หนึ่งเดียวในโลก “MyShoes Cabinet” ชูนวัตกรรมสลายกลิ่นในตู้รองเท้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=0722150859&srcday=2016-08-15&search=no

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 22 ฉบับที่ 403

เรื่องจากปก

อันติกา

หนึ่งเดียวในโลก “MyShoes Cabinet” ชูนวัตกรรมสลายกลิ่นในตู้รองเท้า

“รองเท้ารับบทหนักยิ่งกว่ากระเป๋ามาก เพราะต้องสวมใส่อยู่กับเท้าอาจตลอดทั้งวัน ปัญหาความอับชื้นสูง และแน่นอน สิ่งที่ต้องเจอคือ กลิ่น ต่อให้ราคาแพงขนาดไหน ก็มีกลิ่น เรียกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เลย ฉะนั้น จึงคิดถึงตู้เก็บรองเท้าเพื่อช่วยลดปัญหา”

ต่อให้รองเท้าจะมีราคาแพงขนาดไหน ก็หนีไม่พ้นปัญหา “กลิ่น” ซึ่งเกิดจากการสวมใส่

จากปัญหาดังกล่าว จึงเกิดเป็นผลงานอันล้ำด้วยนวัตกรรม+ฟังก์ชั่น กับ “มายชูส์ คาบิเน็ต (MyShoes Cabinet)” ตู้เก็บรองเท้าสลายกลิ่นและแบคทีเรีย ซึ่งคาดว่าจะสามารถกำยอดขายในปีนี้ 15-20 ล้านบาท

ชอบเครื่องหนัง

สังเกตปัญหา

MyShoes Cabinet เกิดโดยผู้เห็นปัญหา นั่นก็คือ ดร.โอ๋-ดร.รณันธร พลชาติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แบ็ค รีพับลิค (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์ “MyBagSpa Thailand” ธุรกิจดูแลเครื่องหนังกระเป๋ารองเท้าครบวงจร

ความชอบเครื่องหนังประเภทกระเป๋าและรองเท้ามาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก ชอบจนถึงขั้นมองเห็นปัญหาจากการสังเกต เช่น สีซีดจางลง เกิดเชื้อรา รูปทรงไม่คงเดิม กลิ่น จึงต้องการหาวิธีแก้ไข จนกระทั่งเมื่อราว 5 ปีก่อนหน้านี้ ได้เดินทางไปประเทศสิงคโปร์ กระทั่งพบกับแบรนด์ “MyBagSpa” ซึ่งเป็นแบรนด์ให้บริการดูแลเครื่องหนังโดยตรง และครบวงจร

เมื่อเจอคำตอบของการแก้ไขปัญหา ดร.รณันธร ไม่รอช้า ศึกษาข้อมูลแล้วตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์กลับมาเปิดดำเนินการในประเทศไทย โดยเลือกเช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

“ในประเทศไทยมีธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องหนัง ดูแล ซ่อมบำรุง เยอะ แต่แทบไม่เห็นมีให้บริการดูแลสินค้าแบรนด์เนมจริงๆ ซึ่งพอ MyBagSpa Thailand เปิดให้บริการ จึงตอบสนองกลุ่มคนระดับนี้ ซึ่งมีจำนวนมาก โดยรูปแบบให้บริการตั้งแต่ดูแลทำความสะอาด ราคาเริ่มต้น 500 บาท ทำสี ซึ่งเรามีแล็บวิเคราะห์ค่าสีโดยตรง และซ่อมบำรุง โดยกระบวนการทำงานจะเน้นใช้มือ เพราะคุณภาพคือสิ่งสำคัญ ส่วนราคาที่เคยทำสูงสุด 20,000 บาท ซึ่งสภาพกระเป๋าเสียหายมากเพราะโดนน้ำท่วม แต่ว่าลูกค้าเลือกนำมาทำ เพราะมูลค่ากระเป๋าใบละหลักแสนบาท”

ตู้เก็บกระเป๋า

เอาใจคนรักแบรนด์

อยู่กับธุรกิจนี้มานานหลายปี กอปรกับได้พูดคุยกับลูกค้า แน่นอนว่าแต่ละคนล้วนรักเครื่องหนังของตนเอง และเขาต้องการให้มีอายุการใช้งานยาวนาน

แนวคิดกับการผลิตตู้เก็บสินค้าขึ้นมารองรับจึงเกิดขึ้น โดยจุดเริ่มต้นมองไปที่สินค้ากระเป๋า ซึ่งมักเกิดปัญหา สีซีดจาง ความอับชื้น ทำให้เสียรูปทรงง่าย จึงต้องการผลิตตู้เก็บ สามารถลดปัญหาดังกล่าว

