ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07089010159&srcday=2016-01-01&search=no
| วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 21 ฉบับที่ 388 |
เศรษฐศาสตร์ริมทาง
จ่าบ้าน
ปีใหม่ เตรียมรับความเปลี่ยนแปลง
ขึ้นปีใหม่ อย่างที่ว่า ควรคิดใหม่ ทำใหม่ วันหนึ่งที่บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) มีการจัดสัมมนาหัวข้อ “การเตรียมคน เตรียมองค์กร ของเครือมติชน เพื่อสามารถแข่งขันในสถานการณ์ปัจจุบัน”
เชิญ คุณอภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา กรรมการบริหาร สลิงชอทกรุ๊ป และคอลัมนิสต์ประชาชาติธุรกิจมาเป็นผู้บรรยาย
คุณอภิวุฒิเริ่มต้นตัวอย่างองค์กรที่เคยประสบความสำเร็จ แต่วันนี้กลับไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ทั้งที่เคยมีส่วนแบ่งการตลาดเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ บางบริษัทต้องล้มละลายเพราะไม่สามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มตลาด
คุณอภิวุฒิว่าถึงสาเหตุเป็นเพราะผู้บริหารมีความเชื่อว่ากลยุทธ์ที่ทำอยู่ขณะนั้นดีแล้ว ไม่ต้องปรับเปลี่ยน เพราะการเปลี่ยนแปลงที่ยากที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงตัวเองยามที่ยังเข้มแข็ง แต่ที่บางองค์กรไม่ทำเพราะติดกับดักความสำเร็จแต่เดิม ดังนั้น เมื่อถึงคราวต้องเปลี่ยนแปลงกลับไม่มีแรง
เมื่อคุณอภิวุฒิว่าถึงความเปลี่ยนแปลง จึงเน้นว่าทุกองค์กรต้องเอาใจใส่กับสิ่งรอบตัว พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และยกตัวอย่าง 5 ปัจจัยหลัก คือ
1. โลกจะมีผู้สูงอายุมากขึ้น ทำให้แรงงานวัยหนุ่มสาวขาดแคลนในอนาคต
2. พลังอำนาจเศรษฐกิจเปลี่ยนทิศ พลังการผลิตและศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญของโลกจะย้ายจากฝั่งยุโรปมาเป็นเอเชีย
3. การขยายตัวของสังคมเมืองรวดเร็วขึ้น จะเกิดการขยายตัวของเมืองไปสู่ต่างจังหวัด
4. ภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป เพราะจำนวนประชากรและมีการใช้ทรัพยากรมากขึ้น
5. องค์กรธุรกิจปัจจุบันก้าวเข้าสู่ยุคของข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยี ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญ การคาดการณ์เพื่อเตรียมวางแผนล่วงหน้าทำได้ยาก
ดังนั้น องค์กรในอนาคตจึงต้องตระหนักและพยายามเข้าใจความคิดของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้เกิดการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง ทั้งเป็นเรื่องของการปรับตัวที่ต้องสร้างการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อลดช่องว่างระหว่างวัย
จากนั้น นักเขียนคอลัมน์ในประชาชาติธุรกิจยกเรื่องจากอดีตยุคเบบี้บูม หรือ เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) ที่มองงานคือชีวิต ชีวิตคืองาน ขณะที่เจนเอ็กซ์ (Generation X) มองการทำงานและการใช้ชีวิตต้องสมดุล ส่วนเจนวาย (Generation Y) เห็นว่า งานต้องสนุก ทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำในสำนักงาน และไม่ต้องกำหนดเวลาเข้าออก
