ข่าวเกษตรรุ่น 23 เดือน พฤศจิกายน 2559

ku23-title1 ku23-title2

2506-2556     Jubilee KU 23

ฉบับเดือน พฤศจิกายน 2559 ฉบับ ไว้อาลัยเนื่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต วันลอยกระทง(14 พย.)

ku23-59-11-01

ku23-59-11-02

การสิ้นพระชนม์
พระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร
วันสวรรคต 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559
สถานที่สวรรคต อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 16 โรงพยาบาลศิริราช
ประดิษฐานพระบรมศพ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
พระโกศ พระบรมโกศทองใหญ่
ฉัตร นพปฎลมหาเศวตฉัตร
พระเมรุ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง


พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559  เวลา 15.52 นาฬิกา ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช การสวรรคตของพระองค์สร้างความโศกเศร้าและเสียใจมากต่อประชาชนชาวไทยเป็นจำนวนมากรัฐบาลประกาศไว้ทุกข์ ถวายความอาลัยเป็นเวลา 1 ปี สำนักพระราชวังมีหมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพระหว่างวันที่  14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 – 21 มกราคม พ.ศ. 2560 ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง

สวัสดีครับเพื่อนสมาชิก KU.23 ทุกๆท่าน

เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) คณะที่ 36 ของสมัยประชุมที่ 71 ที่สำนักงานใหญ่ยูเอ็นในนครนิวยอร์ก ได้ประชุมนัดพิเศษเพื่อสดุดีและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยนายปีเตอร์ ทอมสัน ประธานสมัชชายูเอ็น เริ่มวาระด้วยการกล่าวสดุดีเทิดพระเกียรติว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์กว่า 70 ปี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายต่อชาวไทย ยูเอ็นขอร่วมกับพระบรมวงศานุวงศ์ของไทย รัฐบาลและประชาชนชาวไทย แสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9จากนั้นที่ประชุมได้ขอให้สมาชิกยืนสงบนิ่ง เพื่อแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชต่อมา นายบัน กีมูน เลขาธิการยูเอ็น กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ รัฐบาลและประชาชนชาวไทย พระองค์ทรงเป็นพลังสำคัญของประเทศในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน พระองค์ทรงทำให้ประเทศเกิดความมั่นคง ทรงริเริ่มโครงการพัฒนาในด้านต่างๆจากนั้น ประธานกลุ่มยุโรปตะวันออกกล่าวว่า พระองค์ทรงทุ่มเทเพื่อความผาสุกของประชาชน ทุ่มเทอย่างหนักในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงเป็นที่รักของประชาชนประธานภูมิภาคแอฟริกากล่าวสดุดีว่า พระองค์ทรงเป็นนักพัฒนา และตลอด 70 ปี ทรงเป็นแสงสว่างส่องทางของประชาชนชาวไทย ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการพัฒนา การสวรรคตของพระองค์เป็นการสูญเสียไม่เฉพาะแต่คนไทย แต่เป็นการสูญเสียสำหรับคนทั่วโลกขณะที่ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระองค์ ซึ่งทรงทุ่มเทชีวิตตลอด 70 ปีที่ผ่านมาเพื่อความผาสุกของประชาชน พระองค์ทรงเป็นหนึ่งในพระมหากษัตริย์ที่ปกครองประเทศนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในโลก การสวรรคตของพระองค์เสมือนการสูญเสียของคนทั่วโลกประธานกลุ่มภูมิภาคยุโรปตะวันตก กล่าวว่า พระองค์ทรงมีวิสัยทัศน์ยาวไกล ทรงปฏิบัติภารกิจมากมาย

