บูติก โฮเต็ล ธุรกิจที่ลูกค้ามีกำลังซื้อ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07038010159&srcday=2016-01-01&search=no

วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 21 ฉบับที่ 388

ช่องทางสร้างอาชีพ

สร้าง บุญสอง srangbun@hotmail.com

บูติก โฮเต็ล ธุรกิจที่ลูกค้ามีกำลังซื้อ

ช่วงไม่กี่ปีมานี้บ้านเรามี บูติก โฮเต็ล เกิดขึ้นจำนวนมากทั้งในกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยวตามหัวเมืองใหญ่ๆ ทำให้ผู้คนในสังคมรู้จักบูติก โฮเต็ล มากขึ้น ซึ่งถ้าย้อนไปเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ทีเดียว

คุณวรพันธุ์ คล้ามไพบูลย์ (น้องชายของนักการเมือง คุณองอาจ คล้ามไพบูลย์) เจ้าของสามเสน ไฟว์ ลอดจ์ แบงคอค (SAMSEN 5 LODGE BANGKOK) ถือเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมบุกเบิกบูติก โฮเต็ล ในกรุงเทพฯ และเป็นตัวอย่างสตาร์ตอัพอีกรายที่ประสบความสำเร็จ โดยใช้การตลาดบนโลกโซเชียลมีเดียเป็นตัวขับเคลื่อน ส่งผลให้บูติก โฮเต็ล ขนาด 3 ห้องที่ปรับปรุงจากโรงรถเก่าในซอยสามเสน 5 ถนนสามเสน เขตพระนคร ของเขากลายเป็นที่พักยอดนิยมจนได้รับการกล่าวขานอย่างมากในโลกออนไลน์ และเจ้าตัวยังได้ชื่อว่าเป็นกูรูด้านบูติก โฮเต็ล ของประเทศไทย

ชูจุดขาย “สถาปัตยกรรมสีเขียว”

ความสนใจในเรื่องบูติก โฮเต็ล ของเขาส่วนหนึ่งเพราะอาชีพสถาปนิกที่เจ้าตัวทำงานอยู่ โดยเป็นเจ้าของ Supergreen Studio ซึ่งทำงานออกแบบอาคารประหยัดพลังงานในแนว Green Passive Sustainable และยังสอนที่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ รวมถึงบรรยายพิเศษเรื่องสถาปัตยกรรมประหยัดพลังงานให้กับสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง และที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบันยังเปิดคอร์สอบรมเฉพาะเรื่องบูติก โฮเต็ล ซึ่งมีผู้ผ่านการอบรมไปแล้วหลายพันคน

คุณวรพันธุ์ เล่าถึงการเข้าทำธุรกิจบูติก โฮเต็ล ว่า เริ่มจากเมื่อปี 2552 ที่ตระเวนหาที่เช่าทำออฟฟิศแนวกรีน เมื่อมาเจอที่ซอยสามเสน 5 เป็นโรงรถว่างให้เช่า จึงเช่ามาทำออฟฟิศแล้วที่เหลือเลยทำบูติก โฮเต็ล โดยเน้นหลักคิด “สถาปัตยกรรมสีเขียว” ที่ประกอบไปด้วยสายลม แสงแดด พร้อมชูสโลแกน “อยู่แล้วเย็นสบายโดยไม่ต้องเปิดแอร์” อันเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์โรงแรมประหยัดพลังงาน

สามเสน ไฟว์ ลอดจ์ แบงคอค มี 3 ห้องพัก 3 สไตล์ แต่ละห้องมีพื้นที่เปิดรับลมและแสงได้ตามธรรมชาติ มีการจัดสรรพื้นที่สีเขียวตั้งแต่ด้านหน้าของโรงแรมไปจนถึงสวนหย่อมเล็กๆ ในพื้นที่เปิดโล่งระหว่างห้องพัก เพื่อให้อากาศถ่ายเทและสร้างความผ่อนคลายภายในพื้นที่จำกัด แต่ทำให้ผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึงธรรมชาติรอบตัว

“จุดเด่นของห้องพักที่สามเสน ไฟว์ ลอดจ์ คือ เป็นที่พักในย่านเมืองเก่าที่มีเอกลักษณ์ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และเรื่องอาหารการกิน ที่สำคัญ เป็นการใช้พื้นที่ขนาดเล็ก กะทัดรัด แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น ความมีเสน่ห์แบบเอเชีย โดยการออกแบบที่ทำให้ห้องอยู่สบาย ทำให้ไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ ห้องทุกห้องเย็นสบาย น่านั่งเล่นมาก เป็นตัวอย่างของการออกแบบภายใต้เงื่อนไขจำกัด สไตล์จิ๋วแต่แจ๋ว”

คุณวรพันธุ์ ย้อนให้ฟังถึงช่วงแรกของสตาร์ตอัพที่เขาเองต้องเจอะเจอว่า ความยากตอนเริ่มต้นคือต้องหาจุดขายให้ถูก ต้องค้นคว้าข้อมูล เมื่อรู้แล้วต้องกล้าทำสิ่งที่แตกต่าง ต้องมีความเชื่อในจุดขายที่ไม่เหมือนใคร ความยากอีกอย่างคือ การกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพราะธนาคารไม่รู้จักธุรกิจประเภทนี้ ที่อาจจะทำในทำเลไม่ดี ธนาคารจะไม่เข้าใจว่าจุดขายที่ดีเป็นเช่นไร

เขาใช้เงินลงทุนในการทำบูติก โฮเต็ล แห่งนี้ ประมาณ 500,000 บาท โดยไม่ได้กู้ธนาคาร และสามารถคืนทุนได้ในช่วงปีแรก ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า จำเป็นต้องทำให้คืนทุนในปีแรก เพราะสัญญาเช่าแค่ 3 ปี

สาเหตุหนึ่งที่ลงทุนไม่มาก คุณวรพันธุ์ อธิบายว่า มาจากหลายสาเหตุ ประการแรกครอบครัวเคยทำธุรกิจโรงแรมมาก่อน มีประสบการณ์ รู้อะไรที่ลงทุนแล้วขายได้กำไรกลับมาเร็ว และด้วยความที่เป็นสถาปนิกเอง จะเห็นได้ว่างานก่อสร้างของห้องพักไม่เรียบร้อย ดูไม่มีความเนี้ยบ แต่มีความหยาบแบบเท่ อันเป็นจุดขายอย่างหนึ่ง โดยมุ่งไปที่การเป็น “โรงแรมประหยัดพลังงาน” ซึ่งปรากฏว่ามีเสียงตอบรับเป็นอย่างดี

โซเชียลมีเดียทำธุรกิจเติบโต

เขาให้ข้อมูลด้วยว่า บูติก โฮเต็ล หลายแห่งในบ้านเรา ลงทุนแพงเกินความจริงไปเยอะ ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ ขณะที่สามเสน ไฟว์ ลอดจ์ เลือกใช้วัสดุที่หาซื้อได้ทั่วไปและราคาไม่แพง หรือไม่ก็นำของเก่ามาตกแต่ง เช่น เสาเตียง พร้อมกันนั้นยังเปลี่ยนจุดด้อยของห้องพักให้เป็นจุดเด่น อาทิ การตกแต่งให้ห้องขนาดเล็กที่สุดเป็นห้องสำหรับคู่รัก (Lover”s Room)

“หัวใจหลักของบูติก โฮเต็ล อย่างแรกคือ จุดขายที่ดี สำคัญที่สุด ต้องให้ประสบการณ์ที่ใหม่กับลูกค้า ส่งมอบคุณค่าที่เขาปฏิเสธไม่ได้ จริงๆ จุดขายอันที่ 2 คือ การตลาด เพราะเราแข่งกับคนที่เงินทุนเยอะ แต่เราแข่งด้วยความคิด ไม่ได้แข่งด้วยเงิน ฉะนั้น เวลาทำของแปลกออกมา ต้องสามารถสื่อสารกับลูกค้าให้ตรงกลุ่ม บางครั้งคุณอาจจะทำของที่ไม่มีใครต้องการ แต่คุณต้องสร้างดีมานด์ ต้องสอนให้ได้ว่าเพราะอะไรเขาจึงต้องใช้สินค้าและบริการนี้ อีกอย่างคือ ต้องรักษาคุณภาพ”