กรรมการบริหาร สลิงชอทกรุ๊ป บอกด้วยว่า ยุคเบบี้บูม รู้สึกว่าเรื่องเทคโนโลยีเป็นสิ่งลำบาก ใช้ยาก ไม่จำเป็น แต่เจนเอ็กซ์กลับคิดว่าเทคโนโลยีเหมือนเพื่อนที่ควรมี แต่บางครั้งไม่มีก็ได้ ขณะที่เจนวายเห็นว่าเทคโนโลยีคือชีวิต และทุกอย่างหาได้ในอินเตอร์เน็ต
เช่นเดียวกับความก้าวหน้าในการทำงาน เบบี้บูมมีความเห็นว่า หากอยากก้าวหน้าต้องใช้เวลา ต้องสั่งสมประสบการณ์ให้พร้อม ส่วนเจนเอ็กซ์เห็นว่าความสำเร็จเกิดจากการไขว่คว้า ต้องผลักดันตัวเอง แต่เจนวายกลับมองว่า ถ้าอยากประสบความสำเร็จต้องเปลี่ยนงาน
ตามหัวข้อ “การเตรียมคน เตรียมองค์กร ของเครือมติชน เพื่อสามารถแข่งขันในสถานการณ์ปัจจุบัน” คุณอภิวุฒิ บอกว่า ต้องมีการผสมผสานระหว่างประสบการณ์กับพลังที่ลงตัวของแต่ละคน แต่ละยุค ให้หันมาทำสิ่งเหล่านี้ประกอบกัน คือ
1. เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ยอมทำความเข้าใจกับสิ่งที่เราไม่สนใจ หากอยากประสบความสำเร็จ อยากเข้ากับคนอื่นได้ ต้องลองอ่านนิตยสารที่คนอื่นสนใจ ลองฟังเพลงที่คนวัยแตกต่างกันสนใจ หรือใช้วิธีพี่เลี้ยงกลับหัว คือให้รุ่นพี่เรียนรู้สิ่งใหม่จากน้องที่เข้ามาใหม่ ซึ่งหลายองค์กรนิยมใช้กันขณะนี้
2. ไม่ใช้ตนเองเป็นที่ตั้ง อย่าเอาตัวเองเป็นมาตรฐานของส่วนรวม
3. เข้าใจ แต่ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย รับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น อ่านข้อมูล ตีความ เพื่อให้รู้ว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร กำลังจะไปทางไหน เพื่อไปสู่การตัดสินใจว่าเห็นด้วยหรือไม่
4. บริหารงานด้วยความยืดหยุ่น มีช่องว่างให้พนักงานเป็นตัวของตัวเอง และมีความสุขในการทำงาน
5. มีกุศโลบายในการผสมผสาน เพราะไม่มีองค์กรใดประสบความสำเร็จจากคนรุ่นใดรุ่นหนึ่งเท่านั้น คนรุ่นเก่ามีประสบการณ์แต่ขาดพลัง ขณะที่คนรุ่นใหม่ขาดประสบการณ์ แต่มีพลังมากกว่า จึงต้องผสมผสานการทำงานระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ให้ลงตัวจงได้
บทสรุปเรื่องนี้ คุณอภิวุฒิ บอกว่า เพราะการปรับตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลง ต้องเริ่มทำแต่เนิ่นๆ ต้องอาศัยการทำความเข้าใจร่วมกัน ผู้บริหารต้องมีความสามารถในการประสานความร่วมมือจากบุคลากรทุกฝ่ายในองค์กร จึงจะทำให้องค์กรจัดการกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ
ต้องขอขอบคุณผู้บรรยาย คุณอภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา กรรมการบริหาร สลิงชอทกรุ๊ป และคอลัมนิสต์ประชาชาติธุรกิจ ที่กรุณาบรรยายให้เพื่อนพนักงานที่มติชนและในเครือฟังเพื่อเตรียมตัวเพิ่มขีดความสามารถรับความเปลี่ยนแปลง และขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ ที่นำคำบรรยายของท่านมาเพิ่มให้ผู้อ่านนิตยสารเส้นทางเศรษฐีฉบับนี้ เป็นวิทยาทานให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในอนาคตจะได้วางแผนของตัวเองได้ถูกต้อง