ด้านนางซาแมนธา พาวเวอร์ ทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวว่า พระองค์ทรงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐมาโดยตลอด ที่สำคัญคือทรงประสูติในสหรัฐ พระองค์ทรงพยายามหาทางช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในไทย พระองค์เสด็จฯ ไปทุกภาคของประเทศ พัฒนาโครงการหลวงนับพันโครงการเพื่อช่วยเหลือประชาชน พระองค์ทรงเป็นยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ พระองค์ทรงเป็นเสมือนพระบิดาที่ชี้แนะทางแก้ปัญหาให้กับพสกนิกร ทรงริเริ่มโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่เรียกว่าโครงการแก้มลิง พระองค์ทรงนำการพัฒนาแบบยั่งยืน พระองค์ทรงมีชีวิตเพื่อการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

ปิดท้ายที่นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เป็นผู้กล่าวถวายสดุดีเป็นคนสุดท้าย กล่าวว่า พระองค์ทรงเป็นเสมือนแสงสว่างนำทางการพัฒนาในประเทศไทย นับแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงทำงานเพื่อช่วยพสกนิกร จัดทำโครงการหลวงกว่า 4,000 โครงการเพื่อช่วยเหลือประชาชนในชนบท งานพัฒนาของพระองค์ได้รับการยอมรับทั่วโลก ในช่วงที่ประเทศประสบวิกฤติ พระองค์ทรงเป็นกำลังใจให้แก่ประชาชนชาวไทยมาตลอด.

