ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07052010359&srcday=2016-03-01&search=no
| วันที่ 01 มีนาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 22 ฉบับที่ 392 |
อาหารสร้างอาชีพ
มีนา
“มานีมีหม้อ” ชาบูสายอาร์ต
“การทำธุรกิจร้านอาหารในมุมมองของผมคือ ทำให้เยี่ยม แล้วเขา (ลูกค้า) จะกลับมาเยี่ยมเราเอง ผมมองว่าขายอาหารต้องอร่อยก่อน และต้องมีความจริงใจ ถ้าเราให้ใจลูกค้า ลูกค้าก็จะให้ใจเรากลับมาเองครับ”
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน “ชาบู” อาจเป็นความใหม่สำหรับคนไทย แต่ทว่าในวันนี้ ชาบู คือเมนูคุ้นลิ้น จนเกิดเป็นธุรกิจที่ปัจจุบันเปิดกันดารดาษ แต่ทว่าก็มีหลายต่อหลายคนต้องพบจุดจบ เพราะไม่เข้าใจหลักบริหารให้ไปสู่ความสำเร็จ
“มานีมีหม้อ” คือแบรนด์ที่เชื่อว่าหลายคนคุ้นหู คุ้นตา และน่าจะคุ้นลิ้น ด้วยเพราะจัดเป็นร้านชาบูแถวหน้า ที่เรียกได้ว่าสายอาร์ต เพราะมีการฉีกตลาดด้วยความแตกต่าง ไม่เพียงเท่านั้น มานีมีหม้อยังเข้ามามีส่วนแชร์ผู้บริโภคได้มากโข ด้วยการโชว์เอกลักษณ์ความโดดเด่น แตกต่าง กับชาบูมันกุ้ง ที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นรายแรกในประเทศไทย
จุดขายไม่เหมือนใคร
ราคาสบายกระเป๋า
คุณพีรศักดิ์ เหลี่ยมมุกดา เจ้าของธุรกิจ เผยว่า หัวใจสำคัญที่ทำให้ร้านมานีมีหม้อ เปิดตัวและมีการขยับขยายสาขามาด้วยตนเองรวมแล้วราว 6 แห่ง และในปีนี้ตั้งเป้าขยายไปให้ถึง 25-30 สาขานั้นมาจากจุดเริ่มต้นที่สร้างความเข้าใจต่อธุรกิจ
“เริ่มต้นเกิดจากความชอบ ผมเคยเป็นลูกจ้างร้านอาหาร เมื่อครั้งเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ แต่ไม่เคยทำธุรกิจนี้มาก่อน ที่ปรึกษาก็ไม่มี จนกระทั่งวันนี้มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านให้คำแนะนำ ผมว่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งผมศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และการเรียนต่อทั้งประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ สอนให้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยตนเองเป็น จนเกิดความกล้าจะก้าว”
จากจุดเริ่มต้น กับจำนวนผู้เล่นในตลาดเรียกได้ว่าน้อยราย แต่เมื่อเวลาล่วงผ่าน ธุรกิจนี้กลายเป็นความคึกคัก คู่แข่งเกิดขึ้นทั้งระยะใกล้และไกล แต่ทว่า มานีมีหม้อ ยังคงผงาดได้ จนเกิดปรากฏการณ์ต่อแถวเพื่อรอคอยเก้าอี้ โดยเฉพาะกับสาขาแรกตั้งอยู่ Nawamin City Avenue ถนนเกษตร-นวมินทร์ บนพื้นที่ 60 กว่าตารางเมตร
“ความสำเร็จในการทำร้านอาหารในภาวะคู่แข่งขันเกิดขึ้นมากราย หัวใจสำคัญคือ ต้องทำให้ถูกต้อง นั่นคือ การดำเนินการต้องดี อาหารต้องดี ดีในที่นี้คือ ทั้งคุณภาพ รสชาติ ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งตลอดเวลาจะรู้ว่าราคาขายวัตถุดิบขึ้นลงไปตามกลไกตลาดมาโดยตลอด แต่มานีมีหม้อไม่เคยปรับเปลี่ยนราคา เพราะนโยบายของเราไม่ใช่แค่เรื่องกำไรอย่างเดียว แต่ต้องการให้ลูกค้าสามารถเดินทางเข้ามาทานได้อย่างสบายกระเป๋า เราต้องการเป็นร้านของทุกคนในครอบครัว ราคาแพงสุดของสินค้าจึงอยู่ที่ 48 บาทเท่านั้น”
ใส่ความเป็นอาร์ต
โดนใจสไตล์สนุก
อีกสิ่งหนึ่งสามารถดึงดูดความต้องการของลูกค้าได้คือ ความต่าง ทั้งน้ำจิ้มปรุงรสตามใจ และวัตถุดิบคัดสรร อย่าง มันกุ้งเพิ่มความอร่อยหวานมัน ความสดของวัตถุดิบที่ต้องมาจากแหล่งคุณภาพดี
“เมนูคิดใหม่ตลอด และไม่ใช่นำขึ้นมาเป็นโปรโมชั่นกระตุ้นตลาดช่วงสั้นๆ มีการทำวิจัยและพัฒนาเพื่อให้อยู่ได้ยาว ซึ่งกับการทำเมนูจะพยายามคิดให้ไม่ซ้ำกับรายอื่น มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และนี่จึงเป็นเหตุผลให้ลูกค้ากลับมาทานซ้ำ โดยสถิติสูงสุดเคยสำรวจลูกค้า 1 สัปดาห์มาถึง 5 วัน”
บัตรสมาชิก อีกหนึ่งการสำรวจ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์แก่ผู้บริโภค โดยจะทำออกมา 2 ประเภท ทั้งแบบธรรมดาและวีไอพี ซึ่งกับบัตรวีไอพีผลิตพร้อมมอบแก่สมาชิกเข้ามาทานบ่อยครั้งตามเงื่อนไขกำหนด เพียง 3 เดือน สามารถแจกไปแล้ว 500 ใบ จึงอาจเรียกได้ว่าแฟนคลับของมานีมีหม้ออยู่ในเกณฑ์สูง
คุณพีรศักดิ์ ยังกล่าวถึงกลุ่มลูกค้าหลักนั้นมาจากโจทย์ของร้านที่มีความเป็นอาร์ต กลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงมีสไตล์สนุกสนาน ชอบความแปลกใหม่ ทุกเพศทุกวัย
กับสาขาแรกเปิดดำเนินการจนเกิดปรากฏการณ์ต่อแถว ความสำเร็จนี้ส่งผลให้ขยับขยายมาถึง 6 สาขา และตั้งเป้าไว้เดือนเมษายนจะเปิดให้ครบ 10 สาขา ส่วนเป้าหมายตลอดปี 2559 วางไว้ 25-30 สาขา ซึ่งทุกสาขาเป็นการขยายด้วยตนเอง โดยพื้นที่เป้าหมายอยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และรุกสู่หัวเมืองใหญ่
“ทำเลห้างสรรพสินค้า อเวนิว คอมมูนิตี้มอลล์ เป็นทำเลหมายปอง อย่างตอนนี้ตกลงร่วมกับ ซิตี้ พาร์ค เมืองทองธานี ซึ่งจะเปิดในปีหน้า เพราะมองเห็นศักยภาพด้านทำเลโดดเด่น เป็นโครงการเสมือนแม่เหล็กดึงคนได้ และด้วยเราใช้พื้นที่ไม่กว้างมาก ทำเลดังกล่าวมานี้จึงถือได้ว่าตอบโจทย์”
รสอร่อย จริงใจ
ร่วมสมัยกับมานี
ผู้ประกอบการคนขยันยังเสริมถึงทำเลในพื้นที่ต่างจังหวัด จะมุ่งไปตามหัวเมืองใหญ่ เพื่อสร้างโอกาสกับการขายและสร้างวิธีรับรู้สู่ผู้บริโภคในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
“มานีมีหม้อ อาจไปได้ไม่เร็ว เพราะวิธีขยายสาขาเกิดจากตัวเราเอง แต่แน่นอนว่า ทุกวันนี้มีผู้สนใจแฟรนไชส์เข้ามาติดต่อ ซึ่งคงต้องใช้เวลาศึกษา เพราะสิ่งที่เราต้องการคือ โตแบบยั่งยืน”
ทั้งนี้กับการลงทุนต่อสาขา คุณพีรศักดิ์ ว่า ประมาณ 7 ล้านบาท กับพนักงานประมาณ 35 คน ส่วนยอดขายในปีที่ผ่านมา (2558) รวม 120 ล้านบาท ผลกำไรราว 20-30 เปอร์เซ็นต์
“การทำธุรกิจร้านอาหาร ในมุมมองของผมคือ ทำให้เยี่ยม แล้วเขา (ลูกค้า) จะกลับมาเยี่ยมเราเอง ผมมองว่าขายอาหารต้องอร่อยก่อน และต้องมีความจริงใจ ถ้าเราให้ใจลูกค้า ลูกค้าก็จะให้ใจเรากลับมาเองครับ”
ในวันนี้ คำว่า “มานีมีหม้อ” ถือเป็นแบรนด์ที่คนไทยเริ่มคุ้นเคย แต่ทว่าคุณพีรศักดิ์ก็วาดหวังให้ต่างชาติได้รับรู้ในตัวละครนี้เช่นกัน
“ผมมีโอกาสเรียนหนังสือระดับชั้นประถมกับตัวละครมานี ผมจึงนำชื่อนี้มาตั้งเพื่อให้เห็นถึงความเป็นไทย ผมว่าที่ผ่านมาคนไทยจำนวนมากอินกับแบรนด์ต่างประเทศ แต่ผมอยากให้เข้าถึงความเป็นไทย โดยหยิบน้องมานีขึ้นมาขัดเกลาใหม่ให้ต่างชาติได้รับรู้ เหมือนกับที่เขาเข้าใจในซิลเดอเรลล่า แต่กระนั้น การหยิบความเป็นไทยมาทั้งหมด ใช้ความบ้านๆ เดิมๆ เด็กคงไม่อยากรู้ เราจึงปรับแต่งให้เกิดความร่วมสมัย มีเรื่องราว ทำให้มานีได้เดินทางไปในหลายๆ แห่ง ไปถึงต่างประเทศ ด้วยการออกแบบร้านให้แตกต่างกันไปในแต่ละสาขา” คุณพีรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
สนใจติดต่อ “มานีมีหม้อ” สาขา Nawamin City Avenue (เกษตร-นวมินทร์) เลขที่ 297 ถนนประเสริฐมนูกิจ เเขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230 โทรศัพท์ (092) 818-4441