เพราะผู้อ่านนิตยสารเส้นทางเศรษฐี อาจเป็นหนึ่งในผู้อ่านหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ซึ่งเป็นหนังสือในเครือเดียวกัน
ในการบรรยายครั้งนี้ คุณอภิวุฒิได้ประมวลแนวทางความรู้และความคิดแบ่งออกเป็นข้อ ให้เห็นชัดเจน เช่น 5 ปัจจัยหลัก ข้อ 1 ถึง 5 ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นเสมอ เป็นข้อมูลที่บ่งบอกอนาคต
เพราะความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยใดทั้ง 5 ปัจจัย โดยเฉพาะปัจจัยที่ 1 โลกมีผู้สูงอายุมากขึ้น ทำให้แรงงานวัยหนุ่มสาวขาดแคลนในอนาคต ทั้งยังหมายถึงว่า วัยหนุ่มสาวต้องดูแลวัยสูงอายุที่เป็นทั้งพ่อแม่และปู่ย่าตายายเพิ่มจำนวนขึ้น ทั้งจำนวนบุคคลและจำนวนวันเวลา รวมถึงต้องดูแลเด็กเล็ก คือบุตรธิดาอย่างน้อย 1 คน เพราะวัยหนุ่มสาวต้องมีภาระเลี้ยงดูบุตรธิดาด้วย
กรณีนี้ หากสามารถให้วัยสูงอายุช่วยแบ่งเบาภาระได้ คือการให้ช่วยเลี้ยงดูหลานจะดีกว่าจ้างคนอื่นเลี้ยงลูกของตัวเอง ไม่ว่าจะจ้างคนเลี้ยงเด็ก หรือส่งเข้าโรงเลี้ยงเด็ก ย่อมต้องมีภาระทั้งสิ้น ดังนั้น การมอบหมายภาระให้ปู่ย่าตายาย หากยังมีกำลังวังชา น่าจะเป็นการดีทั้งเรื่องการเลี้ยงดูและลดค่าใช้จ่ายบางส่วน
ส่วนการเตรียมคน เตรียมองค์กร เป็นเรื่องที่ทั้งผู้บริหารองค์กรและหัวหน้างานทุกระดับต้องเตรียมตัวเตรียมใจ เพราะในสถานการณ์ปัจจุบัน เรื่องของความเปลี่ยนแปลงมาถึงแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว ขณะที่แต่ละองค์กรเตรียมคน เตรียมองค์กรเพื่อสามารถแข่งขันในสถานการณ์ปัจจุบัน หากผู้บริหารองค์กรไม่เตรียมตัว เตรียมใจ เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลง โอกาสที่จะรับมือกับอนาคตก็จะหมดไป และองค์กรจะประสบความล้มเหลวโดยไม่รู้ตัว ดังเช่นหลายองค์กรที่ประสบมาแล้ว
เดือนมกราคม เป็นเดือนแรกของปีใหม่ 2559 หากองค์กรใดยังไม่ทบทวนทั้งบุคคลและกิจการงาน เริ่มต้นตั้งแต่เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่สาย เพราะการเริ่มต้นเป็นการเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง อย่างน้อยเปลี่ยนแปลงจากไม่เริ่มต้นเป็นเริ่มต้น
การเริ่มต้นที่สำคัญคือ เริ่มต้นเตรียมคน เตรียมองค์กร ด้วยการบอกกล่าวเพื่อนร่วมงานให้รับรู้รับทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องเดินหน้าไปสู่การเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยเปลี่ยนจากการทำงานรูปแบบเดิมเป็นรูปแบบใหม่ ที่แม้จะเริ่มมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากปรับเปลี่ยนจากการใช้การเขียนด้วยมือมาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งการพิมพ์และการคิดคำนวณ
วันนี้ ปรับเปลี่ยนใหญ่อีกครั้งหนึ่ง จากใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้โทรศัพท์มือถือ ดังที่คนรุ่นเจนวายมีความเห็นว่า งานต้องสนุก ทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำในสำนักงาน และไม่ต้องกำหนดเวลาเข้าออก
วันนี้ หากใครต้องการอยู่ในโลกของการแข่งขัน ต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยนะครับ