ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07088010159&srcday=2016-01-01&search=no
| วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 21 ฉบับที่ 388 |
เส้นทางปฏิรูป
บุญเลิศ ช้างใหญ่
สปท. – การขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านการเมือง กับร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.
การทำงานของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเขียนไว้ว่า ให้ทำงานสืบต่อจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยคำนึงถึงความสำคัญและเร่งด่วน มุ่งผลสัมฤทธิ์ในเวลาที่เหลืออยู่
ในจำนวน 11 คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่ สปท. ตั้งขึ้นมา และทำงานผ่านมาเกินกว่า 2 เดือน มีเพียงคณะเดียวคือ คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนฯ ด้านการเมือง ที่ทำงานไม่เหมือนคณะกรรมาธิการอีก 10 คณะ
อีก 10 คณะ ได้แก่ การบริหารราชการแผ่นดิน การปกครองส่วนท้องถิ่น การศึกษา สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ พลังงาน กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สื่อมวลชน สังคม และอื่นๆ
ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ เกี่ยวโยงกับกระทรวงต่างๆ
เป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเรื่องของรัฐบาลล้วนๆ
แต่การเมืองเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน จะร่างให้เสร็จร่างแรกในวันที่ 29 มกราคม 2559 แล้วรับฟังความเห็นจากฝ่ายต่างๆ ก่อนจะนำมาปรับปรุงแก้ไขให้เสร็จเป็นร่างสุดท้ายภายในต้นเดือนเมษายน 2559 ตามด้วยการจัดพิมพ์แจกจ่ายไปถึงประชาชน 18 ล้านครัวเรือน
เตรียมพร้อมสำหรับการออกเสียงประชามติ รับ-ไม่รับ (คว่ำ) ในอีก 2-3 เดือนต่อจากนั้น ซึ่งจะไปตรงกับช่วงเกือบๆ กลางปี 2559
โดยหลักแล้ว ควรจะเปิดกว้าง ให้สิทธิ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต่อเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่
ไม่ควรปิดกั้น และไม่ควรทำให้สถานการณ์ของประเทศกลับไปสู่ความตึงเครียดอันเนื่องมาจากความขัดแย้งปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าประชาชนลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ไม่เพียงแต่กระทบต่อร่างรัฐธรรมนูญที่อุตส่าห์ร่างกันมาเป็นปีและจะครบ 2 ปีนับแต่การยึดอำนาจโดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
หมดเงินหมดทองไปไม่น้อยหากนับรวมกับคณะกรรมาธิการยกร่างรัญธรรมนูญ ชุดที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน
ยังกระเทือนไปถึงแผนการขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านการเมืองของคณะกรรมาธิการด้านการเมือง สปท. อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการด้านการเมือง สปท. ที่มี นายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธาน ได้วางแนวทางการทำงานไว้ว่า ต้องประสานงานหารือกับ กรธ. เพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญที่จะเขียนออกมามีความสอดรับไปกันได้ ไม่เช่นนั้นอาจไปคนละทางสองทาง นำไปสู่การขัดแย้งขึ้นได้
ประการต่อมา ในระยะเริ่มแรก หลังประชุมสภาสปท. รับฟังแผนการปฏิรูป วันที่ 21-22-23 ธันวาคม จากคณะกรรมาธิการทั้ง 11 คณะเรียบร้อยไปแล้ว คณะกรรมาธิการด้านการเมืองจะเดินหน้าทำงานขับเคลื่อนด้วยการตั้งคณะอนุกรรมาธิการ 2 ชุด
ชุดที่ 1 คณะอนุกรรมาธิการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย นายกษิต ภิรมย์ เป็นประธาน
ชุดที่ 2 คณะอนุกรรมาธิการการเมืองและการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม นายสุชน ชาลีเครือ เป็นประธาน
และใช้คณะกรรมาธิการทำเองในด้านการแก้ปัญหาความขัดแย้ง เสริมสร้างความปรองดอง นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธาน ดำเนินการเอง
ให้เวลาไว้ 30 วัน
เมื่อคณะอนุกรรมาธิการ 2 ชุด ศึกษาเสร็จให้นำเสนอต่อคณะกรรมาธิการด้านการเมืองเพื่อพิจารณาว่าควรแก้ไขเพิ่มเติมตรงไหน
ยกเว้น เรื่องปรองดอง ไม่ต้องเสนอ เพราะคณะกรรมาธิการ ศึกษาเอง ลงทุนลงแรงศึกษาเอง ไม่ต้องผ่านคณะอนุกรรมาธิการ เมื่อศึกษาเสร็จก็เป็นอันเสร็จกัน
จากนั้นก็ว่ากันไปตามขั้นตอนของการทำงานเพื่อให้บังเกิดผลสัมฤทธิ์การขับเคลื่อนการปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้
สิ่งที่จะเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับการทำงานของคณะกรรมาธิการด้านการเมือง ก็คือ การลดความขัดแย้งและการเสริมสร้างความปรองดอง จะทำอย่างไร
การเชิญผู้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่สั่งสมและทอดยาวมานานเป็นสิบปีมาเสนอความเห็น จะเกิดประโยชน์ไหม เพราะปัญหาเก่าๆ เช่น ความอยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระ การปฏิบัติแบบสองมาตรฐานเพื่อจะเล่นงานลงโทษลงทัณฑ์ข้างเดียว ตามที่คนฝ่ายหนึ่งมีความรู้สึกแบบนั้น ยังดำรงอยู่ แถมคนกลุ่มนี้ยังคิดว่า การร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังทำกันอยู่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาประชาธิปไตย คณะกรรมาธิการด้านการเมืองจะทำอย่างไร
การผลักดันข้อเสนอให้มีการนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่ายเพื่อสร้างความปรองดอง จะวางขอบเขตผู้ถูกดำเนินคดีระดับใด ข้อหาใดบ้าง
ต้นซอย กลางซอย หรือสุดซอย?
ก้นเข่ง ครึ่งเข่ง หรือเหมาเข่ง?
จะถูกต่อต้านจากฝักฝ่ายพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง สื่อเลือกข้างหรือไม่
ผู้นำรัฐบาล/คสช. ที่เคยประกาศจุดยืนว่า การสร้างความปรองดองคือปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามกระบวนการ
รวมทั้งพูดตลอดว่า เรื่องความปรองดองไม่ต้องมาพูดกันจนกว่าจะถึงปี 2560
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ยากต่อการพยากรณ์หรือคาดการณ์ว่า เหตุการณ์ในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
ความเป็นจริงอย่างหนึ่งสำหรับการทำงานของคณะกรรมาธิการด้านการเมืองก็คือ
ข้อเสนอเรื่องการเสริมสร้างความปรองดองด้วยการนิรโทษกรรมของ สปท. จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการประสานงาน 3 ฝ่ายหรือไม่ อันประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ สปท.
ไม่มีใครตอบได้
ตราบเท่าที่พรรคการเมืองใหญ่ๆ และกลุ่มการเมืองที่เป็นคู่ขัดแย้งยังยึดหลักว่าผิดกับถูกเอามาผสมกันไม่ได้
ตราบเท่าที่หลักการให้อภัย เลิกยึดมั่นถือมั่นกับทิฐิยังไม่เกิดขึ้นกับฝักฝ่ายความขัดแย้ง
คณะกรรมาธิการด้านการเมืองที่มีตัวแทนของพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองเข้ามาเป็น สปท. และนั่งอยู่ในคณะกรรมาธิการชุดนี้หลายคนก็คงทำอะไรไม่ได้มาก
ประกอบกับไม่มีใครตอบได้เช่นกัน คสช. และรัฐบาลจะสะดุดขาตัวเองหรือพลัดตกลงไปในหลุมติดหล่มจมไปกับข้อกล่าวหาฝ่ายต่างๆ จนยากต่อการปีนป่ายขึ้นมาหรือไม่
เงื่อนไขของสถานการณ์นับจากนี้ที่ยังเปราะบางและอ่อนไหว กล่าวได้ว่า การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมืองในแต่ละจังหวะก้าวไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
คณะกรรมาธิการด้านการเมือง สปท. จึงเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องคิดหนัก และคงจะเหนื่อยไม่น้อยกับการเดินหน้าไปตามแผนการปฏิรูปที่เสนอไว้