ข่าวเกษตรรุ่น 23 เดือน มิถุนายน 2559

ku23-title1 ku23-title2

2506-2556     Jubilee KU 23

ฉบับเดือน มิถุนายน 2559 ฉบับ วันดื่มนมโลก (1 มิย.) วันสิ่งแวดล้อมโลก (5 มิย.) วันทะเลโลก(8 มิย.) วันอานันทมหิดล(9 มิย.) วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง(24 มิย.) และวันสุนทรภู่(26 มิย.)

ku23-59-06-01

ku23-59-06-02

ku23-59-06-03

สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน

ปกติข่าวรุ่นฯจะมีข้อมูลจากรูปเหตุการณ์ในวันสังสรรค์ต่อมาวิวัฒนาการทาง Social media ก้าวหน้ามากขึ้นก็เลยได้รับข้อมูลทาง Line ทำให้ได้ข้อมูลต่างๆและรูปภาพจากเพื่อนๆมาลงให้ดูทำให้ข่าวมีความหลากหลายมากขึ้น เมื่อวันที่ 22 เมย.59 ผมไม่ได้ไปร่วมที่ สหโภชน์ เพราะหลานทำเรื่องนัดไปทำวีซ่าเข้าประเทศยุโรปหลานดูการเดินทางเห็นว่าอยู่ประเทศสเปนมากที่สุดก็เลยทำเรื่องนัดหมายทำวีซ่าที่ VFS ที่สีลมพลาซ่าได้เวลา 10.30 น.เรากับแฟนไปแต่เช้าทำเรื่องเสร็จตอนเที่ยงหลานกับแม่เขาตามไปพอตอนเย็นหลานบอกว่าวีซ่าของเรากับแฟนทำผิดประเทศต้องทำวีซ่าเข้าอิตาลี่ที่เป็นประเทศแรกที่ลงเครื่องบินหลานรับเอกสารและเงินค่าธรรมเนียมคืนมาให้ เรากับแฟนก็เลยไปทำใหม่วันจันทร์ที่ 25ใหม่ไปแต่เช้าพอไปถึงก็เจอแจ็คพ๊อตเจอทีมนักกีฬาคนพิการ 4-50 คนคู่เราได้คิวที่ 195 กว่าจะได้ทำก็บ่ายเกือบเย็นระหว่างขับรถกลับบ้านตอน 5 โมง จนท. VFS โทรเข้ามือถือบอกว่าเอกสารทางการเงินของแฟนไม่ถูกต้องให้เอาไปเปลี่ยน โชคดีที่แฟนเรายังอยู่ที่คณะบัญชีจุฬาและธนาคารที่ยังจามจุรีแสควร์ยังทำงานอยู่ก็เลยเอาเอกสารไปให้จนท.รอรับเอกสารเมื่อเกือบ 2 ทุ่ม เสียเวลาไป 2 วันแต่ก็ได้รับวีซ่าวันศุกร์ อีกประเทศ(เมือง)ที่ไปทำคือ Gibraltar เป็นแผ่นดินโพ้นทะเลของ สหราชอาณาจักรอังกฤษเป็นแหลมยื่นไปในทะเลเมดิเตอเรเนียนใต้ประเทศสเปน ทัวร์เรามีรายการเที่ยว ยิบรอลต้าวันเดียวเสียค่าทำวีซ่า 170 กว่ายูโร แพงกว่าที่ทำเข้าประเทศแชงเก้น 3 ประเทศ สิบกว่าวันเสียแค่สามพันกว่าบาทตอนทำเจ้าหน้าที่บอกว่าอาจใช้เวลา 3 อาทิตย์หรือ 1 เดือนนะ แต่จริงๆแล้วอาทิตย์เดียวก็ได้ จากการที่การไปเที่ยวยุโรปหรืออเมริกามีความยุ่งยากและต้องทำวีซ่าในขณะเดียวกันที่ ญี่ปุ่น เกาหลีและประเทศในกลุ่ม AEC ส่วนใหญ่ไม่ต้องทำวีซ่าทำให้คนหันมาเที่ยวแถบนี้กันมากขึ้น ที่เล่ามานี่ก็จะโยงบอกว่าช่วงที่ไม่ได้ไปสังสรรค์ได้ฝากให้เพื่อนๆช่วยเขียนข่าวส่งให้พวกเราทุกเดือนไม่ขาดจากการติดต่อก็ได้รับรูปจาก** รองฯสวัสดิ์ ** ฮิตเลอร์ – ไพฑูรย์ ** อิ๊ดเกะ – จิตราพรรณ ** นิด – นิตยา ** ดร.เขี้ยว – วณี ** มาลงและเขียนข่าว ส่วน ** อิ๊ดเกะ – จิตราพรรณ ** และ ** ตึ – อำพรรณ **ได้ช่วยเขียนข่าวส่งมาให้เราแต่ เกะ มีธุระส่งข่าวมาสวนกับที่เราได้นั่งเทียนส่งข่าวไปแล้วดังนั้นฉบับนี้จึงเอาข่าวที่ เกะและตึ เขียนมาลงให้อ่านดูกัน

** วันสังสรรค์เกษตรรุ่น 23 วันนี้ คณะทำงานติดภารกิจเกือบทั้งหมด(รวมทั้งประธานรุ่น) เพื่อนๆจึงช่วยกันทำงานแทน เริ่มตั้งแต่ตีสี่ ดร.ศรัณย์ ส่งข้อความสุขสันต์วันสังสรรค์รุ่น แล้วออกจากบ้านไปหาถั่วต้มที่ปากซอย แต่คนขายบอกว่าถั่วแพง ไม่มีขาย พอนิตยาอ่านไลน์เจอ เลยไปหาซื้อถั่วต้มมาให้ 2 กก.ดร.ศรัณย์ นำแมงสะดิ้งไปถุงนึง แมงสะดิ้งตัวเล็กๆขาวใส ดูสะอาด เลยขอลองชิม นุ่ม รสมัน เพราะมีไข่เต็มท้อง เค็มนิดๆ อร่อยทีเดียว สังสรรค์เที่ยวหน้าอย่าลืมไปขอชิม รับรองหมดเร็วแน่เพราะผู้กินกับ กินเร็วกว่าผู้กินกับแกล้ม แดง “สุธิดา” ส่งไลน์มาตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ว่าเตรียมข้าวเกรียบกุ้งไว้แล้ว เช้านี้จะไปหาซื้อน้ำพริกเผา แกงเหลือง และข้าวเหนียวหลายๆหน้าไปเพิ่มน้ำหนักเพื่อนๆ หญิงใหญ่ “พึงพิศ” ส่งไลน์มาตั้งแต่ตีห้า เตรียมทำผัดสะตอกุ้งตัวใหญ่ๆ ในยุคสะตอแพงเธอสั่งซื้อสะตอ 500 บาท แต่ต้องจ่ายค่าสะตอถึง 1500 บาท และยังปอกมันแกวที่ได้มาจากนครพนม และนึ่งผักนานาชนิดไว้กินกับน้ำพริกข่าของเม่น”สุรพล” และยังออเดอร์ไข่ต้ม 10

ฟองจากแพะ แพะเธอก็ค้นหาวิธีทำไข่ต้มยางมะตูมมาให้เพื่อนชิม ดูดีเชียวละ แต่ไม่รู้ว่าเธอแอบเอาไปแก้บนก่อนนำมาเลี้ยงเพื่อนรึเปล่า น่าเสียดายที่เม่นหิ้วขวดน้ำพริกป่ามาช้าไปนิด เพราะผักต้มและไข่ยางมะตูมเหลือติดก้นจานเล็กน้อย หญิงใหญ่ส่งไลน์ล่วงหน้าชวนเพื่อนๆนุ่งซิ่น แต่งไทยให้เข้ากับบรรยากาศสงกรานต์ มีสาวๆหลายคนแต่งตามคำชวน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศประกวดนางสงกรานต์ คุณพึงพิศจึงเตรียมของรางวัลมาให้ ..ก็ตัดสินยากนะ เพราะสวยๆทุกคน ในที่สุดก็ได้ผู้ชนะเลิศ คือ ต้อย “พนิดา” ที่ถูกใจกรรมการตรงที่เธอห้อย “ตะปิ้ง” ใหญ่เด่นอยู่เหนือทรวงอก ถึงแม้จะมีอาหารหลายอย่างของร้านสหโภชน์ แต่เพื่อนๆหลายคนนำอาหารเสริมพุงมาฝาก ประสานและน้องแมง เอามะม่วงจานใหญ่พร้อมกะปิหวาน วิจิตรา สั่งเต้าซ้อเจ้าดังจากภูเก็ตมาหลายกล่อง เปี๊ยก”มาลัยวรรณ” ลอดช่องน้ำกะทิวัดเจษฯ มณฑล มาจากอเมริกา แต่เป็นคนเมืองจันทเลยหิ้วทุเรียนทอดกรอบมาให้ ต๊ะ”ผุสดี” คราวนี้ไม่มีแกงไตปลามาฝากแต่จัดขันน้ำลอยดอกไม้มาให้เข้ากับบรรยากาศสงกรานต์

เนื่องจากเห..เกษราไปเที่ยว จึงได้ อิ๊ด “สมบูรณ์”มาทำหน้าที่แทน ทั้งเก็บเงิน จ่ายเงิน แล้วยังร้องเพลงหวานๆให้ฟังอีก ทำได้หลายหน้าที่ สวัสดิ์ นิตยา และอิ๊ดเกะ ช่วยกันบันทึกภาพ นิตยาเธอบ่นว่า สว.ทั้งหลายแอคทีพมาก ยุกยิกตลอด ไม่นั่งนิ่งๆ จนภาพไหวไปหลายภาพ ยังมีช่างภาพใส่หมวกเก๋..ฮิตเลอร์ พอมาถึงก็ถ่ายวิดิโอส่งไลน์ให้เพื่อนๆเป็นชุดแรก ประสาน น้องแมง แพะ สวัสดิ์ ผลัดกันร้องเพลงเพราะๆกล่อมเพื่อน ไพศาลเข้ามาจัดเตรียมคาราโอเกะ สักครู่ บุญชุมหิ้วกีตาร์มานั่งประจำที่ เพื่อนๆมาร่วมงานกันแต่เช้า เพียงสิบโมงนิดๆก็มากันหลายคน เดือนนี้มีผู้ชายมามากกว่าทุกครั้ง ที่มาเป็นคู่ มี ประสาน-น้องแมง สวัสดิ์-พึงพิศ สมคิด-ม้า สุธิดา-สามี มังกร-ภรรยา นอกนั้นมาเดี่ยว มีเพื่อนที่นานๆมาสักครั้งเดินเข้ามาหลายคน ชูศักดิ์ จากแพร่ ถิรวีร์ มามาดเนี๊ยบทั้งผมและเสื้อไหมไทย มังกร แหยม”สุทัศน์” ประสงค์ ประดิษฐ์ สุวพันธ์ อุดม พูลเกษ อรวรรณ ระเบียบ เฉิ่ม ยุพิน แต “แววไว” ส่วนปราณี แวะมากินให้อร่อยก่อนไปทำฟันช่วงบ่าย “เฉิ่ม” รับหน้าที่โฆษกด้วยฝีปากที่สรรคำพูดมา เรียกเสียงฮาจากเพื่อนๆที่คอยจ้องรับมุขตลอดเวลา แถมเป็นต้นเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดอีกด้วย เรียกว่าทำงานคุ้มกับที่เชิญมา

แต “แวไว” จัดหาของที่ระลึกในนามรุ่นมอบให้ดีเจไพศาลแทนคำขอบคุณที่ช่วยให้เพื่อนๆได้ร้องเพลงอย่างสนุกสนานมานานเกิน 10 ปี ชั่วโมงคาราโอเกะเริ่มด้วยสาวๆ แพะ ลาวัณย์ สมบูรณ์ ผลัดกันร้องเพลงกล่อมเพื่อน พวกเพื่อนชายไม่ยอมน้อยหน้า ร้องเพลงทั้งเดี่ยวและหมู่อย่างคึกครื้น ได้ยินเสียงหวานนุ่มร้องเพลง “เพลา ผ่านมา ผ่านไป” พอหันไปมอง เห็น “ยุพิน” ทั้งร้องทั้งรำ ในชุดสวย ทรงเครื่องแวววาวทั้งหู ข้อมือและนิ้ว เธอร้องรำภายใต้การดูและของอาจารย์ประสาน .ที่สอนวิชาขับร้องให้ เดือนเมษายนนี้ตรงกับเดือนเกิดของเพื่อนหลายคน มี พึงพิศ วิจิตรา แพะ ไพศาล และมังกร ออกมายืนตัดเคก 2 ก้อนแจกเพื่อนๆ ท่ามกลางเสียงเพลงอวยพรวันเกิดที่ดูเหมือนจะร้องต่อเนื่องอย่างยาวนาน ..ขอให้มีความสุขมากๆ

สว ทั้งหลาย คุยกันไม่ยอมจบ จนเลยบ่าย 2 โมงแล้ว จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน

สังสรรค์ KU 23 ที่เชียงใหม่ (รายงานโดย อำพรรณ )

วันที่ 23 เมย. KU 23 ที่เชียงใหม่ ทำบุญให้เพื่อนๆที่ล่วงลับไปแล้ว โดยถวายสังฆทานพระสี่รูปที่วัดเชตุพน ต.วัดเกต อ.เมือง เชียงใหม่ ใกล้บ้านตึ เพื่อนๆที่ไปร่วมทำบุญที่วัดได้แก่ ตึ สาคร สุนทรี ถนัด เพ็ญแข สมใจ เล็ก บุญญนิจ และพี่บรรจบ(เขยรุ่น) และปรานอม สำหรับรายหลัง ต้องบอกว่า คาดไม่ถึง เพราะมาร่วมทำบุญ พร้อมทั้งหอบขนม แหนมหมกและมอบเงินทำบุญด้วย เจ้าตัวบอกว่า รู้ข่าวทางไลน์ ด้วยความที่ไม่เจอประนอมเป็นเวลานานมาก ทั้งปรานอมและเพื่อนๆต่างจำกันไม่ได้ ถ้าประนอมไม่เห็นเสื้อรุ่นสีเขียว ปักชื่อรุ่นที่แขน ก็คงไม่ทราบว่า ลุงๆป้าๆกลุ่มนี้คือเพื่อนรุ่นเดียวกัน ในขณะทำพิธี สว.ทั้งหลายนั่งเก้าอี้ที่พระเตรียมไว้ให้ เพราะกลัวว่าหากนั่งกับพื้นคงลุกไม่ขึ้น ยกเว้นหนึ่งเดียว คือเล็ก ซึ่งนั่งบนพรม ปรานอมแอบกระซิบถามเราว่า สว.หัวเหน่งคนที่นั่งกับพื้น คือใคร ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะจำไม่ได้ ด้วย สว.เล็ก รูปร่าง หน้าตา เปลี่ยนไปเยอะ (แต่ดูภูมิฐานนะ ขอบอก) หลังทำบุญ ทั้งหมดยกเว้นปรานอม ก็พากันไปสังสรรค์ต่อที่ร้านครัวการบินลาว ในบริเวณสนามกอล์ฟของทหารบก สังสรรค์วันนี้เพื่อนๆขาดหลายคน เช่น สมยศ อมรธัช นิจพร หมู-เรณู มุ้ย-สายสวาท และสุวิมล แต่ที่มาสมทบกับกลุ่มที่ไปวัด ก็มีสุรีย์และสงวน ซึ่งหอบผลไม้จากสวนมาฝากเพื่อนๆด้วย 1 กล่อง ผลไม้จากสวนของสงวน หน้าตาและขนาดผลเป็นมะปราง แต่รสชาติอร่อยแบบมะยงชิด ทำให้หัวข้อสนทนาระหว่างสังสรรค์อย่างหนึ่ง คือการถกเถียงว่ามันคือมะปรางหรือมะยงชิด อร่อยหรือไม่ก็คิดดู เพราะไม่ใช่แค่กิน แต่เพื่อนๆขอแบ่งกลับไปกินต่อที่บ้าน เจ้าของสวนบอกว่า มีต้นเดียวเอง และออกลูกดกมาก เนื่องจากบ้านสงวนมีต้นไม้ที่น่าสนใจหลายอย่าง ดังนั้น จึงอาจเป็นไปได้ว่า อุ้ยๆป้าๆ อาจจะบุกบ้านสงวนอีก หลังอิ่มท้อง สมใจเปิดฉากการร้องคาราโอเกะ ตามด้วยสุรีย์ ซึ่งขับกล่อมเพื่อนๆด้วยเพลงปะกิต และเพลงไทยหลายเพลง มี ถนัด เล็ก บุญยนิจ แข และพี่บรรจบ สลับฉากเป็นครั้งคราว สังสรรค์คราวนี้ไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งไม่ทราบว่า เป็นเพราะ สว.ชายที่ชอบก๊งขาดคู่ก๊ง หรือกลัวบาป เพราะรับศีลจากพระที่วัด หรือมันร้อน กันแน่ **

เป็นอย่างไรครับสำหรับ 2 ผู้สื่อข่าวสาวรุ่นเราเขียนข่าวได้ละเอียดละออและเดือนนี้ ** ตึ – อำพรรณ ** ซึ่งอยู่ในทีมทัวร์ญี่ปุ่นช่วยเล่าการไปเยือนชมดอกไม้ ปลา แผ่นดินไหว และอาหารอร่อยๆจนลูกทัวร์ ** นิด – นิตยา ** ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อไป1 คนลองอ่านดูนะครับ

รายงานข่าวทัวร์ญีปุ่น 15-20 พค

สว.หญิง KU 23 จำนวน 6 นาง นำทีมโดยอิ้ดพึงพิศ ตามด้วย ต้อยพนิดา วรรณรัตน์ กนิษฐ ระเบียบ นิตยา และอำพรรณ ไปทัวร์ญีปุ่นในช่วง วันที่ 15-20 พค และมีสมาชิกก๊วนทัวร์ ที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมรุ่น อีก 7 คน มีไกด์ ที่เป็นชาย แต่ไม่ใช่หนุ่มน้อย สองคน ชื่อพงษ์พิบูลย์และสังวาลย์ ทั้งสองคนเคยศึกษาดูงาน และใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวคนญีปุ่นระยะหนึ่ง ในสมัยที่อิ้ดยังทำหน้าที่เป็นรองอธิบดีกรมส่งเสริม จนสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่อง ถึงญีปุ่น เวลา6.00 น หน้าไม่ได้ล้าง ฟันไม่ได้แปรง เริ่มโปรแกรมทัวร์เลย ออกจากสนามบินนาริตะ ก็ขึ้นรถบัส ไป ดูปลาและสัตว์ทะเล ที่ Aqua World Oarai ทานข้าวเที่ยงที่นั่นแหละ จะกินอะไร ก็สั่งตามๆกันไป มันคงหิวมั้ง มื้อนั้น ก็อร่อยดี แม้ชามใหญ่ชมัดเลย หลังอิ่มท้อง พงษ์ ก็นัดหมายลูกทัวร์ เรื่องเวลาและสถานที่ ที่จะต้องมาพบกัน แล้วปล่อยลูกทัวร์ไปเดินตามอัธยาสัย มีปลาชนิดต่างๆ มีทั้งชนิดที่ตัวใหญ่มากๆ ปลาแปลกๆ ปลาสวยงาม และสัตว์ทะล ที่น่าสนใจ น่าชื่นชมที่เห็นพ่อแม่ชาวญีปุ่น พาลูกๆ มาดูพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เพราะเป็นการปลูกฝังให้ลูกสนใจธรรมชาติ ตั้งแต่เล็กๆ ลูกทัวร์ส่วนใหญ่จะจบรายการด้วยการดูโชว์การแสดงของสัตว์ แต่เรากับนิตยา ใช้เวลาเกือบทั้งหมดที่นั่น กับการเดินดูสัตว์และปลา เราได้ความรู้จากนิตยาเยอะเลย เพราะเขาเรียนประมง จากนั้นเราเดินทางไปเมืองคะสุมิอุระ เพื่อไปดูดอกนีโมฟีล่า หรือ ดอกbaby blue eye ที่ Hitachi seaside park ดอกนีโมฟีล่า ที่เห็นอยู่ในทุ่ง แม้จะโรยไปเยอะ และเขาจวนจะรื้ออยู่แล้ว แต่ ทุ่งนีโมฟีล่า สีฟ้า ก็ดูสวยงาม และ น่าประทับใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อดูดอกสีฟ้าสดใส อย่างใกล้ชิด ไม่ใช่แค่ดอกนีโมฟีล่าเท่านั้นนะ วีสทีเรีย บนซุ้ม ก็กำลังบาน แต่ก็อยู่ที่นั่นได้แป็บเดียวแหละ ต้องรีบเดินทางต่อไปยังที่พัก ที่ Narita Kikusui hotel คืนนี้แหละ เราต้องตระหนกตกใจ กับแผ่นดินไหว ขนาด 5 ริคเตอร์กว่าๆ ซึ่งศูนย์กลางอยู่ที่เมืองที่เราแวะดูดอกนีโมฟีล่า คนจีนที่พักในโรงแรม แตกตื่นกันใหญ่ ออกมาคุยกันโขมงโฉงเฉงหน้าห้อง สมาชิกทัวร์บางคน นอนไม่หลับเลย เพราะกลัวว่า จะเกิดแผ่นดินไหวอีก วันรุ่งขึ้น วันที่ 17 พค มีกิจกรรมที่น่าประทับใจสุดๆ คือการไปแวะดูสวนสตรอเบอรรี ซึ่งเขาปลูกสตรอเบอรรีบนbench เก็บผลสตรอเบอรรีแดงๆจากต้น กินได้เลย กินได้ไม่อั้น ภายใน 30 นาที แต่ห้ามตุน โธ่เอ๋ย ใจมันอยากจะกินเยอะๆ แต่มันก็กินได้เท่ากับขนาดกระเพาะแหละ เขาให้กินกับนมสด ก็เข้ากันได้ดีนะ ฝนตกโปรยปราย ในช่วงที่ชมสวน ทำให้เกิดอาการปทฉ และต้องลุยฝน ไปทำธุระ จากนั้น ไกด์พาไปนมัสการพระพุทธรูปยืน Ushiku Daibutsu ซึ่งสูงตั้ง 20 เมตร ก่อนเข้าไปดูภายในองค์พระ เห็นต้นไม้ ดอกไม้สวยๆมากมาย ต้นดอกลิ้นมังกร และดอกป๊อปปี้ในแปลง กำลังออกดอกหลากสี สวยงามมาก แต่ดูสถานการณ์แล้ว ท่าทางเขาคงห้ามเข้าไปใกล้แปลง เลยได้แค่ดู อย่างไรก็ตาม สมาชิกทัวร์บางคน ก็อดใจไม่ไหว ขอเข้าไปถ่ายรูปที่ขอบแปลง ในช่วงที่เดินทางไปขึ้นรถ ดอกป๊อปปี้ ที่นั่น บางต้น มีสีแปลก เช่นสีชมพูอมม่วงสวยงาม ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน จุดแวะต่อไป คือ Ashikaga flower park ซึ่งเป็นhigh light ของทัวร์ ทุกคนตั้งใจมาดูดอกวิสทีเรีย ที่เขาปลูกเป็นซุ้ม แต่โชคไม่ดี ดอกโรยก่อนที่เราจะไปถึง แต่ซุ้มวิสทีเรีย ก็สวยงาม น่าดูอยู่นะ ไม่เห็นดอกวิสทีเรีย แต่สวนแห่งนี้ ก็มีซุ้มกุหลาบหลากสี ดอกบานสะพรั่งให้นักท่องเที่ยวได้ดูจนอิ่มตาอิ่มใจ เสียอย่างเดียวแหละ ดอกโดนฝน ทำให้ดอกแทบทุกดอกหน้าคว่ำ นอกจากนี้ ยังมีดอกpassiflora หรือดอกกระทกรกฝรั่ง ลักษณะดอกและสีดอก สวยมากๆ ต้นdogwood สีขาว ก็กำลังบาน เตะตาคนบางคนเป็นพิเศษ เพราะเกิดมาไม่เคยเห็นดอกไม้ชนิดนี้มาก่อน จริงๆแล้ว อยากจะมีเวลาอยู่ที่สวนแห่งนี้นานๆหน่อย แต่ก็จำต้องรีบขึ้นรถบัสไปโรงแรมMotosu โรงแรมนี้ มีชื่อเรื่องออนเซน และมีอาหารบุฟเฟท์ซึ่งเมนูเด่น คือปูยักษ์ วรรณรัตน์และพี่ๆน้องๆ มีโอกาสไปออนเซน style ญีปุ่น แต่สมาชิกท่านอื่นก็อาจไปด้วย แต่ไม่ได้รายงานให้ผู้อื่นทราบ อิ อิ !! คงไม่อยากให้ใครรู้ว่า เจออะไร วันถัดไป ( 18 พค) ฟ้าเป็นใจ สดใสไร้เมฆฝน ไม่รู้เป็นเพราะไกด์ทำพิธี ( เปิดหน้าต่าง และนอนแก้ผ้า) เชิญชวนฟูจิซัง ซึ่งเขาถือว่าเป็นผู้หญิง ให้ออกมาพบหรือเปล่า วันนั้นทั้งวัน ทุกคนเห็นภูเขาไฟฟูจิ ชัดมาก จุดแวะถัดไปคือหมู่บ้านโอชิโนฮัคไค ซึ่งมีบ่อน้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะบนยอดภูเขาไฟฟูจิ น้ำใสมาก หมู่บ้านนี้น่ารักมาก สวยงาม บรรยากาศดี ข้อสำคัญคือ เรามีโอกาสเห็นต้นวิสทีเรียสีม่วง ต้นใหญ่ ที่ดอกบานสะพรั่งเต็มต้น และมีดอกโบตั๋น ดอกใหญ่กว่าหน้าคนด้วย ลูกแอปเปิลที่นี่ อร่อยมาก คืนวันที่ 18 พค ก่อนเข้าพักที่

Kyoto-Inn Asagusa ไกด์พาลูกทัวร์ไป shopping ที่ย่านชินจูกุ และแวะทานชาบู ชาบู ที่ภัตตาคาร Mono Paridise Shinjuku วันสุดท้าย( วันที่ 19 พค) ไกด์พาลูกทัวร์ไปเดินตลาดปลาสิกิจิ ซึ่งน่าสนใจมาก ในแง่ของสินค้า ของกิน ว่าจะไม่ซื้ออะไรแล้วเชียวนะ ก็ยังอดไม่ไหว ซื้อของกินเล็กๆน้อยๆ เท่าที่คิดว่าพอหอบไหว กินอาหารเที่ยงที่นั่น ตามอัธยาศัย ก่อนที่จะไปshopping ต่อที่Ohdaiba ซึ่งมีlandmarkเป็นหุ่นยนต์ยักษ์ อยู่หน้าศูนย์การค้า GundumFront Tokyo ลูกทัวร์แม้เป็นสว แต่ก็อดถ่ายรูปกับหุ่นยนต์ไม่ได้ ใช้เวลาอยู่ที่นั่นจนถึง 4 โมงเย็น ก็ได้เวลาเดินทางไปสนามบินนาริตะ ก่อนขี้นเครื่อง ทั้งพงษ์และสังวาลย์ ต้องเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เพราะต้องดูแลลูกทัวร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสว และการจัดการด้านสัมภาระ ไม่ให้น้ำหนักเกิน เมื่อขึ้นเครื่องได้แล้ว ทั้งไกด์และลูกทัวร์ ก็คงถอนหายใจ ด้วยความโล่งอก ที่ทัวร์จบลงด้วยดี **

