คาร่า พลสิทธิ์ หาตัวแทนจำหน่าย “KLARIS by Kara”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=0768150159&srcday=2016-01-15&search=no

วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 21 ฉบับที่ 389

อาชีพคนดัง

ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง srangbun@hotmail.com

คาร่า พลสิทธิ์ หาตัวแทนจำหน่าย “KLARIS by Kara”

ช่วงหลายปีมานี้จะเห็นนักร้อง-นักแสดงจำนวนไม่น้อย ทั้งหญิงและชาย หันมาทำธุรกิจเครื่องสำอางกัน “คาร่า พลสิทธิ์” อดีตนางแบบและพิธีกรชื่อดังวัยเฉียด 50 ปี ก็ทำธุรกิจดังกล่าว ในชื่อแบรนด์ คลาริส บาย คาร่า (KLARIS by Kara) โดยขายผ่านทางออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ และไอจี มาตั้งแต่กลางปี 2557 นอกจากนี้ ยังมีคอนโดมิเนียมหลายแห่งในกรุงเทพฯ ให้เช่า สลับกับการเดินแบบกิตติมศักดิ์ และรับสอนเรื่องบุคลิกภาพเป็นครั้งคราว รวมทั้งเป็นนักแสดงรับเชิญ ล่าสุด มีผลงานในซีรีส์ “ฮอร์โมน 3” ในบทครูสอนภาษาอังกฤษ

เจ้าตัวเล่าถึงที่มาที่ไปของการมาทำธุรกิจเครื่องสำอางนี้ว่า เนื่องจากช่วง 9-10 ปีที่ผ่านมา งานเดินแบบและพิธีกรลดลง ทำให้ต้องคิดถึงอาชีพอื่นที่จะมารองรับ ซึ่งก็เห็นดาราขายเครื่องสำอางกันเยอะ ขณะที่ตัวเองเป็นคนที่สนใจและดูแลเรื่องผิวพรรณมาตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น และเห็นว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวจึงคิดขายบ้าง แต่กว่าจะหาโรงงานรับจ้างผลิตที่สามารถคุยกันรู้เรื่องต้องใช้เวลาหลายเดือน

มีทั้งหมด 11 ผลิตภัณฑ์

“คลาริส บาย คาร่า คือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมาตรฐานสากล วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมและเทคโนโลยีที่คัดสรรและนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส สามารถปรับเม็ดสีเมลานินให้สว่างขึ้น ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยในเวลาอันสั้น เพื่อผิวขาวใสเรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ และจะเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นภายใน 28 วัน ตามวงจรการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติของคนเรา ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และได้รับเลขที่ใบรับแจ้งถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ” นี่คือข้อความโฆษณาที่เธอเขียนไว้ใน http://www.klarisbykara.com

ช่วงแรกนั้นเธอเริ่มจากผลิตภัณฑ์ 3 ตัวที่คิดว่าผู้หญิงทุกคนต้องใช้คือ ผลิตภัณฑ์รอบดวงตา ซีรั่ม และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ต่อมาสักระยะเมื่อลูกค้ามีมากขึ้น จึงเพิ่มโฟมล้างหน้า โทนเนอร์ เจลอาบน้ำ แชมพู และครีมทาตัว ฯลฯ รวมแล้ว 11 อย่าง

ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวนั้น คุณคาร่า บอกว่า ก่อนผลิตขายจะทดลองใช้เองก่อนแล้ว ปัจจุบันก็ใช้อยู่เป็นประจำ

“ใช้เองทุกตัว ทำให้ประหยัดค่าเครื่องสำอางเยอะมาก ไม่น่าเชื่อ เมื่อก่อนใช้แบรนด์เนม ไม่ปฏิเสธว่าแบรนด์เนมดี แต่แพงมาก อย่าง Eye Cream ของเรา 1,900 บาท เมื่อก่อนใช้ของสวิส 5,000 กว่า แต่ให้เพื่อนซื้อที่สนามบิน 4,000 กว่า พอมาใช้ของเราก็ไม่แพ้ ใช้ได้เหมือนกัน ริ้วรอยของเราก็ไม่ได้เยอะ”

ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจของ คลาริส บาย คาร่า เช่น ซีรั่มทองคำนาโน 15 ml. ราคา 1,990 บาท ซึ่งเจ้าของแบรนด์ระบุว่า คุณภาพสูง เนื้อละเอียด ด้วยเทคโนโลยีนาโนอันทันสมัย สามารถซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่อ่อนแอ และมีริ้วรอยเหี่ยวย่นให้ฟื้นคืนสู่สภาพที่แข็งแรงอย่างเห็นได้ชัด กักเก็บความชื้นใต้ผิว ป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส เรียบเนียน จุดด่างดำและริ้วรอยหมองคล้ำจางลง แลดูอ่อนวัย พบกับการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์นี้ภายใน 1 สัปดาห์ หลังใช้ซีรั่มนี้ทุกเช้าและก่อนนอน

สำหรับราคาสูงสุดคือ Day & Night Cream 2,750 บาท ต่อ 30 ml. ซึ่งเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดตั้งแต่ช่วงแรกที่ขายจนถึงปัจจุบัน ส่วนราคาต่ำสุดเป็นโฟมล้างหน้า 330 บาท ขนาด 50 ml.

แม้จะเป็นเครื่องสำอางน้องใหม่และเมดอินไทยแลนด์ แต่คุณคาร่ายืนยันว่า คุณภาพสู้ได้กับแบรนด์ดังๆ เพราะคัดสรรวัตถุดิบและส่วนผสมต่างๆ อย่างดี ซึ่งหลายอย่างต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ด้วยคุณภาพเด่นเช่นนี้เอง ทำให้แฟนคลับและลูกค้าต่างติดอกติดใจและเป็นลูกค้าประจำกัน

“วัตถุดิบที่ใช้ โรงงานต้องนำเข้า เพราะฉะนั้นจึงแพง ในเครื่องสำอางที่ทำมี Alpha Arbutin กับ Gigawhite Complex เป็นสารสกัดจากพืชที่ทำให้ผิวขาวขึ้นอย่างปลอดภัย ไม่มีอะไรที่อันตรายเลย สินค้าเรานี้ผ่าน อย. หมดทุกตัว เทียบได้กับสินค้าแบรนด์เนมหลายๆ ยี่ห้อ แต่คงไม่ทุกยี่ห้อ เพราะว่าแบรนด์เนมจะมีรุ่นของเขา คงไม่ถึงกับไฮเอนด์ แต่ว่าส่วนผสมมาจากฝรั่งเศสหมดเลย ยกเว้นสมุนไพรจีนที่มีในประเทศไทย”

ชี้ลูกค้ากลุ่ม B+

ถามถึงกลุ่มลูกค้า คลาริส บาย คาร่า นั้น เจ้าตัวอธิบายว่า “กลุ่ม B+ เพราะด้วยราคาของ อย่างถ้าโฟมล้างหน้าทั่วไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตไปซื้อ 100 บาทก็ได้ ขณะที่ของเรา 330 บาท แต่ว่าส่วนผสมดีกว่า ใช้แล้วผิวไม่แห้ง ไม่ตึง”

อย่างที่เกริ่นแต่แรก เธอขายผ่านทางออนไลน์อย่างเดียว

“ได้ทำเฟซบุ๊กของยี่ห้อชื่อ KLARIS by Kara เรียกว่าแฟนเพจ เฟซบุ๊กขายของ แต่ไม่ได้ไปจดทะเบียนในรูปบริษัท เพราะว่าถ้าเป็นบริษัทต้องมีหุ้นส่วนอย่างน้อย 3 คน ไม่ต้องการไปดึงเพื่อนฝูงอะไรมาเกี่ยวข้อง อยากทำของเราเอง เลยไปจดทะเบียนพาณิชย์ หมายถึงเป็นร้านค้าร้านหนึ่ง ถึงเวลาเสียภาษีเราก็เสียเป็นแบบบุคคลธรรมดา”

เธอแจกแจงรายละเอียดในการขายผ่านออนไลน์ว่า

“ที่ผ่านมาจะโพสต์ในเฟซบุ๊ก ในไอจี ในไลน์ ในไทม์ไลน์ของไลน์ แต่เวลาคนสั่งซื้อส่วนมากจะมาแอดไลน์ของ KLARIS by Kara แล้วสั่งซื้อทางไลน์ เช่น อยากได้ครีม Day & Night 2 กระปุก อะไรแบบนี้ แล้วเขาโอนเงินมาเราก็แพ็กใส่กล่องแล้วส่งไปรษณีย์ EMS ทำเองหมดเลย ตอนช่วงแรกๆ ขายได้เยอะมากเลย รู้สึกว่าเหนื่อยแต่มันไหว ทำแล้วเราชอบ ตอนนี้มีความสุข”

หลังจากขายมาได้ปีกว่า กระแสตอบรับจากลูกค้าดี โดยเฉพาะช่วงปีแรก 2557 ขณะที่ปี 2558 ยอดขายลดลงไปบ้าง เนื่องจากผู้คนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น จากเดิมเคยซื้อไว้ล่วงหน้า แต่กลับลดจำนวนลง และรอจังหวะที่จะซื้อตอนช่วงจัดโปรโมชั่นเสียมากกว่า

“ลูกค้าหลายคนบอกผิวหน้าเขาเปลี่ยนไป เพื่อนทักว่าเขาดูดีขึ้น อย่างโน้นอย่างนี้ แล้วก็กลับมาซื้อซ้ำ เราก็รู้แล้วว่า เขาชอบ ของมันดี ทำให้เรามีรายได้ คือจริงๆ อยากให้อันนี้เป็นรายได้ประจำของเราว่าสามารถอยู่ได้ไปจนแก่จนเฒ่า แต่จะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าไม่รู้ เพราะปีแรกขายดิบขายดีมาก แต่พอปีที่แล้วเหมือนแบบทุกคนระวังการใช้จ่าย”

เปรียบเหมือนเลี้ยงลูก

คุณคาร่า บอกด้วยว่า ตอนนี้ต้องการหาตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

“กำลังรับสมัครตัวแทนจำหน่าย ที่ผ่านมาก็มีแล้ว อย่างน้องเขาทำงานอยู่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เขาก็ขายได้ทุกเดือน บางเดือนเยอะบางเดือนน้อย เขาเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กก่อนแล้วด้วยความที่ ที่ทำงานเขาคนเยอะ 4,000-5,000 คน เขาก็ขายไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ ก็มีตัวแทนจำหน่ายที่ลาว แต่ยังขายได้ไม่มาก สำหรับตัวแทนจำหน่ายถ้าเอาของไปขาย จะให้ส่วนลดเขา 30 เปอร์เซ็นต์ เขาก็ไปทำกำไร 30 เปอร์เซ็นต์นั้นได้ จะไปขายรวมกับยี่ห้ออื่นก็ได้ หรือเขาจะเป็นตัวแทนจำหน่ายเรายี่ห้อเดียวก็ได้ อย่างน้องตัวแทนจำหน่ายที่ลาว เขาก็ขายอย่างอื่นของไทยด้วย”

จากประสบการณ์ในการขายผ่านออนไลน์ เธอพูดถึงปัญหาที่เจอะเจอว่า

“สำหรับตัวเองปัญหาคือ การตลาด การทำให้ได้ลูกค้า คือถ้าเรามีเงินมากมายอาจจะไม่ยาก ไปออกรายการทีวีให้หมดทุกรายการเลย อย่างน้องคนหนึ่งที่ขายผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน เขาออกทุกรายการ ทั้งเคเบิ้ล ทั้งฟรีทีวี อะไรทุกอย่าง”

อดีตนางเอกภาพยนตร์ชื่อดัง “ข้างหลังภาพ” ที่แสดงคู่กับพระเอก เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพัน เปรียบเทียบการทำธุรกิจเครื่องสำอาง กับอาชีพนางแบบ พิธีกรว่า

“อันนี้มันมีความสุขลึกๆ กว่า บอกไม่ถูก เหมือนว่ามันเป็นของเรา เหมือนเราปั้นมันขึ้นมา อย่างอาชีพนางแบบ พิธีกร หรือไปถ่ายโฆษณา เสร็จก็รับเงินมา ก็ดีงานสนุก แต่อันนี้เราปั้นมากับมือ เริ่มจาก 3 ชิ้น แล้วเพิ่มมาเป็น 11 ชิ้น แล้วเวลาลูกค้าเข้ามาบอกว่าชอบสินค้า หรือคนนี้มาแนะนำอะไรต่างๆ เจอแต่ลูกค้าน่ารักๆ เราก็มีความสุขกับการทำ เหนื่อยก็เหนื่อยหรอก แต่มันสนุกๆ เป็นอะไรที่น่ารักๆ เหมือนเลี้ยงลูกคนหนึ่งแล้วอยากให้เขาเติบโต”

สนใจอยากรู้รายละเอียดสรรพคุณต่างๆ ของเครื่องสำอาง คลาริส บาย คาร่า หรือสนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ http://www.klarisbykara.com

Leave a comment