สำหรับการสร้างจุดขายนั้นบางคนอาจจะตั้งคำถามว่า จำเป็นต้องมีความแปลกไหม ประเด็นนี้ คุณวรพันธุ์ แจงว่า ที่ผ่านมายึดหลัก “Uniqueness is best marketing” ทั้งนี้ ถ้าลงทุนในพื้นที่ห่างไกลจุดเด่นแปลกใหม่ก็มีความสำคัญ แต่สำหรับสามเสน ไฟว์ ลอดจ์ ที่มีการลงทุนในพื้นที่ที่มีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรม สามารถขายได้อยู่แล้ว แม้จะเป็นจุดเด่นเดิมๆ แต่ทำให้มีมากขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดขายคลาสสิก

อย่างที่เกริ่นไปแต่แรก เขาเน้นการทำตลาดออนไลน์ ซึ่งรู้กันอยู่ว่าแทบไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย ขณะที่ห้องพักของเขามีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร

“โชคดีที่ยุคสมัยนี้มีโซเชียลมีเดียอย่าง เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ที่มีอิทธิพลมากต่อคนไทย เวลานี้ใครไปที่ไหนก็อยากจะถ่ายรูปมาอวดพรรคพวกว่าได้ไปสถานที่ใหม่ๆ ที่ไหนมาบ้าง เป็นการค้นหาของแปลก และสร้างตัวตนขึ้นมา มีการค้นหาที่พักแปลกๆ เมื่อไปนอนก็โพสต์แชร์ให้เพื่อนๆ ดู เท่ากับช่วยเปิดกว้างให้กับธุรกิจบูติก โฮเต็ล รวมทั้งการมีสายการบินต้นทุนต่ำด้วย” คุณวรพันธุ์ กล่าวและว่า ได้ใช้สื่อออนไลน์ในการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้ามาตลอด ทั้งเว็บไซต์และเฟซบุ๊กของโรงแรม ไปจนถึงเว็บบุ๊กกิ้งยอดนิยมอย่าง tripadvisor.com และ hostelworld.com เว็บไซต์ของสามเสน ไฟว์ ลอดจ์ คือ http://www.samsen5lodgebangkok.com Facebook : เปลี่ยนบ้านเก่าให้เป็นบูติกโฮเทล

เขาพูดถึงการแข่งขันในตลาดบูติก โฮเต็ล ว่า เป็นการแข่งขันที่สูงมาก แต่เป็นตลาดที่ลูกค้ามีศักยภาพสูง มีการศึกษา รสนิยม และเปิดสำหรับคนที่มีสินค้าดีๆ เสมอ ในภาพรวมตลาดยังสดใสไปได้ดี ขอให้ทำของที่ดีจริงมีเอกลักษณ์ และเผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีงามของชาติไทย แต่ปัญหาที่คนทำบูติก โฮเต็ล ประสบคือ จุดขายไม่ดีจริง แต่เจ้าของคิดว่าดี อีกทั้งมีการวางระบบการจัดการไม่ดีทำให้ไปไม่รอด ทำการตลาดไม่เป็น

“ห้องพักของผมเต็มตลอด โดยราคาเริ่มต้นที่ 1,000 บาทขึ้นไปถึง 3,000 บาท มีทั้งลูกค้าต่างชาติและไทย แบ่งเป็นต่างชาติ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือครึ่งหนึ่งเป็นคนไทยและชาติในอาเซียน ผมเองก็มีแผนจะขยายธุรกิจไปที่ย่านเยาวราชกับเจริญนคร ผมคิดว่าบูติก โฮเต็ล ในบ้านเรายังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ธุรกิจนี้เพิ่งเริ่มและจะไม่มีวันอิ่มตัวเพราะบูติกดีๆ ทำยาก ไม่ใช่ใครก็ทำได้ และประเทศไทยจะเป็นเมืองหลวงบูติกโลกในอนาคต ถ้ามีการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ โดยเปลี่ยนที่พักพวกโฮมสเตย์เป็นบูติกให้หมด ของไทยเราสู้ต่างประเทศได้สบาย เพราะคนไทยเป็นคนละเอียด ชอบดูแลคน ยืดหยุ่น เหมาะกับการทำธุรกิจนี้ที่สุด”