ใครไม่ได้มาสหโภชน์เดือนพค.จะเสียใจและเสียดายที่ไม่ได้ฟังเพลงเก่าๆและไพเราะจาก 2 นักร้อง คนแรกร้องเพลง ตะวันยอแสง ** แพะ – วรรณา ** ฟังแล้วถามคนร้องว่าไปจำเพลงนี้มาจากใคร ** นายพลเขตณรงค์ ** บอกว่าคุณแม่ร้องเป็นเพลงกล่อมให้นอนตอนเด็กครับ เด็กของท่านนายพลเพลงนี้ก็ต้องแต่งมาแล้วไม่ต่ำกว่า 70 ปี เพลงขึ้นต้นว่า ดูซิดูโน่นซี สุริสีห์ กำลังยอแสง นักร้องรุ่นแรกคือ จำรัส สุวคนธ์ อีกเพลงชื่อเพลง คน เป็นเพลงเก่าหาฟังได้ยากร้องโดยคนที่นานๆจะโผล่หน้ามาทีและมาทีไม่นานแต่คราวนี้มาแต่ห้ววันมาพร้อมไม้เท้าที่มีไฟฉายอยู่ที่มือจับด้วยเป็นคนที่ชอบเอาปัญหาเชาว์มาถามทาง Line บ่อยๆ เป็นนักบริดท์ทีมมหาวิทยาลัยรุ่นแรกๆจะเป็นใครม่ได้นอกจาก ** อ.แจ๋ว –ชัยวัฒน์ ** นั่นเอง เพลง คน เป็นเพลงเก่ามากๆเพลงหนึ่งเป็นเพลงที่เพราะมากๆโดยเฉพาะร้องโดย อ.แจ๋ว ส่วน ** ดร.ศรัณย์ ** เห็นว่าเดือนนี้นักกีต้าร์ 2 คนคือ Rachoom และ Richard Choob รวมทั้งมือ Key board ประสาน ไม่มาเลยเกิดอารมณ์ศิลปินคว้าร่มที่ ** แอ๊พ –อำภา ** ลืมเอากลับบ้านมาเล่นเป็นกีต้าร์แทน ** แต – แววไว ** ขอแจ้งเปลี่ยนแปลงที่อยู่ใหม่ด้งนี้

แววไว เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา

22/4 หมู่บ้านลัดดารมย์อิลิแกนซ์,หมู่ 2

ถนนราชพฤกษ์ ต.อ้อมเกร็ด อ.ปากเกร็ด

นนทบุรี 11120 02 159 9154

ขอแสดงความยินดีกับ **ดร.ตี๋ อภิชาติ **ผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ในหลายๆสาขาที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานมูลนิธิ ดรา.สมนึก ศรีปลั่ง ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

เดือนมิย.ผมขอลาพักผ่อน จึงขอฝากให้เพื่อนๆช่วยรายงานข่าวคราวเหมือนเดือนเมษายนด้วยนะครับ

อย่าลืมเดือนนี้เรามีนัดกันที่ห้องอาหาร สหโภชน์ ในวันพฤหัสบดีที่ 23 มิย. 2559 อย่าลืมไปเจอกันนะครับ

วันชัย  จันทร์ฉาย  รายงาน

Leave a comment