ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07078151058&srcday=2015-10-15&search=no
| วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 383 |
BIG IDEA
สุมิตรา จันทร์เงา
สวนสวรรค์ “ตันสัจจา”
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทยอีกเรื่องที่รู้สึกว่าถ้าไม่เขียนถึง ก็คงจะตกกระแสของปีนี้แน่นอน และจะกลายเป็นคอลัมนิสต์ที่เชยล้าหลังอย่างแรง
นั่นคือเรื่องราวของการจัดดอกไม้ประดับงานศพและเมรุวัดธาตุทอง (พระอารามหลวง) ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ “นางนงนุช ตันสัจจา” ผู้ก่อตั้ง สวนนงนุช พัทยา เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2558
พิธีพระราชทานเพลิงศพอบอวลไปด้วยกลิ่นกรุ่นของมวลดอกไม้นานาพรรณ และความงดงามอลังการของการจัดสวนประดิษฐ์ด้วยดอกไม้สด ตามแนวคิด “สวนดอกไม้บนสวรรค์” ของนายกัมพล ตันสัจจา บุตรชาย ผู้ออกแบบสวนดอกไม้ให้ช่างฝีมือจำนวน 300 คน เนรมิตประดิดประดอยขึ้นในเวลาถึง 3 วัน 3 คืน
นี่คือมหกรรมการจัดดอกไม้สดประดับงานศพขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดขึ้นมาในประเทศไทย ใช้งบประมาณเกือบ 10 ล้านบาท และดอกไม้เป็นล้านๆ ดอก
เพราะ “คุณโต้ง” กัมพล ตันสัจจา ต้องการให้ “เป็นงานศพที่มีแต่รอยยิ้ม ไม่มีน้ำตา”
นางนงนุช ตันสัจจา เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคชรา สิริอายุได้ 91 ปี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2558 และการจัดดอกไม้ประดับศาลาสวดศพอย่างสวยสดงดงามก็เริ่มขึ้นตั้งแต่วันแรกไปจนกระทั่งถึงวันสุดท้าย ซึ่งเป็นวันพระราชทานเพลิง ซึ่งทำได้อย่างยิ่งใหญ่อลังการตื่นตาตื่นใจอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน สมกับที่เป็นผู้ก่อตั้งสวนนงนุช สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอันดับต้นๆ ของเมืองพัทยาและของประเทศ
นางนงนุชและสามีคือ นายพิสิฐ ตันสัจจา สร้างสวนนงนุชขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2497 โดยซื้อที่ดิน 1,500 ไร่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 163 ระหว่างพัทยา-สัตหีบ ทำเป็นสวนผลไม้ ต่อมาเมื่อได้เดินทางไปดูสวนดอกไม้ในประเทศต่างๆ ก็เกิดความประทับใจ จึงมีแนวคิดที่จะ “จัดสวนให้คนมาเที่ยว” บ้าง จึงเปลี่ยนสวนผลไม้เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับ และปลูกสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก อาคาร ร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก สระว่ายน้ำ ฯลฯ สำหรับบริการนักท่องเที่ยว จนสามารถเปิดอย่างเป็นทางการได้ในปี 2523
จากนั้นอีก 6 ปีต่อมา นางนงนุชได้มอบภารกิจการบริหารงานให้ลูกชายคือ กัมพล ตันสัจจา เป็นผู้อำนวยการสวนนงนุช มาจนถึงวันนี้
ปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าเยี่ยมชมสวนนงนุช พัทยา ปีละ 2 ล้านคน สร้างรายได้ถึง 1,000 ล้านบาท ภายในสวนเต็มไปด้วยสีสันอันหลากหลายของมวลดอกไม้และความร่มเย็นเขียวขจีของพืชนานาพรรณที่ได้รวบรวมจากทั่วทุกมุมโลกมาจัดแสดง
สวนนงนุชมีพันธุ์ไม้มากกว่า 18,000 ชนิด มีการจัดสวนหลากหลายแปลกตาน่าสนใจ เช่น “สวนตุ๊กตากระถาง” ทำจากกระถางกว่า 50,000 ใบ “สวนสับปะรดสี” “สวนกล้วยไม้” ที่หมุนเวียนออกดอกหอมให้ชมกันตลอดปี “สวนฝรั่งเศส” ที่จำลองสวนมาจากพระราชวังแวร์ซายน์ “สโตนเฮนจ์” จำลองมาจากสโตนเฮนจ์ในประเทศอังกฤษ สวนตะบองเพชรและไม้ใบอวบ สวนผีเสื้อที่มีมากกว่า 40 สายพันธุ์ สวนหิน สวนพุทธรักษา สวนปาล์มโลก ซึ่งเป็นสวนที่รวบรวมพันธุ์ปาล์มจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 1,000 ชนิด และสวนปรงกว่า 280 ชนิด สวนบอนไซ สวนโมก สวนรถไฟจำลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย เป็นต้น
