ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07045010559&srcday=2016-05-01&search=no
| วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 22 ฉบับที่ 396 |
ช่องทางสร้างอาชีพ
ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง srangbun@hotmail.com
สยาม บานาน่า บุกแดนโสม เพิ่มไส้มะม่วง-ทุเรียน ผูกใจต่างชาติ
ถึงตอนนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักขนมสัญชาติไทย “สยาม บานาน่า” (SIAM BANANA) ที่มีหน้าตา รสชาติคล้ายคลึงกับขนมชื่อดังของญี่ปุ่น โตเกียว บานาน่า เพราะจากกรณีพิพาทระหว่างเซเว่นอีเลฟเว่น กับ คุณพลอย-พลอยไพลิน ศรีเฉลิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิ้ล เพาเวอร์ โซลูชั่น จำกัด เจ้าของขนม สยาม บานาน่า ทำให้ผู้บริโภคได้รู้จัก และได้ลิ้มลองขนมที่ได้ชื่อว่า โตเกียว บานาน่า เมืองไทย
ล่าสุด ขนมสัญชาติไทยยี่ห้อนี้ โด่งดังจนทำให้ทางเกาหลีใต้สนใจที่จะนำไปวางขายในแดนโสม
คุณพลอย เล่าความคืบหน้าของธุรกิจให้ฟังว่า เดิมทำรสออริจินอลคือ รสกล้วยหอม นอกนั้นเป็นรสกาแฟ และรสช็อกโกแลต ราคาขายกล่องละ 220 บาท 1 กล่อง มี 8 ชิ้น ตอนนี้เพิ่มมาอีก 2 รสชาติคือ ไส้มะม่วงและไส้ทุเรียน ราคากล่องละ 345 บาท มี 8 ชิ้น สรุปแล้ว มีรวม 5 รสชาติ และไส้ใหม่ล่าสุดที่กำลังจะออกมาคือ ไส้สับปะรด ซึ่งมีวางขายอยู่หลายแห่งอย่าง ท็อปส์ สยามพารากอน เอ็มโพเรียม บนเครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชีย ฯลฯ และกำลังเจรจากับทางคิง เพาเวอร์
ทัวร์จีน ลูกค้ารายใหญ่
ทั้งนี้ สยาม บานาน่า เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวจีนมาก โดยนิยมซื้อรสชาติทุเรียนกับมะม่วงมากที่สุด ซึ่งหากในท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต แห่งไหนมีทัวร์จีนลง สยาม บานาน่า จะขายดีเป็นพิเศษ แตกต่างจากสาขาที่ไม่มีทัวร์จีนลงอย่างชัดเจน
เธอว่าในบ้านเรา ทุเรียนเป็น King of Fruit ยังไงก็อยู่ในใจของคนจีน และมาเลเซีย-สิงคโปร์ ก็ชอบเช่นกัน โดยใช้ทุเรียนหมอนทอง เกรด A และมะม่วงจากจันทบุรี แต่ลูกค้าคนไทยก็ยังชอบรสชาติดั้งเดิม ตามด้วยรสกาแฟ และรสช็อกโกแลต
ปัจจุบันมีโรงงานผลิตอยู่ 2 แห่งคือ ที่ย่านประชาชื่นและที่บางบัวทอง รวมงบลงทุนทั้งหมด 7-8 ล้านบาท มีพนักงานประมาณ 30 คน คาดว่าจะคืนทุนได้ภายในปีนี้ ซึ่งธุรกิจนี้มี 2 หุ้นส่วน โดยตัวคุณพลอยเป็นหุ้นส่วนใหญ่
