 10 ชุด ถูกออกแบบและจ้างผลิตใหม่ เพื่อให้สอดรับกับความลงตัวต่อการใช้งาน “โต๊ะจะต้องทำให้ระดับเตี้ยลงกว่าปกติ เพราะต้องเผื่อพื้นที่ตั้งเตาสำหรับปิ้งย่าง โดยความสูงอยู่ในระดับที่ลูกค้าสะดวกใช้งาน แม้กระทั่งตะแกรงนำมาใช้สำหรับปิ้งย่าง สั่งทำจากวัสดุเกรดปลอดภัยกับอาหาร แม้ราคาจะสูงถึงอันละ 1,000 กว่าบาท แต่ยอมจ่าย จริงอยู่ว่าตรงนี้ลูกค้าอาจมองข้าม แต่เราในฐานะผู้ประกอบการไม่ควรมองผ่าน” คุณออย กล่าว

การจัดชุดเมนูอาหาร ต้องถือว่าเป็นความแตกต่างกับร้านทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เพราะแต่เดิมการขายอาหารซีฟู้ดจะสั่งกันตามน้ำหนัก แต่ Summer Street จัดชุดอาหารไว้บริการ 3 ขนาดคือ ชุดเล็ก 399 บาท ชุดกลาง 599 บาท และชุดใหญ่ 999 บาท ในภาชนะตะกร้าทรงสวย ที่มีเมนูอาหารทะเลยืนพื้นในทุกชุด ได้แก่ กุ้งก้ามกราม ปลาหมึก หอยเชลล์ หอยแครง หอยแมลงภู่ หอยหวาน โดยแต่ละชุดจะต่างที่ปริมาณ หรือถ้าต้องการสั่งเมนูนอกเหนือก็มีไว้บริการหลากหลาย อย่าง ปูทะเล หรือกับเมนูราคาสูงอย่างกุ้งลายเสือ

วิธีการรับประทานยังแตกต่าง เพราะจากร้านทั่วไปยกมาเสิร์ฟขณะสุกพร้อมทาน แต่ทว่า Summer Street ให้ลูกค้าลงมือปิ้งย่างด้วยตนเอง ซึ่งกับรูปแบบนี้กว่าจะสร้างความเข้าใจให้ลูกค้าได้ต้องใช้ระยะเวลานานนับเดือน

“ด้วยเพราะไม่เคยมีใครทำมาก่อน จึงกลายเป็นความใหม่ แน่นอนว่า แรกๆ ลูกค้าไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมซื้อแล้วต้องมาย่างเอง อยู่หน้าเตาร้อนๆ แกะกุ้งเอง แกะหอยเอง แม้เราจะล้างทำความสะอาดมากกว่า 3 รอบ ตัดหนวดกุ้งให้น่าทานแล้ว แต่ทุกอย่างคือคำถามที่เราต้องทำความเข้าใจกับลูกค้า ไม่เพียงเท่านั้น ไหนจะเรื่องของทำเลที่ตั้งริมถนน ลูกค้าจะหวั่นเรื่องความสะอาด ร้อน ฝนตก ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เมื่อเรารับฟัง อันไหนเห็นด้วยก็แก้ไขปรับไป แต่อันไหนที่เป็นจุดยืนก็ต้องดำรงไว้เช่นนั้น”

ทำเลขายริมถนน

แต่ใส่ใจต้องสะอาด

ทั้งนี้ คุณออย ยังกล่าวถึงการสร้างร้านให้อยู่ในความคาดหวังของลูกค้า โดยยกตัวอย่างความสะอาด ซึ่งทำเลริมถนนย่อมมีปัญหา กลิ่น แมลงสาบ หนู ฉะนั้น ก่อนลงมือเปิดร้าน คุณออย ว่า ต้องจ้างพนักงานมาทำความสะอาดใหญ่ให้พื้นที่สะอาดที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจนทุกวันนี้ก่อนเปิดและปิดร้านจะดูแลความสะอาดตลอด และในทุกๆ 2 สัปดาห์จะทำความสะอาดครั้งใหญ่ เพื่อไม่ให้กลิ่นของอาหารทะเลติดอยู่กับพื้น และสำคัญคือ ป้องกันสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์เข้ามารบกวน

“ปัญหาที่แก้ไม่ได้คือ ฤดูกาล โดยเฉพาะหน้าฝน จะเป็นอุปสรรคมาก ก็ได้แค่ทำหลังคา กางเต็นท์ป้องกัน เพราะนอกจากนั้นก็เหนือความควบคุม แต่ว่าด้วยช่วงที่เริ่มต้นเปิดร้านในฤดูฝนพอดี เราเจอปัญหาเยอะมาก ตอนนั้นคิดว่าถ้าผ่านจุดนี้ไปได้เราก็รอด แต่ถ้าไปไม่รอดก็จะเจ๊งไปแบบเงียบๆ ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน มารู้ตัวอีกทีลูกค้าต่อแถวยาวเหยียดเพื่อรอคิว ตอนนั้นเรายังงงเลยว่าผู้คนเขามาต่อแถวเพื่อทำอะไร และจนทุกวันนี้ ก็ยังได้เห็นปรากฏการณ์นั้นอยู่ เราจึงต้องขอเบอร์โทรศัพท์ลูกค้าไว้ แล้วเมื่อใกล้ถึงคิวก็จะโทรตาม”

คุณออย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ก่อนจะเริ่มดำเนินธุรกิจ จะวางแผนจัดระบบไว้อย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะคิดคำนวณต้นทุน การจัดชุดอาหาร ตั้งราคา วางแผนการขาย รายละเอียดต่างๆ แต่ทว่าในวันลงมือจริง จะได้เห็นปัญหาทุกวัน แต่ด้วยเพราะมีพื้นฐานทำงานด้านออกแบบ ซึ่งเป็นงานต้องใช้พลังความคิด และการแข่งขันสูง ทำให้สามารถรองรับอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

“เราเป็นคนทำอะไรแล้วไม่มองข้ามรายละเอียด อย่างการจัดชุดอาหาร ตอนก่อนลงมือทำ ถือกระจาดไปตลาดเลยนะ 3 คนยืนอยู่หน้าร้าน หยิบกุ้งสองสามตัว หอย ปลาหมึก มาวางเรียง จัดให้ได้องค์ประกอบ สี ปริมาณ ขนาดวัตถุดิบ ทุกอย่างต้องออกมาสวย เรามองว่าการทำธุรกิจดีไซน์จะต้องนำ ในขณะที่ตอนนั้นตลาดเขาวุ่นวายมาก ยอมโดนพ่อค้าแม่ค้าต่อว่า สุดท้ายยังไม่ลงตัว ก็ซื้อทุกอย่างมาลองจัดใหม่ จนได้ออกมาอย่างที่เห็น”

วัตถุดิบแพง แต่ดี

คุณภาพนำ น้ำจิ้มอร่อย

ในส่วนของการคัดเลือกวัตถุดิบ แหล่งซื้อ คุณก้าบ ซึ่งรับหน้าที่หลัก กล่าวว่า จากเริ่มต้นเดินทางไปตลาดด้วยตนเอง เพื่อคัดเลือกให้ได้คุณภาพอันดับต้นๆ กระทั่งลงตัวแล้ว จึงให้ซัพพลายเออร์ที่ไว้วางใจ นำสินค้ามาส่งถึงหน้าร้าน

“คนอาจมองว่า กุ้งคือกุ้ง หอยคือหอย แต่จริงๆ คิดแค่นั้นไม่ได้ เพราะถ้าลงลึกในรายละเอียดจะรู้ว่าแตกต่าง ทั้งเรื่องขนาด ความสด จากนั้นก็ต้องมาดูที่ระยะเวลาการขนส่ง การจัดเก็บ เพื่อคงความสด เพราะสิ่งนี้สำคัญมาก เราไม่ต้องการให้ลูกค้าทานแล้วสะดุด ทุกวันนี้จึงคัดเลือกซัพพลายเออร์ที่ไม่ได้เน้นจำนวนสั่งซื้อ แต่เรายอมจ่ายแพง เพื่อให้ได้ของสดใหม่ทุกวัน และเราไม่มีตู้แช่สต๊อกวัตถุดิบ”

