“เอ๊ะ จิรากร” ร้าน “Shoes Wish” กับแนวคิดธุรกิจใกล้ตัว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07072011158&srcday=2015-11-01&search=no

วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 384

อาชีพคนดัง

นันท์นิ ชาดา

“เอ๊ะ จิรากร” ร้าน “Shoes Wish” กับแนวคิดธุรกิจใกล้ตัว

“เอ๊ะ-จิรากร สมพิทักษ์” เคยเป็นนักร้องนำวง Nothing To Lose และทำงานเบื้องหลังด้วยการเป็นนักร้องไกด์ให้กับศิลปินชื่อดังในเครือ GMM ก่อนจะออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว สังกัด WE และกับซิงเกิ้ลดัง “ไม่มีตรงกลาง” ซึ่งเพลงนี้เองที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างในนาม “เอ๊ะ จิรากร” และมาดังเป็นพลุแตก จากเพลง “จากนี้ไปจนนิรันดร์” ประกอบละครสาวน้อยร้อยเล่มเกวียน ทางช่อง 7 สี หลังจากมีชื่อเสียงแล้ว เอ๊ะยังสร้างโอกาสให้กับตัวเองด้วยการต่อยอดธุรกิจครอบครัว เปิดธุรกิจขายรองเท้าที่ตลาดนัด ในชื่อ “Shoes Wish”

“Shoes Wish” ร้านแห่งความหวัง

เจ้าของร้านเล่าที่มาของชื่อร้าน “Shoes Wish” เป็นร้านรองเท้าแห่งความหวัง เพราะตนเองตั้งความหวังไว้ว่า ร้านรองเท้านี้จะกลายเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างมั่นคงให้กับตนต่อไปในอนาคต

“ที่มาของชื่อร้าน Shoes Wish เพราะเราอยากให้ร้านนี้เป็นความหวังของเราที่จะสร้างรายได้ที่มั่นคงเพิ่มขึ้น รองมาจากรายได้ที่มาจากการทำงานเพลง ซึ่งผมมองว่ามันยังเป็นรายได้ที่ไม่มั่นคงเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่าชื่อนี้มันดูมีอะไร มันดูกวนๆ ซึ่งถ้ามองความหมายแล้วมันไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้เลย ผมเปิดร้านนี้มา 2 ปีแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ก็ทดลองขายมาหลายอย่างมาก ตั้งแต่ไปรับเสื้อผ้ามา แล้วเจอน้ำท่วม ทุกคนก็หนีน้ำท่วมไปขึ้นตึกกันหมด ไม่มีที่เลยย้ายไปขายที่ยูเนี่ยนมอลล์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วก็เปลี่ยนมาขายครีม ด้วยการรับเขามาขายอีกทอดหนึ่ง ก็ขายดีนะครับ เราเลยอยากจะทำสูตรครีมของเราเอง แต่ด้วยความที่ตลาดครีมมันเยอะหลากหลาย มันก็เกร่อ เราเลยกลับมานั่งมองตัวเอง ที่ผ่านมาเราอยากทำอะไรที่แตกต่างไปจากความเคยชิน สิ่งที่ห่างไกลจากครอบครัวเรา แต่แล้วเราก็ได้ค้นพบว่าสิ่งที่เราถนัดที่สุด คือสิ่งที่มันติดตัวมากับเราตั้งแต่เกิด เลยคิดกับแฟนว่าเรามาขายของที่เราถนัดดีกว่า ด้วยความที่รองเท้ามันคือธุรกิจครอบครัวของแฟนผมอยู่แล้ว ที่บ้านเขาอยู่กับรองเท้ามาเป็นสิบปี ก็เลยกลับมาต่อยอดธุรกิจของครอบครัวเราดีกว่า เป็นแบรนด์ Shoes Wish ขายรองเท้าแฟชั่นผู้หญิง”

เลือกทำเลและวิเคราะห์เป้าหมาย

เอ๊ะ เล่ามุมมองส่วนตัวการเริ่มต้นธุรกิจขายของในตลาดนัด คือการเลือกทำเลที่เหมาะและวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายให้ขาด ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

