โรม เมืองที่แดดไม่เคยโรย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07074010659&srcday=2016-06-01&search=no

วันที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ปีที่ 22 ฉบับที่ 398

เดินเล่น ตลาดต่างแดน

อ้อมแอ้ม ณ แอลเอ

โรม เมืองที่แดดไม่เคยโรย

เราป้วนเปี้ยนแถวยุโรปมาพักใหญ่ รับอากาศเย็นสบายขณะที่หลายมุมของโลกกำลังร้อนระอุ ได้เวลาจะต้องขยับขยายไปแถวอื่นบ้าง ก่อนกลับฉันแวะฝรั่งเศส ที่อึงคะนึงไปด้วยนักท่องเที่ยว ฉันใช้เวลาในการตะกายดูพิพิธภัณฑ์ลูฟว์หลายวัน จนไม่ได้ไปเปิดหูเปิดตาที่อื่นเลย ไว้คราวหน้าฉันจะพากลับไปเดินตลาดแถวปารีส

แต่คราวนี้ก่อนจากยุโรปไป ฉันจะพาไปเที่ยวโรมก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวคนเมาธ์ว่ามาไม่ถึงยุโรป

โรมเป็นเมืองหลวงของอิตาลี และเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญที่สุดของอิตาลีและของยุโรป มีคนเที่ยวโรมปีละมากกว่า 20 ล้านคน คือมากประมาณมาเที่ยวเมืองไทยทั้งประเทศเลยทีเดียวเชียว

ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะโรมน่าอยู่มาก อากาศดีมาก

โรมเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับโลกมาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลง อันนี้ว่ากันมาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่หลายสิบปีก่อนที่มีหนังเรื่อง Roman Holiday ที่หนุ่มสาวยุคก่อน ละเมอหาพระเอกนางเอกขวัญใจในเรื่อง และโรมก็กลายเป็นเมืองในฝันของคนทั้งโลกเสียยิ่งกว่าปารีสหลายเท่า

โรมมีอาคารบ้านเรือนสมัยก่อนเก่าที่ยังคงสภาพเดิมและถูกใช้ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเมืองเก่าสมัยโรมันเป็นใหญ่ ที่มีอายุกว่า 3,000 ปี และมีร่องรอยอารยธรรมเก่าแก่ให้ศึกษา มีความยิ่งใหญ่อลังการให้เราตื่นตาตื่นใจ

คำพูดว่าโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว เปรียบเทียบถึงความยิ่งใหญ่ของเมืองนี้ อะไรที่มันยิ่งใหญ่มันย่อมไม่ได้สร้างขึ้นภายในวันเดียว ประชาธิปไตยของเมืองไทยก็เช่นกัน

ในโรมมีพื้นที่ไม่มากนัก อัดแน่นไปด้วยอารยธรรม เอาเฉพาะสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไปเกินปีละ 10 ล้านคนก็อย่าง โคลอสเซียม (ภาษาอิตาเลียนเขียน Colosseum) ร่องรอยความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันเมื่ออดีต เมืองวาติกัน ศูนย์กลางของคริสตจักร มีโบสถ์เซนต์ปีเตอร์บาซิลิกา (มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์) แล้วก็พิพิธภัณฑ์วาติกัน ซึ่งมีงานศิลปะระดับเอกอุไม่แพ้แห่งใดในโลก และยังมีโบสถ์ซิสติน ที่มีภาพเขียนผนังแบบเฟรสโก (Frescoes) ของ ไมเคิล แองเจโล ศิลปินอิตาเลียนที่คนทั้งโลกรู้จัก คนเดียวกับที่สลักหินเป็นรูปปั้น เดวิด ที่เมืองฟลอเรนซ์ที่ฉันเคยพาไปแล้วไง

ด้วยเป็นเมืองท่องเที่ยว เดินในโรมทุกวันนี้จึงจะพบปะผู้คนจากทั่วโลก ไม่เฉพาะคนโรมเท่านั้น

เขาว่าคนโรมจริงๆ ก็เหลือน้อยแสนน้อย เพราะมีคนหลั่งไหลจากทั่วโลกเข้ามาตั้งหลักแหล่ง การเข้ามาตั้งหลักแหล่งในอิตาลีไม่ยากเหมือนในยุโรปประเทศอื่น และคนก็เข้ามาอิตาลีกันมาก เพราะอิตาลีเป็นเกาะห้อยท้ายทวีปยุโรป ยิ่งทางตอนใต้ของอิตาลียิ่งมีคนต่างบ้านต่างเมืองเข้ามาหากินกันมาก เขาว่าบางเมืองของอิตาลีมีคนจีนเข้าไปอยู่จนแทบจะเป็นเมืองจีนไปแล้ว แต่ฉันยังไม่เคยไปนะ

เดินตลาดหรือเดินเที่ยวในโรมก็เหมือนเดินตลาดในหลายเมืองของอิตาลี คือเดินแบบสนุก เพราะอากาศเขาดี แดดใสแต่ไม่ร้อน คนเขายิ้มแย้มแจ่มใสดี คนอิตาเลียนอารมณ์ดี ชอบแสดงออก ไม่เงียบขรึมเหมือนคนเยอรมัน หรือขี้อายเหมือนคนยุโรปตะวันออก

ความมั่นใจและเปิดเผยของคนอิตาเลียนนั้นประทับใจฉันเหลือคณา เพราะแม้จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เขาไม่ได้รู้สึกว่าเป็นปมอะไร เราพูดภาษาอังกฤษไป เขาตอบเป็นภาษาอิตาเลียนมาปาวๆ พร้อมภาษาท่าทางประกอบ ทำท่าไปหัวเราะไป ในที่สุดก็เข้าใจกันเอง เขาไม่มีแม้แต่คำว่า “ขอโทษนะ ภาษาอังกฤษฉันมันไม่ค่อยดีอ่ะ” ซึ่งฉันมักเจอในหลายประเทศที่รู้สึกว่าการพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นปมด้อย ฉันว่ามันไม่ใช่ และไม่จำเป็น

เวลาซื้อของกับป้าๆ ในตลาด เราใช้ภาษาท่าทางกับเสียงหัวเราะเป็นหลัก และฉันไม่เคยผิดหวัง ได้ของแถมมามากมายก็เพราะภาษาใบ้และเสียงหัวเราะนี่แหละ

สำหรับอิตาลี เป็น Land of Smile และ Land of Sunshine เดินตลาดแล้วเพลิน ตลาดของอิตาลีมีในทุกที่ เขาขายอะไรตรงไหนได้เขาขายทันที คนอิตาเลียนไม่เขี้ยว (แต่พวกล้วงกระเป๋าเยอะมาก ซึ่งฉันสงสัยว่าอาจไม่ใช่อิตาเลียนทั้งหมด แต่เพราะคนมันมาจากมากมายหลายแหล่งเหลือเกินอย่างที่บอกไปแล้ว)

เป็นเมืองที่ไปเท่าไหร่ไม่เบื่อ แม้พักหลังคนจะมากมายขึ้นทุกทีก็ตาม

Leave a comment