สำนักข่าวเอพีและรอยเตอร์สรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ว่านางซาแมนธา พาวเวอร์ หัวหน้าคณะผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เป็นหนึ่งในตัวแทนนักการทูตขึ้นเวทีกล่าวถวายราชสดุดีและเทิดพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวาระพิเศษของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญดังนี้
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้ถือเป็นหนึ่งในรอบหลายวันที่ผ่านมาซึ่งดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งในฐานะเป็นตัวแทนของประเทศซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ และได้มีโอกาสขึ้นเวทีกล่าวถ้อยแถลงในโอกาสสำคัญเช่นนี้
ในนามของสหรัฐอเมริกา ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชโอรส พระราชธิดา และพระราชนัดดาทุกพระองค์  ตลอดจนปวงชนชาวไทยทุกท่าน ต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ไม่เพียงแต่พระองค์ทรงเป็นมหามิตรและพันธมิตรยาวนานของสหรัฐเท่านั้น พระองค์ยังทรงมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นเป็นการส่วนพระองค์กับประเทศของดิฉันเช่นกัน
พระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพบกันที่เมืองเคมบริดจ์ ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สถานที่ซึ่งทั้งสองพระองค์ประทับเพื่อศึกษาวิชาการแพทย์และพยาบาล  โดยพระบรมราชชนกทรงรับการศึกษาด้านกาแรพทย์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ส่วนพระบรมราชชนนีทรงรับการศึกษาวิชาพยาบาลที่วิทยาลัยซิมมอนส์ แม้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชสมภพและประทับอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์เป็นเวลาไม่นานมาก แต่ในความเป็นจริง “กลิ่นอาาย” ของพระองค์อยู่สามารถสัมผัสได้ทั่วไปในเมืองเคมบริดจ์
ทั้งนี้ ที่ดิฉันสามารถพูดอย่างนี้ได้เป็นเพราะว่า ก่อนเข้ามาทำงานให้กับรัฐบาลของประธานาธิบดีโอบามา ดิฉันเป็นอาจารย์ประจำวิทยาลัยรัฐประศาสนศาสตร์เคนเนดีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งในการเดินทางทั้งไปและกลับจากสถานที่ทำงานต้องผ่านบริเวณจัตุรัส “คิงภูมิพลอดุลยเดช” ทุกวัน บรรยากาศที่ดิฉันพบทุกครั้งจนเป็นปกติคือภาพของชาวไทยมาแสดงความเคารพต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และบางส่วนก็จะบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึกด้วย บรรยากาศแบบเดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเบริกแฮม แอนด์ วีเมน ที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งเป็นสถานที่พระบรมราชชนนีของพระองค์เคยทรงงานอยู่ ก็จะมีชาวไทยนำดอกไม้ สิ่งของ แผ่นป้ายข้อความวางวางเพื่อถวายสักการะและถวายความจงรักภักดี อีกหนึ่งตัวอย่างสะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่าพระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่พสกนิกรชาวไทยมากเพียงใด
ย้อนกลับไปเกือบ 2 ทศวรรษที่แล้ว ผู้สื่อข่าวต่างชาติของเดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส ทูลถามพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่าพระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ให้พระองค์ทรงเป็นที่จดจำอย่างไร อย่างไรก็ตาม พระองค์ตรัสตอบว่าพระองค์ไม่ทรงสนพระทัยมากนักว่าประวัติศาสตร์จะจดจำพระองค์อย่างไร “หากพวกเขาต้องการเขียนถึงสิ่งที่ดีเกี่ยวกับข้าพเจ้า พวกเขาควรเขียนว่าข้าพเจ้าได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์อย่างไรบ้าง”
จากสายพระเนตรอันยาวไกลของพระองค์ “การทำสิ่งที่มีประโยชน์” หมายถึงการหาทางแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบกับประชาชน ซึ่งพระองค์ทรงตระหนักดีว่า หนทางเดียวที่จะช่วยให้พระองค์ทรงทราบว่าจะทำสิ่งที่มีประโยชน์ได้อย่างไร และเข้าใจปัญหาได้อย่างถ่องแท้ คือการเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่เห็นนั้นเพื่อทอดพระเนตรและทรงซักถามผู้ที่อยู่ในท้องถิ่นด้วยพระองค์เอง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงเสด็จฯไปทั่วทุกพื้นที่ของแผ่นดินไทย  โดยเฉพาะพื้นที่ยากจนและห่างไกลความเจริญ ซึ่งการเสด็จฯของพระองค์ตามมาด้วโครงการตามแนวพระราชดำริหลายพันโครงการ
ไม่เพียงแต่สถานที่ที่พระองค์ดั้นด้นเสด็จฯไปเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำโลกหลายคนแทบไม่ค่อยทำกัน การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในพื้นที่เหล่านั้นน่าสนใจมากเช่นกัน พระองค์ทรงพบกับชาวบ้านด้วยพระองค์เอง ทั้งชาวประมง คนกรีดยาง ชาวนา เกษตรกร หรือครูโรงเรียนประถม
นอกเหนือจากการทรงมีพระปรีชามาสามารถอย่างยิ่งในการทรงแก้ไขปัญหาแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นแบบอย่างให้พสกนิกรของพระองค์ปฏิบัติตามด้วย  ไม่ว่าจะเป็นในสายงานละเอียดอ่อนที่ต้องใช้ฝีมือหรือในงานเชิงวิทยาศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและสิทธิบัตรรวมกันมากกว่า 40 รายการ  ซึ่งล้วนเป็นผลงานที่พระองค์ทรงคิดค้น ทดสอบ และพัฒนาด้วยพระองค์เอง  โดยวัตถุประสงค์ของการทรงประดิษฐ์อุปกรณ์ต่างๆมีเพียงข้อเดียว คือเพื่อแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันของประชาชน
หนึ่งในผลงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่น่าทึ่งมากคือ “โครงการแก้มลิง” ที่มาจากแนวพระราชดำริของพระองค์ และทรงพัฒนาต่อยอดด้วยพระองค์เอง เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในไทย โดยพระองค์ทรงได้แนวคิดจากการทอดพระเนตรเพื่อศึกษาอุปนิสัยของลิงที่เก็บกล้วยไว้ในกระพุ้งแก้มไว้กินทีหลัง แล้วนำ “หลักการของลิง” มาทรงใช้ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ เก็บน้ำไว้ใช้ในยามแล้งเพื่อให้ประชาชนของพระองค์มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี ขณะที่โครงการในพระราชดำริอีกนับพันโครงการยังเป็นไปเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืนเช่นกัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จเยือนสหรัฐเมื่อปี 2503 ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของประธานาธิบดีดไวต์ ดี.ไอเซนฮาวร์ ขณะที่สภาคองเกรสกราบบังคมทูลเชิญให้พระองค์ทรงขึ้นเวทีเพื่อพระราชทานกระแสพระราชดำรัสด้วย ในเวลานั้นพระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษาเพียง 32 พรรษา โดยพระองค์ตรัสในตอนหนึ่งว่าการเสด็จเยือนสหรัฐ “เป็นความปรารถนาตามธรรมชาติในการกลับมายังสถานที่เกิด” คือเมืองเคมบริดจ์ แน่นอนพระองค์เสด็จเยือนเมืองเคมบริดจ์ด้วย สร้างสายสัมพันธไมตรีและแบ่งปันคุณค่าของมิตรภาพระหว่างสองประเทศ พระองค์ตรัสด้วยว่า “มิตรภาพระหว่างรัฐบาลหนึ่งกับรัฐบาลหนึ่งเป็นสิ่งสำคัญ แต่มิตรภาพระหว่างบุคคลคือเครื่องการันตีสันติภาพและความก้าวหน้า”
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชตรัสต่อที่ประชุมสภาคองเกรสด้วยว่า หนึ่งในวัฒนธรรมและค่านิยมที่สำคัญของคนไทยคือ “ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว” เพราะ “สมาชิกในครอบครัวไม่เคยทอดทิ้งกัน จะช่วยเหลือกันเมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการความช่วยเหลือ การให้มีคุณงามความดีในตัวเองอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นสรรเสริญทุกวัน และไม่จำเป็นต้องคาดหวังว่าจะได้รับการให้กลับมา  การที่ผู้รับมีความยินดีและซาบซึ้งสร้างความรู้สึกเดียวกันแก่ผู้ให้ และข้าพเจ้าจะยึดมั่นปฏิบัติเช่นนี้ตลอดไป”
พระราชดำรัสดังกล่าวของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบ่งบอกการดำเนินพระราชจริยวัตรของพระองค์ในตลอดพระชนม์ชีพได้เป็นอย่างดียิ่ง พระองค์ทรงให้ พระองค์ทรงทำเพื่อทุกคนโดยไม่ทรงหวังผลตอบแทน พระองค์ทรงไม่เคยมีพระราชประสงค์รับคำสรรเสริญจากใคร พระองค์ทอดพระเนตรพสกนิกรของพระองค์คือสมาชิกในครอบครัว  ชาวไทยทุกคนโชคดีมากที่มีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นสมาชิกในครอบครัว และโชคดีมากด้วยที่ได้มีโอกาสเรียนรู้และดำเนินรอยตามพระราชปณิธานของพระองค์.
ฝ่ายข่าวต่างประเทศเดลินิวส์