“เริ่มแรกผมเลือกทำเลก่อน ผมมองว่าตลาดนัดเมเจอร์คนที่มีกำลังซื้อ เดินเยอะ ทำเลเดินทางสะดวก แล้วจากการที่เราวิเคราะห์ตลาดในเมเจอร์มาแล้ว คู่แข่งเรามีแค่รายเดียว จากนั้นเราดูว่ากลุ่มเป้าหมายคนที่มาเดินที่ตลาดเมเจอร์รัชโยธินคือคนพวกไหน ก็จะเป็นพวก นางแบบ พริตตี้ พวกทำงานที่เกี่ยวกับความสวยงาม แล้วเรามองลึกไปอีกว่า นางแบบสูงๆ เขาชอบรองเท้าประมาณไหน พริตตี้ตามบู๊ธเบียร์ควรใส่รองเท้าสีไหนถึงจะเหมาะกับชุดทำงานเขา นักแสดงช่วงนี้แต่งตัวประมาณไหนกัน เราจะเลือกมาเจาะกลุ่มพวกนางแบบ พริตตี้ เพราะมีกำลังซื้อและเปลี่ยนรองเท้าบ่อยที่สุด เราเลยใช้ตรงนี้เป็นคีย์เวิร์ดเลือกสินค้าตอบสนองลูกค้าของเรา”

ชื่อเสียงต่อยอดธุรกิจ

เอ๊ะ เล่าติดตลกว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยสนใจเรื่องของการทำธุรกิจเลย จนได้มาคุยกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่นับถือ จึงทำให้ตนเกิดแนวคิดใหม่ๆ ในวันที่เขามีชื่อเสียงพร้อมแล้ว จึงหันมาจับธุรกิจเพื่อสร้างรากฐานให้ตัวเองไว้ในอนาคตข้างหน้า

“รายได้ต่อเดือนช่วงแรกๆ ขายดีมาก แล้วก็มีช่วงอยู่ตัว ร้านก็ทำกำไร 40,000-50,000 บาท ต่อเดือน คนอาจจะมองว่าอุ๊ยมันน้อยกว่ารายได้ที่เราเป็นนักร้องอยู่ ทำไมยังทำให้เหนื่อย รุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนกับพี่เอ ผมถามแกว่าทำไมคนอย่างพี่เอ ศุภชัย ต้องทำโน่นนี่นั่นเยอะไปหมด ทั้งๆ ที่เขาทำอาชีพแค่อาชีพเดียวก็น่าจะอยู่ได้ รุ่นพี่จึงยกตัวอย่างพี่เบิร์ด ธงไชย ที่นอกจากเป็นนักร้องแล้ว ยังทำสวน ทำโน่นนี่นั่นอีกมากมาย ทั้งที่พี่เบิร์ดเป็นซุปเปอร์สตาร์ดาวค้างฟ้า พี่เอก็เช่นกัน นอกจากแกเป็นผู้จัดการปั้นดาราแล้ว แกก็ทำสวน ทำไร่ ร้านอาหารอะไรต่างๆ มากมาย พี่ผมบอกว่าคนพวกนี้เขามองว่าชื่อเสียงเป็นเรื่องที่ไม่จีรัง ถ้าวันหนึ่งชื่อเสียงมันไม่ได้อยู่กับเราแล้ว ถ้าเราไม่มีอาชีพอื่นรองรับจะทำอะไร เราต้องทำอะไรไว้รองรับชีวิตตัวเองในวันที่ชื่อเสียงอาจจะหายไปแล้ว หลังจากได้ฟังผมก็เก็บความคิดนี้เอาไว้ เมื่อผมทำอัลบั้มแรกเสร็จผมเลยคิดที่จะทำธุรกิจบ้าง ผมมองว่าตรงนี้มันต้องไปตามๆ กัน เมื่อใดที่ทำให้คนสามารถเห็นเราได้แล้ว เมื่อนั้นเรามีโอกาส ตอนที่ผมทำครีมผมยังไม่ได้เป็นคนที่คนทั่วประเทศให้ความสนใจ ผมอยู่เบื้องหลัง ทำอะไรมันก็ไม่มีใครสนใจ มันก็ทำอะไรยากกว่าตอนนี้ที่คนมองเห็นเราแล้ว Shoes Wish เราทำสแปร์ไว้ให้กับอนาคตของเราเอง เราคิดง่ายๆ ว่าตอนนี้สมมติยอดขายอยู่ที่ 20,000 แต่ถ้า 20,000 นี้ เราขยายธุรกิจอีก 2-3 ร้านล่ะ เราก็จะได้กำไรที่มากขึ้นเป็น 60,000”

ต้องสู้ในวันนี้ที่เศรษฐกิจรัดเข็มขัด

เมื่อถามถึงวันนี้ที่เศรษฐกิจภาพรวมไม่ดี เอ๊ะ บอกว่า วิธีการเซฟตัวเองให้รอดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจคือการทำให้สินค้าเหลือค้างสต๊อกน้อยที่สุดคือสิ่งที่สำคัญ “Shoes Wish” จึงต้องทำการบ้านหนัก คัดเลือกสินค้าแต่ที่มั่นใจว่าจะต้องโดนใจลูกค้าเท่านั้นมาขาย