แนะออกกฎหมายคุม

คุณวรพันธุ์ บอกอีกว่า ปัจจุบันคนไทยมีความเข้าใจธุรกิจบูติก โฮเต็ล มากขึ้น ขณะที่แต่ก่อนคนไทยส่วนใหญ่มักนิยมนอนอยู่โรงแรมหรู นอนแต่โรงแรมสแตนดาร์ดกัน แต่เดี๋ยวนี้หันมานอนโรงแรมบูติกมากขึ้น ซึ่งในส่วนของห้องพักที่สามเสน ไฟว์ ลอดจ์ ถ้าเทียบกับทั่วไป ราคาต่อห้องจะถูกกว่าเล็กน้อยเพราะสามารถบริหารต้นทุนให้ต่ำกว่าคู่แข่งได้

ในส่วนของการบริหารจัดการที่ทำให้ต้นทุนถูกและดีที่สุดนั้น เขาใช้วิธีคิดที่ว่า คือทรัพยากรที่มีอยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็น สิ่งแวดล้อมและทุกคนรอบข้าง ซึ่งถือเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกัน เขาจึงจ้างแม่บ้านทำความสะอาดเป็นรายวันแทนพนักงานประจำ และอุดหนุนธุรกิจรายย่อยในละแวกเดียวกันเพื่อกระจายรายได้ไปสู่คนบ้านใกล้เรือนเคียง จ้างทำกับข้าว จ้างบ้านนี้ซักผ้า จ้างวินมอเตอร์ไซค์ส่งแขก

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้ เขาให้คำแนะนำในส่วนภาครัฐว่า ควรมีการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครอง ควบคุม และสนับสนุนธุรกิจที่พักบูติกขนาดเล็กของเอสเอ็มอีที่ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายควบคุม ทั้งที่หลายแห่งสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ทำให้ธุรกิจนี้ไม่เติบโตเท่าที่ควร โดยควรเป็นการออกแบบกฎหมายเพื่อบังคับใช้เฉพาะพื้นที่ เช่น ในพื้นที่อนุรักษ์ ในพื้นที่ธรรมชาติ ในย่านเมืองหนาแน่น ส่วนพื้นที่ปกติก็ให้ใช้กฎหมาย พ.ร.บ.โรงแรมฉบับเดิม

สำหรับการเปิดอบรมเรื่องบูติก โฮเต็ล เจ้าของสามเสน ไฟว์ ลอดจ์ บอกดีมาก ช่วง 5 ปีมานี้ อบรมไป 17 ครั้ง คนเรียนผ่านไปกว่า 3,500 คน และจะเปิดอบรมอีกครั้งในช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ ที่ผ่านมา มีคนอบรมแล้วไปทำบูติก โฮเต็ล ประมาณ 200 กว่าราย ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากบูติก โฮเต็ล เป็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ยากที่สุด ในบรรดาอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้านเช่า อพาร์ตเมนต์ นายหน้าค้าที่ดิน ซื้อใบจองขายใบจอง บูติก โฮเต็ล ทำยากที่สุด แต่มีมูลค่าเพิ่มสูงสุด

สาเหตุที่ทำยากที่สุดเพราะใช้ความคิดสร้างสรรค์เยอะ และใช้จุดขายเยอะมาก ต้องใช้วิธีการทำการตลาดเยอะ โปรดักต์ต้องเด่นจริงๆ แตกต่างจากโปรดักต์อื่นๆ ที่มักแข่งกันด้วยราคา และแข่งกันที่ทำเลทอง แต่บูติก โฮเต็ล สามารถเปิดโอกาสให้ทำได้แม้ในทำเลที่ไม่ดี

ทั้งหมดนี้ คงทำให้ได้เห็นกันแล้วว่า สตาร์ตอัพนั้นลงทุนไม่มาก แต่สินค้าและบริการนั้นต้องโดดเด่นโดนใจลูกค้า และใช้โซเชียลมีเดียให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด

Leave a comment