ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07082151058&srcday=2015-10-15&search=no
| วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 383 |
บัญชีธุรกิจ
วิโรจน์ เฉลิมรัตนา virojch@yahoo.com
การยื่นงบการเงิน ผ่านอินเตอร์เน็ต
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพิ่งออกประกาศเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2558 กำหนดให้นิติบุคคลที่เคยส่งงบการเงินให้กระทรวงพาณิชย์ ต้องนำส่งงบการเงินสำหรับปี 2558 ผ่านอินเตอร์เน็ตโดยระบบ e-filing ของกระทรวงพาณิชย์
ในอดีตกว่าที่ข้อมูลงบการเงินจะเข้าไปอยู่ในฐานข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ กิจการมีเวลาทำงบการเงินให้ผู้ตรวจสอบบัญชีและนำส่งงบการเงิน (แบบกระดาษ) ภายในเดือนพฤษภาคมของทุกปี และกว่าที่กระทรวงพาณิชย์จะให้เจ้าหน้าที่ป้อนข้อมูลเข้าระบบคลังข้อมูลในเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าก็อีกหลายเดือน ข้อมูลงบการเงินจึงไม่เคยมีพร้อมให้ใช้ได้ทันเวลาเสียที
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงหาวิธีนำส่งงบการเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ต เพื่อที่ในเวลา 5 เดือน เมื่อกิจการนำส่งงบการเงินจะใช้วิธีป้อนข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะโดยแบบฟอร์มในเว็บไซต์ หรือการอัพโหลดข้อมูลในรูป Excel ขึ้นไปแปลงข้อมูลเข้าระบบในเว็บไซต์ โดยบังคับกิจการทุกแห่งต้องนำส่งงบการเงินผ่านช่องทางนี้เท่านั้น (และยกเลิกระบบนำส่งงบแบบกระดาษ) โดยหากใช้วิธีนี้ข้อมูลงบการเงินจะมีพร้อมให้นำมาใช้ได้ภายใน 5 เดือนของทุกปีแทน
ในเดือนกันยายน 2558 กิจการต่างๆ คงต้องหัวหมุนรีบจัดเตรียมเอกสารเพื่อแจ้ง Username และ Password แก่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จากนั้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะส่งรหัสลับผ่านอีเมลให้กิจการ และกิจการนำรหัสลับกลับมาลงทะเบียนในเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าภายใน 30 วัน เพื่อ Activate บัญชีการนำส่งงบการเงินของกิจการให้พร้อมไว้สำหรับการยื่นงบการเงินประจำปี 2558 ในช่วงเดือนมกราคม ถึง พฤษภาคม 2559
เข้าใจว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าคงต้องการให้ทุกคนตื่นตัวและรีบดำเนินการ จึงออกประกาศวันที่ 4 กันยายน 2558 สั่งให้กิจการหลายแสนรายดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกันยายน 2558 เท่ากับมีเวลาดำเนินการกันจริงๆ เพียง 26 วันเท่านั้น
ขั้นตอนการส่ง Username และ Password กิจการต้องกรอกแบบฟอร์มขอรับรหัสผู้ใช้งาน และรหัสผ่านในเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) จากนั้นพิมพ์แบบฟอร์มดังกล่าวเพื่อนำไปยื่นที่สำนักงาน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอรหัสลับ ในแบบฟอร์มดังกล่าวกิจการต้องระบุชื่อผู้มีอำนาจลงนามผูกพัน อีเมลของกิจการ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะส่งรหัสลับ (Activation Code) ให้ทางอีเมล จากนั้น กิจการต้องนำรหัสลับไปยืนยันการใช้งานผ่านระบบเว็บไซต์ ภายใน 30 วัน จึงจะเสร็จพิธี
การนำส่งข้อมูลในช่วงนำส่งงบการเงินช่วงมกราคม ถึง พฤษภาคม 2559 กิจการต้องใช้วิธีป้อนข้อมูลเข้าเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าทั้งตัวเลขในงบการเงิน ข้อมูลที่เคยกรอกในแบบ สบช.3 รวมทั้งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) ผ่านระบบ e-filing