ku23-59-11-03

ศ.ดร.บรรเจิด คติการ ได้เสียชีวิตแล้ว ตั้งศพที่ศาลา 11 วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน สวดเวลา 18.30 -19.00 น.ถึงวันที่ 7 พย.2559 พระราชทานเพลิงศพวันอังคารที่ 8 พย.2559 เมรุ 1 เวลา 16.00 น.

**ผู้ตรวจเฉลียว **   ประธาน ก๊วนกอล์ฟ KU.23 ขอเชิญนักกอล์ฟไปประลองฝีมือส่งท้ายปีเก่าที่สนามงูวันที่ 25 พย.2559  **อ.แจ๋ว –ชัยวัฒน์ ** รื้อฟื้นความหลังช่วงที่พวกเราอยู่ปี 1 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมพลอดุลยเดชได้เสด็จทรงปลูกต้นนทรี 9 ต้นเมื่อวันที่ 29 พย.2506 ในวันที่ 29 พย.2559 จะเป็นปีที่ครบรอบ 53 ปีนนทรีทรงปลูกทางมก.จึงขอเชิญศิษย์เก่าและปัจจุบันที่หน้าหอประชุมเพื่อถวายความอาลัย เวลา 17.00 น.

อย่าลืมเดือนนี้เรามีนัดกันที่ห้องอาหาร สหโภชน์ ในวันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2559  อย่าลืมไปเจอกันนะครับ

วันชัย  จันทร์ฉาย  รายงาน

Leave a comment