“ตอนนี้เป็นช่วงที่ทุกคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าขายของยาก แม้แต่ของกิน ด้วยความที่กลุ่มเป้าหมายเราคือสาวทำงานที่เกี่ยวกับความสวยความงาม พริตตี้ นางแบบ เศรษฐกิจไม่ดี งานอีเว้นต์น้อยลูกค้าเราก็น้อยตามไปด้วย บอกเลยว่ากำไรต่อเดือนเราหายไปครึ่งต่อครึ่ง ยิ่งช่วงนี้มาเข้าหน้าฝนอีก ทุกอย่างมันก็ผกผันตามไปด้วย ผมโชคดีอย่างที่บอกเรามีทุนความรู้ด้านรองเท้ามาอยู่บ้างจากครอบครัว แฟนผมเขาจะมองขาดในการเลือกสินค้ามาขาย เขารู้ว่าตัวไหนเอาแล้วต้องขายดี อันไหนทำกำไร จุดง่ายๆ คือการวิเคราะห์จากการดูแฟชั่นดาราก่อนเลย ว่าตอนนี้ดาราเขานิยมใส่รองเท้าแบบไหนกัน แบบไหนมันกำลังมา ดาราใส่เยอะกว่า 3 คนเราต้องรีบหาแบบนั้นมาไว้ที่ร้าน เลือกมองความต้องการของตลาด เลือกมองแนวทางไว้ล่วงหน้าว่าเดี๋ยวอะไรมันจะอินเทรนด์ ไม่ได้เลือกหยิบอะไรสุ่มสี่สุ่มห้ามาขาย มันเลยทำให้ร้านอยู่รอด ไม่จมไปกับสต๊อกของ”

เพื่อนดาราอีกหนึ่งตัวช่วย

นอกจากขาประจำที่รู้จักร้านรองเท้า “Shoes Wish” เป็นอย่างดีแล้ว เอ๊ะยังขยายโอกาสให้กับธุรกิจตัวเองให้คนเห็นเยอะขึ้นด้วยการให้เพื่อนคนดังช่วยโปรโมตแนะนำร้านให้ และสำหรับอนาคตของร้าน ตั้งไว้ที่การขยายสาขาและเปิดโรงงานผลิตเอง

“เราให้เพื่อนๆ พี่ๆ ในวงการ เน็ตไอดอลช่วยโปรโมตร้าน โปรโมตสินค้าเราให้ด้วย นี่ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้เรายืนหยัดได้ แต่ไม่ได้ให้เขาใส่โปรโมตในเวลานี้ เพราะตรงนี้มันอยู่ได้ของมันอยู่แล้ว เราถ่ายเก็บไว้เผื่อเราทำร้านสาขาอื่นๆ ที่เรากำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ พยายามโปรโมตเอง รวมถึงให้พี่ๆ เพื่อนๆ ช่วยโปรโมตให้ในโซเชียล มันก็ช่วยนะ หลายคนมาที่ร้านจากการตามอินสตาแกรม

อนาคตเราอยากเปิดสาขาเพิ่มอีก จริงๆ เราก็แพลนไว้แหละว่าจะเปิด แต่ด้วยช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจยังไม่เอื้อ ตั้งแต่ปัญหาทางการเมืองแล้ว การขายของมันก็ไม่เหมือนเดิม ตอนนี้ก็กำลังดูทำเลอยู่ ผมให้ความสำคัญกับการเลือกทำเลเป็นอันดับแรก ตอนนี้ก็พยายามหาทำเลที่มันมั่นคงมากกว่าจะไปเปิดเต็นท์ร้าน และอีกเป้าหมายหนึ่ง เรามองว่าสักวันเราจะผลิตรองเท้าเป็นของตัวเอง ทำเองแบบครบวงจร รอให้เศรษฐกิจมันดีกว่านี้หน่อย ตอนนี้เราเลือกที่จะซื้อมาขายไป ไปก่อน ด้วยความที่เราขายรองเท้าแฟชั่น มันมาไวไปไว เราไม่อยากแบกรับค่าเสื่อมราคาของของ มันยุ่งยากกว่า เปอร์เซ็นต์สินค้าค้างสต๊อกมีมาก เราศึกษากรรมวิธีเบื้องหลังมาแล้ว จึงตัดสินใจกันว่าเราเป็นผู้ซื้อมาขายไปดีกว่า ณ เวลาที่เศรษฐกิจมันยังเป็นแบบนี้อยู่”

สนใจอยากแวะเข้าไปเลือกชมรองเท้าแฟชั่น “Shoes Wish” ได้ที่ ตลาดนัดเมเจอร์รัชโยธิน ซอย 3 ล็อก D11-12 เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 4 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน

Leave a comment