นอกจากกรอกข้อมูลในระบบแล้ว กิจการต้องสแกนงบการเงินในรูป PDF แนบเข้าระบบอีกด้วย เท่ากับกิจการไม่ต้องนำงบกระดาษพร้อมเอกสารต่างๆ แล้วเดินทางไปส่งให้กรมเหมือนในอดีต แต่จะส่งด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์แทนทั้งหมด
เข้าใจว่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 จะยังมีกิจการจำนวนมากที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนเพื่อขอรับรหัสต่างๆ เพราะด้วยจำนวนนิติบุคคลและกำลังเจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ไม่น่าจะเพียงพอที่จะรองรับการนำเอกสารไปยื่น โดยเจ้าหน้าที่ต้องตรวจเอกสารและคีย์ข้อมูลเข้าระบบ ในขณะที่มีคิวรอยื่นเอกสารอยู่เป็นจำนวนมาก ในวันท้ายๆ ก่อนกำหนดเส้นตาย เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีรับเอกสารไว้ก่อน แล้วจะค่อยติดต่อกลับไปหากเอกสารไม่ถูกต้องครบถ้วน
อันที่จริงแนวคิดการนำส่งงบการเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นประโยชน์และเป็นเป้าหมายที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าต้องการให้คลังข้อมูลเกี่ยวกับนิติบุคคลนั้นทันเวลาและสะดวกรวดเร็ว ลดภาระของกิจการลง แต่ด้วยวิธีการที่กรมกำหนดขึ้นนั้น ทำไปทำมาดูเราจะเริ่มต้นด้วยการยื่นเอกสารกระดาษแล้วหวังว่าต่อไปจะทำงานด้วยอิเล็กทรอนิกส์ น่าจะแสวงหาวิธีการเริ่มต้นด้วยอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายที่เราต้องการทำอะไรที่ทันต่อเหตุการณ์และสะดวกรวดเร็ว อันที่จริงระบบไอทีก็มีรูปแบบและวิธีการลงทะเบียนที่มีระบบความปลอดภัยอยู่เป็นกลไกสำคัญเป็นหลักอยู่แล้ว ทำไมเรายังต้องยื่นเอกสารกระดาษกันอยู่อีก
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็คิดในลักษณะเดียวกันกับ Regulator ทั้งหลายในบ้านเรา ที่มักใช้แนวคิดโยนภาระการความยุ่งยากไปที่กิจการ ใช้วิธีการที่เรียกว่า “เอาง่ายเข้าว่า” จะยุ่งยากซับซ้อนก็เป็นหน้าที่ที่กิจการต้องทำตามคำสั่ง แถมการให้เวลาอย่างจำกัดทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่า กำลังเจ้าหน้าที่ก็ไม่เพียงพอรองรับ ยิ่งสะท้อนวิธีการทำงานที่ยังไม่เป็นมืออาชีพพอ
หรือกรมจะคิดทำนองว่า ถ้าประกาศคำสั่งโดยให้เวลาไปจนถึงสิ้นปีเพื่อลงทะเบียน กิจการส่วนใหญ่ก็จะไปเร่งทำกันในสัปดาห์สุดท้าย อย่ากระนั้นเลย ออกประกาศเร่งรัดไปก่อน แล้วค่อยขยับขยายเวลากันอีกที หรือเปล่า แต่อย่างน้อยก็ต้องคิดว่ามีคนที่เขาพร้อมจะลงมือทำแต่เนิ่นๆ ก็ต้องให้โอกาสเขามีเวลา และวางแผนงานตัวเองได้ ไม่ใช่ต้องทิ้งงานอื่นแล้วมาเร่งทำงานนี้ เพียงเพราะกรมให้เวลาเพียง 26 วัน (นับจากประกาศคำสั่ง) ในขณะที่นิติบุคคลที่ต้องดำเนินการมีหลายแสนราย
เข้าใจว่า ในท้ายที่สุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คงต้องประกาศขยายเวลาออกไปอีก เพื่อให้กิจการมีเวลาพอที่จะดำเนินการต่อไป
อีกปัญหาหนึ่งซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2559 ก็คือ หากกิจการส่วนใหญ่เข้าไปในระบบเพื่อนำส่งงบการเงินในช่วงวันท้ายๆ ก่อนกำหนดวัดเส้นตาย ระบบคอมพิวเตอร์ของกรมจะมี Capacity รองรับปริมาณการจราจรทางอิเล็กทรอนิกส์ของกิจการได้หรือไม่