ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=0750150559&srcday=2016-05-15&search=no
| วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 22 ฉบับที่ 397 |
อาหารสร้างอาชีพ
สดุจตา
“รสเตี๋ยว” จาก “รถ” สู่ “หน้าร้าน” “คงที่” & “เคลื่อนที่” ยินดีบริการ
“จุดประสงค์ที่ผมเลือกขายก๋วยเตี๋ยวบนรถ เพราะมองว่าขับไปขายตรงไหนก็ได้ แต่ในความจริงคือ จอดไม่ได้ ต้องหาทำเลแน่นอน ผมจึงมองว่าถ้าอย่างนั้นหาทำเลรูปแบบร้านเลยดีกว่า กระทั่งมาได้ย่านประชาอุทิศ โดยหวังจับกลุ่มนักเรียนนักศึกษา”
ความอิสระในการประกอบอาชีพ กับเป็นคนชอบปรุง นำทางให้ คุณสรวิชญ์ คูเกษมรัตน์ หรือ คุณตี๋ มุ่งเดินสู่เส้นทางค้าขายในลักษณะฟู้ดทรัก
การค้าขายที่มีรถเป็นหน้าร้าน บวกรสชาติและหน้าตาก๋วยเตี๋ยวที่แตกต่าง ทำให้ธุรกิจก่อตัวสู่ความสำเร็จ และในวันนี้ก้าวสู่ปีที่ 2 “รสเตี๋ยว” ขยับขยายสู่รูปแบบหน้าร้าน ส่วนรถนั้นยังให้บริการรับออกงาน ออกร้าน นอกสถานที่ ส่งผลให้มีรายได้มากกว่าหนึ่งช่องทาง
ก๋วยเตี๋ยวบนรถ
เมนูเดียว ขายได้ดี
คุณสรวิชญ์ ผู้ประกอบการร้านรสเตี๋ยว เล่าเท้าความไปเมื่อครั้งยังศึกษาอยู่ระดับปริญญาตรี จวบจนก้าวสู่ระดับปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ ที่ประเทศอังกฤษ ระหว่างเรียนก็ได้ใช้เวลาทำงานในร้านอาหาร และโรงแรม
“ผมเคยทำงานในร้านอาหารไทยและจีนที่ประเทศอังกฤษ และที่ประเทศไทย เคยเป็นผู้ช่วยเชฟในโรงแรม ซึ่งตรงนี้จุดประกายความคิด อยากมีอาชีพของตนเอง และที่ผมเลือกเมนูก๋วยเตี๋ยว เพราะมองว่าถูกปากคนไทย สามารถปรับสูตรให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของเราได้ ผมจึงนำพื้นฐานความชอบเข้าครัวมาดัดแปลงปรุงแต่งรสชาติก๋วยเตี๋ยว ซึ่งตอนแรกทำออกมาเมนูเดียวคือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำมะนาว”
สำหรับหน้าร้านที่เลือกรูปแบบฟู้ดทรัก เพราะในช่วงนั้นได้รับความนิยม อีกทั้งยังมองว่าสะดวกในการเคลื่อนย้ายไปจอดยังจุดต่างๆ ส่วนเงินลงทุนเบื้องต้นโดยรวมค่ารถด้วยประมาณ 550,000 บาท
การตกแต่งรถ ดึงดูดสายตาผู้พบเห็น บวกรสชาติก๋วยเตี๋ยว ส่งผลให้เกิดลูกค้าบอกต่อตามมา และแม้จะมีเมนูบริการแค่รายการเดียว ก็สามารถดึงยอดขายให้มีกำไรกลับมาสู่ธุรกิจได้
ระยะเวลาก้าวผ่านราวครึ่งปี การจัดระเบียบพื้นที่ขายใหม่ ส่งผลกระทบต่อทำเลที่ตั้ง ถึงคราวนั้นคุณสรวิชญ์ เริ่มมองหาทำเลใหม่ แต่จากที่คิดว่าค้าขายโดยมีหน้าร้านเป็นรถจะสะดวกจอด กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะทำเลดีๆ ก็ถูกจับจองไปหมดแล้ว
“จุดประสงค์ที่ผมเลือกขายก๋วยเตี๋ยวบนรถ เพราะมองว่าขับไปขายตรงไหนก็ได้ แต่ในความจริงคือ จอดไม่ได้ ต้องหาทำเลแน่นอน ผมจึงมองว่าถ้าอย่างนั้นหาทำเลรูปแบบร้านเลยดีกว่า กระทั่งมาได้ย่านประชาอุทิศ โดยหวังจับกลุ่มนักเรียนนักศึกษา”
เปิดหน้าร้านรองรับ
จับลูกค้าหลากหลาย
ถือเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่กับทำเลหน้าร้าน แต่แล้วปัญหาก็มีตามมา โดยเฉพาะพื้นที่ตั้งร้านไม่อยู่ริมถนน ปิดกั้นระยะมองเห็น คุณสรวิชญ์จึงต้องใช้สื่อออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กช่วย และไม่เพียงเท่านั้นจัดทำแผ่นพับใบปลิวแจกในละแวกใกล้เคียง
ด้วยเพราะมองกลุ่มเป้าหมายหลักนักศึกษา รูปแบบการตกแต่งร้าน รวมไปถึงเมนูอาหาร จึงต้องดึงดูดสายตา