นายกัมพล เคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าเขาจะทำให้สวนนงนุชเป็นสวนหนึ่งที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก โดยแนวคิดในการจัดสวนของเขาคือ ความอลังการและแปลกใหม่ เพื่อสร้างสวนนงนุชให้เป็น “ดิสนีย์แลนด์ ออฟ การ์เด้น”
สวนนงนุชเน้นการทำงานแบบเปลี่ยนแปลงตัวเองไปตามความต้องการของลูกค้า ให้เห็นความแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยจัดสวนใหม่ทุก 6 เดือน หมุนเวียนเอาพรรณไม้มีค่าหายากออกมาโชว์สลับกันไป เป็นการดึงให้คนกลับมาเที่ยวได้ซ้ำๆ โดยไม่เบื่อ และสามารถใช้เวลาทั้งวันได้ที่สวนนงนุชในฐานะเมืองแห่งความสุข
ตามเจตนารมณ์ของมารดาที่ว่า
“ณ ที่แห่งนี้ นงนุช ตันสัจจา ขอมอบให้เป็นมรดกทางการศึกษาแก่ชนรุ่นหลัง เพื่อเรียนรู้และพัฒนาสืบไป”
นอกจากการสร้าง ดิสนีย์แลนด์ ออฟ การ์เด้น ขึ้นในเมืองไทยแล้ว กัมพล ตันสัจจา ยังออกไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศในระดับนานาชาติ ด้วยการเข้าร่วมประกวดจัดสวนในงาน Chelsea Flower Show ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในเดือนพฤษภาคมของทุกปีต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 6 แล้ว และผลงานการจัดสวนของเขาคว้ารางวัลชนะเลิศเหรียญทองติดต่อกันมาได้ถึง 6 ปีซ้อน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2558 สวนนงนุช พัทยา ก็คว้าเหรียญทอง ในงาน Chelsea Flower Show 2015 อีกครั้ง เป็นการจัดสวนดอกไม้ในคอนเซ็ปต์ “คนไทยกับพระพุทธศาสนา” หรือ Thailand Land of Buddhism เน้นไปที่ความงดงามของดอกกล้วยไม้ไทยที่หลากสีสัน ซึ่งนำมาใช้ในงานนี้มากกว่า 100,000 ดอก นับเป็นการสร้างชื่อเสียงและช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้เป็นที่ประจักษ์แก่นานาชาติ โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชมในความงามของดอกไม้ไทย
สำหรับการจัดดอกไม้ในพิธีพระราชทานเพลิงศพนั้นเป็นที่กล่าวขานกันไปทั้งประเทศว่า สวยงาม ตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุดเพราะใช้ดอกไม้สดทั้งสิ้น เฉพาะกุหลาบอย่างเดียว 200,000 ดอก กล้วยไม้สกุลหวาย 500,000 ช่อ กล้วยไม้คัทลียา 65,000 ช่อ สับปะรดสี 8,000 ต้น ถือว่ายิ่งใหญ่กว่างาน Chelsea Flower Show ที่อังกฤษถึง 8 เท่า
คนที่บ้านอยู่ใกล้วัดธาตุทองแม้ไม่ได้รู้จักครอบครัว “ตันสัจจา” ต่างก็แอบไปชื่นชมการจัดดอกไม้ครั้งนี้ตั้งแต่ช่วงที่ยังมีการสวดอภิธรรมอยู่ ซึ่งเจ้าภาพก็ปล่อยให้ผู้ที่ชื่นชอบความงดงามของดอกไม้และการประดิษฐ์ดอกไม้ได้ถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่โดยไม่มีการกีดกันแต่อย่างใด
ผู้ที่ได้เห็นต่างก็ชื่นชมว่านายกัมพลเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งด้านความกตัญญูและแนวทางจัดดอกไม้อย่างสร้างสรรค์สวยงาม ส่งเสริมดอกไม้ไทยและความเป็นไทยออกมาได้อย่างโดดเด่น มีคุณค่า ถือว่าเป็นการจัดดอกไม้งานศพระดับ Amazing Thailand เลยทีเดียว
สำหรับผู้ที่ไปร่วมประชุมเพลิง ทางเจ้าภาพได้แจกหนังสืออนุสรณ์ และต้นสับปะรดสีให้เอากลับไปปลูกที่บ้าน สร้างความประทับใจอย่างยิ่ง
แขกที่ไปร่วมงานศพนอกจากได้ร่วมอำลาอาลัยผู้วายชนม์แล้ว ยังได้เรียนรู้ถึงมุมมองความคิดด้านบวกเป็นของแถมด้วย เพราะในงานมีแต่ความสวยงาม ไม่หม่นหมอง เห็นแต่รอยยิ้มของลูกหลานตระกูล “ตันสัจจา” สมกับที่ลูกหลานมีความตั้งใจที่จะทำให้คุณแม่นงนุชเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแสดงความอาลัยรักอย่างสุดซึ้ง และระลึกถึงคุณงามความดีที่ติดตัวมาตลอดชีวิต
ภาพสวนสวรรค์อันงามตระการตาที่จำลองมาปรากฏเบื้องหน้าทุกคน ณ เมรุเผาศพแห่งนี้ ย่อมติดตาตรึงใจผู้คนเช่นเดียวกับ “สวนนงนุช” สิ่งที่คุณแม่นงนุช ตันสัจจา สร้างเอาไว้ให้เป็นมรดกของชนรุ่นหลัง ซึ่งจะไม่สูญหายไปตามกาลเวลาอย่างแน่นอน
นี่คือสรวงสรรค์อันงดงามของครอบครัว ตันสัจจา ค่ะ