เธอได้นำปัญหาการทำธุรกิจไปปรึกษา ดร.วิริยะ ลิขิตวงศ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิชาชีพที่ปรึกษาธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเล่าว่า ปัญหาอย่างหนึ่งของสยาม บานาน่า คือ อายุของขนมที่อยู่ได้แค่ 3 เดือน จึงเป็นอุปสรรคต่อการส่งไปขายในต่างประเทศ แม้ว่าจะมีหลายประเทศสนใจ แต่ติดปัญหานี้เพียงอย่างเดียว จึงได้ไปปรึกษาและขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและการแปรรูป เพื่อให้ขนมมีอายุถึง 6 เดือน หรือ 1 ปี
นอกจากจะวางขายในห้างต่างๆ ในบ้านเราแล้ว คุณพลอยยังขายทางออนไลน์ด้วย อย่างที่เจ้าตัวแจงว่า
“ลูกค้าที่รับของพลอยไป คือลูกค้าที่รับทางไอจี แล้วก็ลูกค้าที่ทำตลาดออนไลน์ เขาขายออนไลน์ที่ประเทศเขา แล้วมาซื้อจากพลอยไป แต่ถามว่า มองตลาดต่างประเทศไหม มองค่ะ ตอนนี้ก็เตรียมขอเครื่องหมายต่างๆ เพื่อส่งออก อย่างเช่น ได้บัตรประจำตัวผู้ส่งออกต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งเครื่องหมายฮาลาล”
ว่าไปแล้วเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างเธอกับเซเว่นฯ ก็มีผลดีเหมือนกัน เพราะทำให้ผู้คนรู้จักมากขึ้น และทำให้ได้ขายบนเครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชีย แค่คืนเดียวเท่านั้นก็ทำให้ผู้คนรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นที่มาเลเซียหรือสหรัฐอเมริกาก็ตาม
เจ้าของสยาม บานาน่า ระบุว่า เกาหลีใต้น่าจะเป็นประเทศแรกที่ส่งออกไปขาย ขณะที่ประเทศอื่นยังเจรจากันไม่เสร็จ ส่วนสาเหตุที่ทำไมเกาหลีถึงมาสนใจสยาม บานาน่า ทั้งที่อยู่ใกล้กับประเทศญี่ปุ่น ต้นตำรับในการผลิตโตเกียว บานาน่า นั้น ประเด็นนี้ คุณพลอย อธิบายให้ฟังว่า “พลอยก็ถามเขาเป็นคำถามแรกว่า ทำไมคุณถึงเลือกสยาม บานาน่า คือคนที่ติดต่อมาเป็น Distributor ที่ติดต่อนำสินค้าไปลงในร้านซียู กับ ลอตเต้มาร์ท เขาบอกว่า เขาสนใจสยาม บานาน่า เพราะคนเกาหลีนิยมสินค้าไทย โดยเขาต้องการออริจินอลกับไส้มะม่วง”
เธอว่า เรื่องไส้ขนมนั้น ทางลูกค้าคนจีนและคนญี่ปุ่น อยากให้ทำไส้มังคุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องทดลองก่อน
คุณพลอย ให้ข้อมูลว่า “หลังจากสยาม บานาน่า ขายดี ทางโตเกียว บานาน่า ก็บอกว่าดีใจที่เห็นเรามีแรงบันดาลใจจากเขา เพราะพลอยมีแรงบันดาลใจจากโตเกียว บานาน่า จึงมาทำสยาม บานาน่า ที่ผ่านมายังไม่เคยไปดูธุรกิจของโตเกียว บานาน่า เลย แต่โดยส่วนตัวพลอยชื่นชอบสินค้าเขา และติดตามสินค้าของเขามาตลอด ซึ่งตอนนี้มีหลายผลิตภัณฑ์ มีไส้สตรอเบอร์รี่ด้วย เป็นแบรนด์ที่คนรู้จักทั่วโลก ปีหนึ่งขายได้ 2,400 ล้านบาท”
รอผลเจรจากับคิง เพาเวอร์