“ร้านจะเป็น 2 ชั้น รองรับลูกค้าได้ประมาณ 50 คน มีพนักงานประจำร้าน 3 คน แต่จะให้ดีควรมี 4 คน เราทำร้านเล็กๆ แต่ให้น่านั่ง ซึ่งก่อนจะมองทำเลสแตนด์อะโลน ผมเคยเข้าไปติดต่อพื้นที่ในห้าง ค่าเช่าสูงถึง 80,000 บาท ไหนจะต้องเสียค่า GDP สูงอีก และทุกอย่างต้องทำตามกรอบ แต่ว่าก็มีข้อดีตรงไม่ต้องทำการตลาดมาก ด้วยเพราะทำเลเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว”
สำหรับเมนูอาหารปรับเพิ่ม อย่าง ก๋วยเตี๋ยวมี 5 สูตร ซึ่งยังคงต้องแปลกแตกต่าง อย่าง ก๋วยเตี๋ยวกะปิ ที่นำกะปิมาเป็นส่วนผสม หลายคนอาจคิดว่ากลิ่นแรง แต่พอได้ทานแล้วแทบไม่ได้กลิ่น ด้วยเพราะผสมเครื่องปรุงอื่นลงไปให้เกิดรสชาติโดดเด่น หรืออย่างก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำข้น ก็ให้กลิ่นสมุนไพรเตะจมูก
นอกจากเมนูก๋วยเตี๋ยวแล้ว ยังมีเมนูเอาใจวัยรุ่นชอบสังสรรค์ อย่าง หม้อไฟ อาทิ หม้อไฟลาวาชีส หม้อไฟสไตล์เกาหลี หรืออาหารทานเล่นเรียกน้ำย่อย อย่าง ไก่ทอดสูตรเฉพาะ เฟรนช์ฟรายด์ หรือจะตบท้ายด้วยน้ำแข็งไสสไตล์ญี่ปุ่น ที่คุณสรวิชญ์ ว่า จุดเด่นของเมนูหวานเย็นนี้คือการนำผลไม้สดมาเชื่อมเอง ให้ได้ท็อปปิ้งน้ำเชื่อมผลไม้ราดลงบนน้ำแข็งเนื้อละเอียดเนียน เหมาะกับภูมิอากาศร้อนบ้านเรา
ร้านให้บริการคงที่
มีรถเคลื่อนที่ออกงาน
กับราคาขายตั้งไว้สมเหตุสมผล เริ่มต้น 50 บาท ไปจนถึง 300 กว่าบาท (หม้อไฟ) สามารถเรียกลูกค้าให้เดินทางมาอุดหนุนจนทำให้เกิดรายได้วันละประมาณ 9,000-15,000 บาท
“ตอนนี้เปิดร้านมาได้ประมาณ 6-7 เดือน ก็ถือว่ายอดขายพอไปได้ แต่ว่าอุปสรรคก็มี อย่างในช่วงปิดเทอมลูกค้ากลุ่มหลักหายไปเยอะมาก จึงต้องหันมามองคนในพื้นที่ และพนักงานออฟฟิศ ซึ่งผมเตรียมโฆษณาผ่านแผ่นพับแจกในย่านนี้ และยังได้เปิดบริการดีลิเวอรี่ในระยะทาง 5 กิโลเมตร และให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์ เพราะในยุคนี้ถือว่าเป็นกระบอกเสียงที่รวดเร็ว”
นอกจากนั้น ยังเพิ่มยอดขายด้วยบริการรับออกงาน จัดเลี้ยง สัมมนา และอีเว้นต์ต่างๆ นอกสถานที่ ในรูปแบบฟู้ดทรัก โดยกำหนดขั้นต่ำกับยอดสั่งซื้อจำนวน 100 ชามขึ้นไป บวกค่าระยะทางให้บริการ
คุณสรวิชญ์ ยังกล่าวถึงเป้ายอดขายวางไว้วันละ 15,000 บาท ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 1 ปีครึ่ง ส่วนการลงทุนในรูปแบบร้านนั้นใช้งบประมาณไปราวๆ 700,000 บาท โดยหลักๆ จะมีค่าตกแต่ง และอุปกรณ์เพิ่มเติม ส่วนเงินทุนหมุนเวียนต่อวันก็ประมาณ 5,000 บาท
ขอถามถึงการบริหารจัดการวัตถุดิบ คุณสรวิชญ์ในฐานะผู้ลงมือปรุงด้วยตนเอง กล่าวว่า ของสดจะซื้อแบบวันต่อวัน โดยเฉพาะไข่ไก่ ควรได้ไข่ใหม่ เพื่อมาทำไข่ออนเซ็น ส่วนอาหารทะเลสดนั้นมีข้อได้เปรียบตรงอยู่ใกล้สะพานปลา จึงซื้อ 2 วันครั้ง โดยส่วนที่เหลือนำแช่แข็งไว้
รสเตี๋ยว เปิดให้บริการมาจนถึงวันนี้ 1 ปีกว่า นอกจากลูกค้าแวะเวียนเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดช่วง ยังมีผู้สนใจติดต่อขอร่วมธุรกิจเป็นจำนวนมาก ถึงคราวนี้ คุณสรวิชญ์วางแผนระยะใกล้กับการเปิดระบบแฟรนไชส์ โดยวางรูปแบบรถเข็น เพื่อให้ผู้ลงทุนไม่ต้องควักเงินก้อนโตต่อการก่อร่างสร้างธุรกิจ
สำหรับผู้สนใจต้องการติดต่อธุรกิจ หรือเดินทางไปลิ้มรส ไปได้ที่ เลขที่ 115/13 ถนนประชาอุทิศ (ระหว่างซอย 43/1-45) แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (086) 383-8863, (084) 244-2646 หรือ http://www.facebook.com/rodtiew