สำหรับแหล่งวัตถุดิบ คุณก้าบ ว่า มาจากหลายแห่ง อาทิ พังงา สุราษฎร์ธานี แม่กลอง โดยนอกจากคำนึงถึงคุณภาพความสดแล้ว ขนาดยังเป็นเรื่องต้องใส่ใจให้เท่าๆ กัน ในทุกๆ รอบการสั่งซื้อ

อาหารทะเลจะอร่อยยิ่งขึ้น ถ้าได้เคียงคู่น้ำจิ้มรสเด็ด ซึ่งสูตรส่วนผสมการปรุงนี้ต้องยกให้คุณออย ผู้รับหน้าที่ โดยคุณออย ว่า เป็นสูตรชาวบ้านที่เหมือนแม่ทำให้ทาน ฉะนั้น วัตถุดิบจึงไม่มีอะไรมาก แต่ที่ออกมารสชาติถูกปากเพราะคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี ไม่ว่าจะเป็น พริก กระเทียม มะนาว น้ำปลา น้ำตาล โดยไม่เติมแต่งชูรส

“เคยคิดว่าถ้าไม่ได้เรียนด้านศิลปกรรมก็คงเรียนทำอาหารไปแล้ว เพราะชอบเข้าครัวมาตั้งแต่เด็กๆ ได้เรียนรู้การปรุง และเห็นความสำคัญของวัตถุดิบมาก อย่างมะนาวใช้ผลสด แม้ราคาจะขยับไปที่ลูกละ 20 บาท ก็คงต้องใช้ แต่ว่ารสชาติของวัตถุดิบจะมีต่างไปบ้างตามฤดูกาล อย่างมะนาวหน้าฝน กับหน้าหนาว รสเปรี้ยวต่างกัน เช่นเดียวกับความเผ็ดของพริก ความหวานของน้ำตาล เราก็ต้องปรับๆ ไป แต่จะให้เหมือนกันทุกวันคงตอบว่าทำขนาดนั้นไม่ได้ แต่พยายามทำให้อยู่ในสูตร โดยการปรุงรสน้ำจิ้มมีปรับไปตามความต้องการของลูกค้าส่วนหนึ่ง เพราะแรกๆ ที่ทำขายต้องยอมรับว่า จะให้ลูกค้าทุกคนมาชื่นชอบรสเดียวกับเราคงไม่ใช่ ต้องมีปรับบ้าง”

มีปัญหาเคลมได้

ต่างชาติ คนไทย ตรึม

ผ่านระยะเวลาดำเนินธุรกิจมากว่า 1 ปี แม้ในภาพรวมจะดูว่าอยู่ตัวแล้ว แต่ทั้ง 3 ผู้ประกอบการยังคงต้องเดินทางมาดูแลกิจการตลอด เพราะเข้าใจว่าธุรกิจนี้เกิดปัญหาเฉพาะหน้าได้ทุกวัน อย่างเป็นต้นว่า วัตถุดิบ แม้จะตรวจสอบอย่างดีทุกรายการ แต่บางชนิดเหนือการควบคุม

“อย่างหอยแครง 100 ตัว จะบอกว่าทั้งร้อยตัวดีหมดคงไม่ได้ บางตัวแกะออกมาแล้วมีดินไม่มีเนื้อ ตรงนี้บอกลูกค้าเลยว่าเคลมได้ เปลี่ยนตัวใหม่ไปเลย หรือทานแล้วรสชาติแปลกๆ แจ้งได้เลยครับ เพราะเหนือการควบคุมจริงๆ เราเสิร์ฟทั้งเปลือก ก็จะดูแลยาก แต่ว่าความรับผิดชอบสำคัญ ซึ่งลูกค้าก็เข้าใจ” คุณวีและคุณก้าบ กล่าว

