ว่าด้วย สี เลข สัญลักษณ์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07049010259&srcday=2016-02-01&search=no

วันที่ 01 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ปีที่ 21 ฉบับที่ 390

เรื่องแบรนด์ เรื่องกล้วยๆ

สมยศ ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ และอาจารย์พิเศษ BJM คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ว่าด้วย สี เลข สัญลักษณ์

เมื่อวันก่อน เพื่อนที่สิงคโปร์โทรมาเพื่อให้ช่วยเหลือทำวิจัยให้กับสินค้าใหม่จากสิงคโปร์ เพื่อเข้าให้ถึงประเทศต่างๆ ในเออีซี สิ่งที่เขาให้ทำก็เพื่อขอราคาจากประเทศต่างๆ เพื่อนำไปเสนอรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสิงคโปร์ ที่สนับสนุนให้มีการขยายการค้าไปต่างประเทศ

หลายปีก่อน เมื่อออนไลน์เริ่มมีความสำคัญ มีแอพต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย สิงคโปร์ก็เตรียมเงินสนับสนุนให้บริษัทที่พร้อมจะปรับธุรกิจให้เข้ากับออนไลน์ สิ่งสำคัญเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีทันสมัย ที่มีส่วนในการพัฒนาธุรกิจ หรือพฤติกรรม และความคิดของผู้บริโภคที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ ซึ่งหลายๆ ครั้งก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งต่างๆ ที่มีผลต่อแบรนด์และการสร้างแบรนด์ทั้งหมด

สิ่งที่เราทุกคนรู้ดีเช่นเรื่องง่ายๆ เกี่ยวกับความโชคดี ตั้งแต่เรื่องความเชื่อเรื่องสี ตัวเลข หรือสัญลักษณ์ต่างๆ สีแดงในประเทศจีนหรือเวียดนามเป็นสีที่บ่งถึงความโชคดี หรือสีดำในญี่ปุ่นเป็นสีที่หมายถึงความตาย แต่บางครั้งก็กลับกลายเป็นสีที่แสดงถึงความภูมิฐาน โค้กเป็นสินค้าที่ขายดีมากในช่วงตรุษเวียดนามหรือปีใหม่เวียดนามซึ่งตรงกับช่วงเวลาตรุษจีน กระป๋องสีแดงที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี มีการออกแบบโดยใช้ลวดลายโบราณต่างๆ เช่น มังกร หงส์ ดอกท้อ เพื่อกระตุ้นให้คนเวียดนามและคนจีนใช้มอบเป็นส่วนหนึ่งของของขวัญที่มอบให้แก่กันในช่วงตรุษ แต่พอบอกถึงชาวตะวันตก สีแดงกลับกลายเป็นสีของความรักซึ่งผสมกับสัญลักษณ์อย่างอื่นเช่นดอกกุหลาบ กุหลาบแดงจึงกลายเป็นสิ่งที่มอบให้คู่รักในวันวาเลนไทน์ หรือเทศกาลแห่งความรัก แต่เมืองไทยกลับไม่มีความหมายใดมาก นอกจากเป็นสีของวันอาทิตย์

สีมีส่วนที่สำคัญยิ่งในการสร้างแบรนด์ ตั้งแต่สีของสินค้า ภาชนะใส่สินค้า ตั้งแต่ขวด กระปุก กระป๋อง กล่องบรรจุ หรือกระทบไปถึง ชื่อสินค้า โลโก้ และแม้กระทั่งโฆษณา จะเห็นว่าน้ำแดง น้ำเขียว กลายเป็นสิ่งที่คนไทยใช้ในการไหว้เจ้าที่หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้โชคดี นอกจากนั้น สีต่างๆ ก็มีผลต่อเพศ เช่นสีม่วงมักใช้กับสินค้าผู้หญิง แต่กลับเป็นสีน้ำเงินซะมากกว่าในสินค้าผู้ชาย

