ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07091011158&srcday=2015-11-01&search=no
| วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 384 |
เส้นทางปฏิรูป
บุญเลิศ ช้างใหญ่
เทียบฟอร์ม สภาขับเคลื่อนฯ กับ สภาปฏิรูปฯ
ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ลงมติเลือกประธาน สปท. และรองประธานอีก 2 คน ซึ่งผ่านฉลุยตามโผอย่างไร้คู่แข่งเมื่อตอนเช้าวันที่ 13 ตุลาคม ได้แก่
ร้อยเอก ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. คนที่ 1
นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธาน สปท. คนที่ 2
วันเดียวกันนั้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ลงนามในประกาศแต่งตั้งทันที
ใครหลายคนที่ดูและฟังการถ่ายทอดการประชุมนัดแรก พูดตรงกันว่า
นี่คือ สภาการเมือง
ไม่ใช่ สภาวิชาการ เหมือนกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
และต่างเป็นห่วงว่า การปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ที่ สปท. จะทำงานสืบแทนต่อเนื่องจาก สปช. อาจไม่เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างรวดเร็วตามความคาดหวังของประชาชน
ประกอบกับ ได้ประธาน สปท. เป็นผู้สูงวัย อายุ 81 ปี จะขับเคลื่อนไหวแน่หรือ
หรือคิดว่า ถ้าคนแก่ขับแล้วไม่เคลื่อน ก็จะเรียกคนหนุ่มอย่างนายอลงกรณ์มาช่วยแก้ปัญหาทีก็มิอาจรู้ได้
แต่ที่แน่ๆ อดีต สปช. ในมาดนักการเมือง ยี่ห้ออดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์อย่างนายอลงกรณ์คงจะรับเละ เพราะหันมามองข้างๆ รองประธานคนที่ 2 นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ ก็เป็นมือใหม่หัดขับทั้งเรื่องการปฏิรูป เนื่องจากไม่ได้เป็น สปช. มาก่อนและเรื่องงานสภาที่จะต้องเข้าใจข้อบังคับและธรรมชาติของที่ประชุมคนหมู่มาก 200 คน ที่เมื่อมารวมอยู่ด้วยกัน ต่างก็ต้องการจะพูด อภิปราย แสดงความคิดเห็น เสนอแนะ โดยแต่ละคนต้องการพูดมากๆ กันทั้งสิ้น
สุดท้าย สื่อมวลชนและประชาชนคงเอาไปเปรียบเทียบว่า
ระหว่างประธาน สปช. เทียนฉาย กีระนันทน์ กับ ประธาน สปท. ทินพันธุ์ นาคะตะ
ใครจะเจ๋งกว่ากัน
ระหว่าง สปช. 250 คน กับ สปท. 200 คน ใครมีคุณภาพและทำงานปฏิรูปได้ดีกว่ากัน
ช่วงนับจากนี้ ภารกิจของ สปท. คือการจัดสัมมนานอกสถานที่เพื่อสร้างความรู้จักและความคุ้นเคยต่อกัน นอกจากนั้น ยังต้องตั้งคณะกรรมาธิการไปจัดทำข้อบังคับการประชุมสภาขับเคลื่อนฯ ว่าจะให้มีคณะกรรมาธิการกี่คณะ คณะใดบ้าง
เมื่อข้อบังคับผ่านการพิจารณาของที่ประชุม นำมาใช้ก็จะเลือกสมาชิก สปท. เข้าไปอยู่ในคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ วางหลักเกณฑ์การบริหารงาน โดยเฉพาะการอภิปรายในที่ประชุม จะอภิปรายเรื่องอะไร อย่างไร
เช่น เรื่องความปรองดองที่เถียงกันอยู่และ พล.อ. ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การสร้างความปรองดอง คือการปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่การนิรโทษกรรม สปท. จะว่ายังไง
รวมไปถึง สปท. จะทำให้ประชาชนเข้าใจการปฏิรูป และรู้สึกชื่นชอบ มีความหวังต่อ สปท. ได้หรือไม่ แค่ไหน
ถึงตอนนั้นจะรู้ว่า 200 คน ที่ พล.อ. ประยุทธ์ลงนามแต่งตั้งเข้ามาตามสัดส่วน จะได้ผู้มีความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการปฏิรูปด้านต่างๆ พร้อมที่จะสานงานปฏิรูปต่อจาก สปช. เพียงไร
โรดแมป 6-4-6-4 รวมแล้ว 20 เดือน จะมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ตามห้วงเวลาที่ผ่านไปแต่ละเดือน สำหรับคำตอบว่าด้วยการปฏิรูปถูกขับเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา เรื่องกระบวนการยุติธรรม เรื่องสร้างความปรองดอง เป็นต้น
การรับไม้ปฏิรูปของ สปท. ต่อจาก สปช. แม้จะให้เวลาไว้ถึง 20 เดือน มากกว่า สปช. ที่มีอายุสั้นแค่ 11 เดือน อาจไม่ใช่เรื่องน่ายินดีที่สมาชิก สปท. จะได้อยู่นานๆ เพราะประชาชนส่วนหนึ่งที่เคยบอกว่าชอบความสงบเรียบร้อย ไม่มีการชุมนุมประท้วง ไม่มีเรื่องวุ่นวายเหมือนหลายปีที่ผ่านมาก่อนเกิดการรัฐประหาร อาจรู้สึกหงุดหงิด แล้วพูดว่าไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น ก็จะกลายเป็นปัญหาได้
นี่ยังไม่พูดถึงประชาชนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลที่ไม่ว่ารัฐบาลจะทำดีหรือไม่ สปท. จะขับเคลื่อนการปฏิรูปแบบไหน คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะร่างออกมาอย่างไร ก็ไม่เอาด้วย คนเหล่านี้รอเวลาได้แสดงตัวตนและความคิดอุดมการณ์ทางการเมืองเมื่อถึงจังหวะ นั่นคือ การออกเสียงประชามติหรือการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส.
ดังนั้น การทำงานของ สปท. เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปให้เกิดมรรคเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมได้หรือไม่ จึงเป็นข้อสอบของสมาชิก 200 คน ที่จะต้องทยอยส่งคำตอบให้กับประชาชนและภาคส่วนต่างๆ ไปเรื่อยๆ