จากเริ่มต้นมองกลุ่มเป้าหมายคนในย่านอารีย์ แต่บัดนี้กลับกลายเป็นมีลูกค้าทั้งต่างจังหวัด และต่างประเทศเข้ามาอุดหนุน โดยชาวต่างชาติเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ “อิทธิพลสำคัญคือการบอกต่อ และยิ่งตอนนี้มันมีโซเชียลเข้ามาทำให้เร็วมาก และอีกส่วนหนึ่งต้องขอบคุณกระแสฟู้ดทรัก ทำให้เราได้รับการรู้จักไปด้วย บางคนบอกมาจากเชียงใหม่ ก็แวะเข้ามาทาน หรืออย่างชาวต่างชาติหลายคนรู้จากบล็อกเกอร์นำไปลง ซึ่งเราก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีคนมาเขียนให้ ซึ่งถ้าเป็นชาวต่างชาติ บางคนเขาทานเผ็ดไม่ได้ เราก็เสิร์ฟมายองเนส หรือซีอิ๊ว หรืออย่างชาวเกาหลี เขาจะมีน้ำจิ้มมาเอง”

ในวันนี้สามารถตอบได้ว่า Summer Street คือตัวอย่างความสำเร็จของการทำธุรกิจให้กับใครอีกหลายๆ คน ซึ่งตรงนี้ทั้ง 3 ผู้ประกอบการมองว่าดี ถ้าทุกคนทำโดยมีจุดมุ่งหมายตรงความเข้าใจในผู้บริโภค มิใช่มุ่งหวังกำไรเป็นที่ตั้ง

“คนจะทำธุรกิจต้องคิดให้เยอะ ต้องรู้จักตัวเอง และมีจุดยืนชัดเจน อย่ามัวแต่มองเรื่องเงินเป็นหลัก แต่ขอให้มองว่าทำแล้วเราชอบหรือเปล่า เราขายจิตวิญญาณของเราหรือเปล่า เพราะโดยส่วนตัวถ้าทำธุรกิจโดยมองเรื่องของตัวเงิน ไปทำธุรกิจอื่นน่าจะได้มากกว่านี้ ยกเว้นว่าถ้ามองเรื่องเงินแต่ในขณะเดียวกันก็มีไอเดีย อันนี้ทำได้นะ เพราะความต่างทำให้ได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ” คุณออยและคุณก้าบ กล่าว

ด้วยเพราะเป็นธุรกิจหนึ่งที่น่าจับต้อง จึงมีผู้สนใจก้าวมาสู่เส้นทางสายนี้ ซึ่งเมื่อถามในรูปแบบแฟรนไชส์ คุณออย กล่าวด้วยรอยยิ้ม ยังไม่พร้อมเปิดช่วงนี้ แต่อนาคตไม่แน่ ส่วนรูปแบบวางไว้แน่นอน คือการขยายธุรกิจด้วยตัวเอง โดยมองหาทำเลซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องอยู่ริมถนนก็ได้ แต่ขอให้ได้บรรยากาศเพื่อทำร้านให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในย่านนั้น

สนใจต้องการลิ้มรสความอร่อยของอาหารทะเลริมถนน เดินทางไปได้ที่ “Summer Street” อารีย์ซอย 2 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือคลิก Facebook.com/SummerStreet

ข้อมูลจำเพาะ

กิจการ จำหน่ายอาหารซีฟู้ดประเภทปิ้งย่าง

ชื่อกิจการ Summer Street

การลงทุน หลายแสนบาท (โดยหมดไปกับการสร้างร้านและอุปกรณ์เป็นหลัก)

กำไร ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์

จุดเด่น จัดชุดซีฟู้ดสำหรับปิ้งย่างด้วยตัวเอง โดยเน้นการตกแต่งให้มีดีไซน์

เจาะทำเลริมถนน ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี สด สะอาด ปริมาณเหมาะสมกับราคา

พนักงาน 3-4 คน

เวลาให้บริการ จันทร์-เสาร์ เวลา 16.00-22.00 น.