เธอย้ำด้วยว่า การทำขนมไส้กล้วยหอมเพราะกล้วยบ้านเรามีชื่อเสียงไปทั่วโลก กล้วยประเทศไทยมีคุณประโยชน์ มองว่าต้นทุนของสยาม บานาน่า กับ โตเกียว บานาน่า ต่างกัน และขนาดธุรกิจต่างกัน ของสยาม บานาน่า เล็กกว่าเยอะมาก ในการซื้อวัตถุดิบแต่ละตัวค่อนข้างต่างกัน เพราะว่าไซซ์ธุรกิจที่ใหญ่กว่า ซื้อวัตถุดิบในราคาที่ถูกกว่าแน่นอน
ทั้งนี้ เธอให้เหตุผลในการสั่งซื้อแป้งสาลีจากอเมริกาว่า จริงๆ เป็นแป้งเค้กที่มีส่วนผสมของแป้งสาลี ไม่ใช่ว่าของไทยไม่ดี แต่เมื่อนำมาทำขนมแล้วกระด้าง ไม่นุ่มเท่ากับของอเมริกา ส่วนน้ำตาลที่ทำไส้ ถ้าจะให้สินค้าหรือเค้กอายุยืนกว่าปกติ ต้องลดความชื้น ซึ่งน้ำตาลที่ใช้ไม่มีความชื้น ทำให้ต้นทุนสูงกว่า เพราะน้ำตาลทั่วไปกิโลกรัมละ 20-30 บาท แต่น้ำตาลที่ใช้อยู่ กิโลกรัมละ 67 บาท
“พลอยทำขนมโตเกียว บานาน่า เพราะความชอบ เวลาไปญี่ปุ่นจะซื้อมาครั้งละ 3 กล่อง กล่องละ 1,800 บาท พอมาทำของตัวเองก็พัฒนาสูตรเพื่อให้หวานน้อยลง และใช้วัตถุดิบเกรดเอทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นแป้ง หรือไข่ซีลีเนียม และผลไม้ เน้นให้เป็นขนมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สินค้าของพลอยจึงเป็นเกรดพรีเมี่ยม”
คุณพลอย บอกว่า เคยรับประทานขนมแบบเดียวกันของเลอ แปง ค่ายซีพี “ถ้าถามพลอย ก็ต้องเชียร์แบรนด์ตัวเอง เพราะรสชาติไม่เหมือนกัน แล้วแต่ความชอบของลูกค้ามากกว่า พลอยไม่ได้คิดว่าจะเป็นคู่แข่งอะไรกับใคร แต่ก็แตกต่างกัน เรื่องราคาด้วย เพราะของสยาม บานาน่า ขายชิ้นละ 27 บาท ส่วนของเลอ แปง ขายชิ้นละ 12 บาท อย่างที่พลอยบอกว่า ไซซ์ธุรกิจต่างกัน ต้นทุนต่างกันแน่นอน บริษัทเราไม่มีนมเป็นของตัวเอง พลอยต้องซื้อนม ซื้อไข่ ธุรกิจเราเล็กกว่าเขาเยอะ”
สำหรับในปีนี้คุณพลอยย้ำว่า จะเพิ่มช่องทางการตลาดให้มากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการเพิ่มยอดขายผ่านทางออนไลน์ด้วย ซึ่งจะกำไรดีกว่าส่งขายในห้าง เพราะค่าขนส่งลูกค้าเป็นคนออกเงินเอง ทั้งนี้ ยอมรับว่าการทำตลาดในประเทศนั้นยาก อย่างที่คิง เพาเวอร์ ก็ติดต่อกันมาเป็นปีแล้วก็ยังไม่ได้เข้าไปขายสักที รวมถึงการเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนในจุดที่มีทัวร์ลงจำนวนมาก เนื่องจากต้องมีคอนเน็กชั่น และการเข้าไปวางขายในห้างด้วยเพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก
“พลอยตั้งเป้าให้ขายได้เดือนละ 10 ล้านบาท แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเป้า ที่ผ่านมาพลอยได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญในการยืดอายุขนมเพื่อให้เก็บได้นานกว่า 3 เดือน แต่ก็ยังทำไม่ได้ เพราะเป็นโจทย์ที่ยากมากเนื่องจากจะต้องใช้วัตถุดิบอย่างดีและให้อร่อยเหมือนเดิม ขณะที่การยืดอายุโดยทั่วไปจะต้องใช้ของปลอมอย่างเช่นนมปลอม และในกระบวนการผลิตต้องใช้เครื่องจักรทั้งหมด ไม่ให้สินค้าโดนมือคนเลย เห็นเป็นสินค้าที่ทำจากกล้วย เป็นขนมกล้วยๆ แต่ในความเป็นจริงวิธีการทำไม่ได้กล้วยเลย”
แนะต้องเพิ่มช่องทางการขาย
เจ้าของขนมสยาม บานาน่า เล่าว่า ปัญหาขนมมีอายุ 3 เดือน ทำให้เป็นอุปสรรคในการส่งออก ทั้งที่มีหลายประเทศต้องการนำเข้าไปขายแต่ติดปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม ฮ่องกง อย่างไรก็ตาม มีนักธุรกิจที่มาเลเซียและสิงคโปร์ติดต่อขอให้ไปเปิดโรงงานผลิตที่นั่น แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่างการขอเครื่องหมาย อย. ก็ยากกว่าบ้านเราเสียอีก นอกจากนี้ การทำขนมดังกล่าวต้องใช้คน ทางอินโดนีเซียก็สนใจ แต่ก็กลัวว่าพอได้โนว์ฮาวหมดสัญญาแล้วจะหันไปผลิตเอง
ทางด้าน ดร.วิริยะ ให้ความเห็นว่า สิ่งสำคัญที่ทางสยาม บานาน่า จะต้องทำมี 3 ข้อหลักๆ คือ 1. พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณค่าเพิ่มทางการตลาดมากกว่าที่จะเป็นของฝากเพียงอย่างเดียว 2. ในทางการตลาดนั้นจะต้องมีการวางแผนพัฒนาให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น และจะต้องมีจุดขายที่เข้มแข็งในระดับภูมิภาค โดยจะต้องสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดให้เกิดความจงรักภักดีต่อแบรนด์ ประเภทใครมาเมืองไทยต้องซื้อสยาม บานาน่า กลับไป 3. เมื่อวางตำแหน่งสินค้าเป็นของฝาก จะต้องมีช่องทางการขายที่ชัดเจนและมีจุดขายมีบริการที่หลากหลาย อาทิ แพ็กเกจจิ้งที่ทำขึ้นสามารถซื้อได้ในสนามบินและหิ้วขึ้นเครื่องไปได้เลย หรือมีบริการดีลิเวอรี่ สั่งซื้อได้สะดวก
สำหรับข้อเสนอแนะของนักศึกษาในหลักสูตรวิชาชีพที่ปรึกษาธุรกิจ กลุ่ม 4 ได้เสนอว่า ในระยะสั้นทางสยาม บานาน่า ควรวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าฝากสำหรับนักท่องเที่ยวเอเชียที่มาเที่ยวเมืองไทย โดยเพิ่มยอดขายจากการเพิ่มช่องทางจำหน่ายที่เน้นเจาะตลาดนักท่องเที่ยวทั้งในร้านขายของฝากและร้านค้าทั่วไปตามแหล่งท่องเที่ยว อย่างเช่น วัดพระแก้ว วัดร่องขุน ตลาดน้ำ สนามบิน เป็นต้น รวมทั้งร้านค้าในโมเดิร์นเทรด พร้อมกับสร้างการรับรู้สินค้าผ่านสื่อออนไลน์ รวมทั้งทำกิจกรรมผ่านกลุ่มทัวร์ แหล่งท่องเที่ยวเพื่อสร้างการเป็นสินค้า “Thailand Best” ที่ต้องซื้อกลับในกลุ่มนักท่องเที่ยว ส่วนระยะยาว ยังต้องพัฒนาสินค้าของฝากอื่นๆ ที่ทำจากวัตถุดิบในเมืองไทย และขยายสู่ตลาดการส่งออกต่อไปในอนาคต