ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม แก้วิกฤตภัยแล้ง 6 ไร่ กำรายได้ 1 หมื่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07020010659&srcday=2016-06-01&search=no

วันที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ปีที่ 22 ฉบับที่ 398

เสริมไอเดีย

มีนา

ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม แก้วิกฤตภัยแล้ง 6 ไร่ กำรายได้ 1 หมื่น

หลายภาคส่วนล้วนได้รับผลกระทบจากภัยแล้งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมหม่อนไหม จึงได้เข้ามาช่วยเหลือ โดยชูการปลูกหม่อนไหม เพื่อฝ่าวิกฤตปัญหาภัยแล้ง เพราะเป็นพืชใช้น้ำน้อย ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า โดยประมาณการพื้นที่ปลูกราว 6 ไร่ สามารถทำรายได้ถึง 10,000 บาท ต่อเดือน

แก้ปัญหาวิกฤตภัยแล้ง

ปลูกหม่อน ทดแทนข้าว

“ขณะนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมหม่อนไหม ได้ร่วมบูรณาการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมปรับเปลี่ยนอาชีพให้เหมาะสมกับพื้นที่เพื่อสู้วิกฤตภัยแล้ง ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำร่องในพื้นที่บ้านคลองใหญ่ ตำบลหนองแซง อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท และตำบลลำตาเสา อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็น 2 จังหวัดใน 22 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งปี 2559” คุณอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าว

ทั้งนี้กับการดำเนินงานในเบื้องต้น เริ่มจากรับฟังปัญหา และความคิดเห็น รวมไปถึงความต้องการของเกษตรกรก่อน จากนั้นจึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม รวมไปถึงรายได้ที่เกษตรกรจะได้รับ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้คือข้อมูลประกอบการตัดสินใจของเกษตรกร ว่าจะปรับเปลี่ยนอาชีพหรือไม่ ซึ่งผลตอบรับปรากฏว่าเกษตรกรจำนวนมากให้ความสนใจตอบรับการเปลี่ยนแปลง

เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพทำนา ถือเป็นกลุ่มหลักได้รับผลกระทบหนัก เนื่องด้วยการทำนาใช้น้ำเป็นปัจจัยสำคัญ ทั้งนี้จึงได้ดึงกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่สนใจปรับเปลี่ยนมาปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ขึ้นเป็นต้นแบบในการฝ่าวิกฤตปัญหาภัยแล้ง และเพิ่มทางเลือกในการลดความเสี่ยงการประกอบอาชีพการเกษตรให้กับเกษตรกร โดยได้ใช้แปลงของผู้นำกลุ่มเกษตรกรเป็นแปลงต้นแบบ ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่เหมาะสมต่อการปลูกข้าว อย่างในที่ดอน หรือมีพื้นที่น้อยไม่สามารถปลูกข้าวหรือพืชอื่นๆ ได้อย่างคุ้มค่า แล้วให้ปรับเปลี่ยนมาปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแทน โดยใช้กระบวนการของประชารัฐเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ส่งเสริมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

“กรมหม่อนไหมได้มอบหมายให้ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ สระบุรี ดำเนินการสนับสนุน ทั้งในด้านองค์ความรู้ ให้คำแนะนำทางวิชาการ พร้อมสนับสนุนต้นพันธุ์หม่อนพันธุ์ดีให้แก่เกษตรกรนำไปปลูกในแปลงต้นแบบ”

ต่อยอดเสริมรายได้

6 ไร่ ได้ 1 หมื่น

ส่วนในด้านการใช้น้ำเพาะปลูกนั้น สนับสนุนให้ใช้น้ำในบ่อกักเก็บที่มีอยู่เดิมในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งมีปริมาณพอเพียง เพราะหม่อนเป็นพืชใช้น้ำน้อย

สำหรับพื้นที่ปลูกหม่อนสามารถทำได้แม้ในพื้นที่จำกัดเพียง 6 ไร่ โดยคาดว่าจะสามารถให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,800-2,000 กิโลกรัม ต่อไร่ต่อปี ผลผลิตรังไหม 60 กิโลกรัม ต่อกล่อง หรือผลผลิตรังไหม 720 กิโลกรัม ต่อปี เท่ากับมีรายได้เฉลี่ย 10,000 บาท ต่อเดือน

“รูปแบบการปลูกจะส่งเสริมในเชิงอุตสาหกรรม หรือเลี้ยงไหมเพื่อขายรัง ซึ่งกรมหม่อนไหมได้ประสานกับบริษัทจรูญไหมไทย ในการรับซื้อผลผลิตรังไหมของเกษตรกรด้วยการทำพันธะสัญญา (Contract Farming) โดยประกันราคาขั้นต่ำกิโลกรัมละ 180-200 บาท ตามเกณฑ์การรับซื้อตามหลักมาตรฐานการรับซื้อรังไหม (พิจารณาตามเปอร์เซ็นต์เปลือกรัง, รังดี/รังเสีย)”

นอกจากส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแล้ว ยังส่งเสริมการปลูกหม่อนผลสด การปลูกหม่อนเพื่อขายใบ รวมไปถึงการต่อยอดสร้างรายได้ เช่น การทอผ้าไหม หรือทอผ้าไหมผสมเส้นใยอื่นๆ รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากหม่อนและไหม โดยจะจัดอบรมหลักสูตรมอบความรู้ด้านต่างๆ เหล่านี้ให้แก่เกษตรกร เพื่อให้เกิดประสิทธิผล นำพารายได้มาสู่เกษตรกร

ทั้งนี้ ในด้านเงินทุน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการประกอบอาชีพ กรมหม่อนไหมได้ดำเนินการส่งเสริมเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับเกษตรกร ด้วยระบบการกู้ยืมเงินแบบปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เพื่อสนับสนุนการลงทุนเริ่มแรกในการสร้างโรงเลี้ยงไหมตามแบบมาตรฐาน พร้อมวัสดุอุปกรณ์การเลี้ยงไหมครบชุด

กับโครงการดังกล่าวมานี้ คาดว่าจะมีเกษตรกรได้รับการส่งเสริมประมาณ 1,000 ราย และในขณะเดียวกัน ก็จะได้เป็นฟาร์มต้นแบบให้กับเกษตรกรพื้นที่อื่นๆ ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งต่อไป

Leave a comment