สถานที่ตั้งร้าน ซอยอารีย์ 2 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือ Facebook.com/SummerStreet

สูตรน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซบ

อาหารทะเล ไม่ว่าจะกินที่ไหน กินเมื่อไหร่ก็ขาด “น้ำจิ้มซีฟู้ด” ไม่ได้ บางคนถึงกับพกน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบขวดพกพาไปต่างประเทศ เพื่อกินคู่กับอาหารทะเลบ้านเขากันเลย

บรรดามือใหม่ที่อยากเปิดร้านอาหารซีฟู้ด เรามีสูตรน้ำจิ้มรสแซบ ที่รับรองว่าถูกลิ้นคนไทยอย่างแน่นอน

บางสูตรเป็นสูตรดั้งเดิม หรือบางสูตรก็เป็นสูตรที่ดัดแปลง เพิ่มความแปลก และน่าสนใจชวนชิม

น้ำจิ้มซีฟู้ด (สูตรยอดนิยม)

ส่วนผสม

พริกขี้หนูสวน

(สีเขียวผสมสีแดง) 20 เม็ด

พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ 20 เม็ด

กระเทียมไทยแกะเปลือก 1/2 ถ้วย

รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือ 4 ช้อนชา

น้ำตาลทราย 7 ช้อนชา

น้ำมะนาว 1/2 ถ้วย

น้ำต้มสุก 1/2 ถ้วย

วิธีทำ

1. ใส่พริกขี้หนูทั้งหมดลงในเครื่องปั่น ตามด้วยกระเทียม รากผักชี เกลือ น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว ปั่นให้เข้ากันพอหยาบ

2. ใส่น้ำต้มสุกลงไป คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

น้ำจิ้มซีฟู้ด (สูตรใช้น้ำตาลปี๊บแทนน้ำตาลทราย)

ส่วนผสม

น้ำตาลปี๊บ 500 กรัม

เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำร้อน 3 ? ถ้วย

น้ำมะนาว 4 ถ้วย

พริกขี้หนู 200 กรัม

กระเทียมไทย 200 กรัม

ผักชี 200 กรัม

วิธีทำ

1. ใส่น้ำตาลปี๊บลงในอ่างผสม ตามด้วยเกลือและน้ำร้อน คนให้เข้ากันจนให้น้ำตาลปี๊บละลายเป็นน้ำ จากนั้นเติมน้ำมะนาวลงไปคนให้เข้ากัน

2. เทส่วนผสมน้ำที่ผสมไว้ลงในเครื่องปั่น ตามด้วยพริกขี้หนู กระเทียม และผักชี ปั่นให้เข้ากันตามความละเอียดที่ต้องการ ตักใส่ขวดโหลแก้ว หรือภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด

น้ำจิ้มซีฟู้ด (สูตรใส่สับปะรด)

สูตรนี้เพิ่มความแปลกแต่กลมกล่อมด้วยการใส่สับปะรดลงไปผสมกับพริกขี้หนู กระเทียม น้ำตาลทราย เพิ่มความเปรี้ยวจากน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชู และมีรสเค็มจากเกลือ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากรากผักชี

ส่วนผสม

เนื้อสับปะรด 1 ถ้วย

กระเทียม 1/2 ถ้วย

พริกขี้หนูสีแดง 1 กำมือ

รากผักชี 5 ราก

น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย

น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย

น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย

น้ำปลา 1/2 ถ้วย

เกลือ 20 กรัม

วิธีทำ

นำทุกอย่างใส่ลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้แล้วปั่นรวมกันให้ละเอียดตามชอบ

ขอบคุณสูตรและรูปภาพจากเว็บไซต์กระปุกดอทคอม

Leave a comment