นอกจากสี เลขก็กลายเป็นสิ่งที่ส่งอิทธิพลมหาศาลในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน โรงแรมต่างๆ ในตะวันตกทั้งอเมริกาหรืออังกฤษ ไม่มีห้องพักหมายเลข 13 หรือชั้นที่ 13 ในโรงแรมหรืออพาร์ตเมนต์เลย สายการบินบางสายในญี่ปุ่นไม่มีเลขที่นั่ง 4 หรือ 9 เพราะเลข 9 มีเสียงเหมือนคำว่าทรมานในภาษาญี่ปุ่น เลข 9 หรือ 8 เป็นเลขที่บ่งถึงความโชคดีในประเทศไทย แต่เลข 8 กลับเป็นเลขที่ทำให้โชคหายหรือลดลงในบางประเทศ เลข 4 กลับเป็นเลขที่บอกถึงความตายหรือโชคไม่ดีในประเทศจีน ถ้าใครไปประเทศจีนจะเห็นว่าในลิฟต์ ไม่มีชั้น 4

เลขคือสัญลักษณ์บางอย่างที่มาจากเรื่องราวในอดีต หรือเสียงที่โยงกลับมาที่ความเชื่อ เลข 13 ของตะวันตก คือจำนวนคนทั้งหมดในมื้ออาหารครั้งสุดท้ายกับพระเยซู ก่อนที่ท่านจะถูกลงทัณฑ์ แต่ตัวเลขในประเทศไทยกลับไม่มีความหมายอะไรมากนัก ความเชื่อถือของประเทศอื่นๆ นานๆ ไปก็ถูกส่งผ่านกลับเข้ามาในวัฒนธรรมไทย โดยผ่านภาพยนตร์บ้าง ผ่านคน หรือธุรกิจบ้าง จึงเห็นว่าบางโรงแรมในประเทศไทยก็ไม่มีหมายเลข 13 เช่นกัน การนำเสนอสินค้าหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้เลขจึงต้องควรหลบเลี่ยงเลขที่มีความหมายไม่ดี

สัญลักษณ์หรือภาพก็มีอิทธิพลที่แตกต่างกันตามการยอมรับ ความเชื่อ ในวัฒนธรรมและประเทศที่แตกต่าง ที่ซาอุดีอาระเบีย ผู้หญิงทุกคนที่ออกมานอกบ้านต้องมากับญาติหรือสามี และคลุมหน้า ผมมองไปที่ร้านขายผ้าคลุมเตียง ที่มีกล่องผ้าคลุมวางโชว์อยู่ มีรูปเตียงพร้อมผ้าคลุมสวยงามและมีผู้หญิงใส่ชุดนอนบนกล่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองเป็นเรื่องปกติ แต่ที่โน่นเขากลับใช้สีดำทาบริเวณผิวที่โผล่ออกมา ตั้งแต่หน้า แขน และเท้า ที่ตะวันตก อย่าว่าแต่ชุดนอนเลย ใส่ชุดชั้นใน บิกีนี่ แล้วออกตามบิลบอร์ด ยังถือเป็นเรื่องปกติเลย โฆษณาในประเทศมุสลิมในแถบเออีซีของเราก็ต้องระวังให้ดี เพราะประชากรเกือบครึ่งเป็นมุสลิม ตั้งแต่ อินโดนีเซีย บรูไน มาเลเซีย ซึ่งส่งผลให้เราต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่ง เช่นเสื้อไม่มีแขนของผู้หญิง ไม่ควรให้เห็นในหนังโฆษณาเลย อาหารต่างๆ ต้องมีตราฮาลาล เพื่ออนุญาตให้คนมุสลิมบริโภคได้

สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่บางครั้งเราคิดว่าไม่สำคัญ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บางครั้งอะไรที่คนไทยไม่เห็นแปลกก็น่าจะใช้ได้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่จริงเลย วัฒนธรรมของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันเสมอ และเราต้องเข้าใจในความแตกต่างเหล่านี้อย่างจริงจังเพื่อความสำเร็จของแบรนด์เมื่อข้ามดินแดน

Leave a comment