หลังจากได้พบกับ คุณพงษ์พิทักษ์ วงษ์ดีไทย กรรมการบริหารด้านผลิตภัณฑ์และการออกแบบ บริษัท โปรมาร์เก็ตติ้ง แอนด์ โฮมเด็คคอร์ จำกัด ผู้ผลิตจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์หรู แบรนด์ “Mc Michael” และเป็นพาร์ตเนอร์ด้านการดีไซน์และพัฒนาผลิตภัณฑ์

“ประสบการณ์ 20 ปีกับการผลิตเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ ทำให้ต้องใส่ใจในความพิถีพิถัน ตั้งแต่คัดเลือกวัสดุนำมาใช้ในการผลิตเป็นไม้จริงที่ปลูกในป่าแถบยุโรป คงทน แข็งแรง และมีลายไม้ที่สวยงาม ส่วนการออกแบบก็ต้องใส่ความคลาสสิก เหมาะกับเป็นเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน มีเอกลักษณ์ เข้ากับนวัตกรรม”

ความแตกต่าง คือสิ่งที่ทั้งสองเห็นตรงกัน ตู้ภายใต้แบรนด์ MyBag Cabinet จึงควรให้ทั้งประโยชน์โดยตรง คือใส่กระเป๋า และเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหรูในบ้าน และสำคัญคือ นวัตกรรมขจัดปัญหาควรต้องมีไว้รองรับ

แต่ก่อนจะพูดคุยถึงนวัตกรรม คงต้องขอทราบไอเดียการออกแบบ MyBag Cabinet

“สิ่งที่เรารู้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคคือ เมื่อเขามีสินค้าราคาแพง และเป็นของรัก ก็ย่อมต้องการให้สินค้านั้นอยู่กับเขาไปนานๆ และอีกสิ่งหนึ่งที่เรารับรู้คือ สินค้าที่เขารักเขาก็อยากให้เพื่อนๆ ได้เห็น เราจึงคิดถึงการทำตู้โชว์ใส่กระจก สามารถเป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ในบ้านได้”

วัตถุดิบที่นำมาใช้จึงต้องดูสมคุณค่าเช่นกัน โดยจะเลือกไม้บีชจากป่าปลูกในประเทศทางแถบยุโรป ผ่านกรรมวิธีการผลิตอันชำนาญละเอียดอ่อน

อับชื้นหายไป

ได้ทรง คงทนนาน

ทั้งนี้ MyBag Cabinet ใบหนึ่งสามารถเก็บกระเป๋าได้สูงสุดประมาณ 20 ใบ แต่มีลูกค้ารายหนึ่งเขามีกระเป๋า 100 ใบ บางคนซื้อ 3 ตู้ไปเรียง ซึ่งเราดูความต้องการของลูกค้า แล้วก็ผลิตให้ตามต้องการก็มี เพราะเขาจะไปวัดขนาดห้องมา แล้วก็ส่งให้ทางฝ่ายผลิตทำ ส่วนราคาเริ่มต้นที่ 59,000 บาท ไปจนถึง 65,000 บาท และ 75,000 บาท

ความอับชื้น สีที่ซีดเก่า รูปทรงไม่คงเดิม คือปัญหาของกระเป๋า ลำพังแค่ตู้เก็บอาจไม่ช่วยตอบโจทย์ได้ทุกปัญหา ฉะนั้น หากมีนวัตกรรมรองรับก็จะยิ่งส่งเสริมประสิทธิภาพได้ดีขึ้น

หน้าที่นี้ต้องมอบให้ ดร.วิวัฒน์ วงศ์วราวิภัทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินสเต็ป จำกัด ผู้พัฒนาเทคโนโลยี เข้ามาให้ความร่วมมือสร้างสรรค์ผลงานเติมเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

“ปัจจุบัน เทคโนโลยีต่างๆ มักถูกสอดแทรกอยู่ในผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มกับสินค้า แต่มากไปกว่านั้นคือ ประโยชน์ใช้สอยมอบให้กับผู้บริโภค และนวัตกรรมต่างๆ เทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งสิ่งนี้มีอยู่ในแล็บจำนวนมาก แต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ เพราะนักวิจัยกับผู้ประกอบการไม่มีโอกาสเจอกัน ผมจึงเหมือนคนกลางเชื่อมโยงทั้ง 2 ฝ่ายเข้าหากัน

จากการพูดคุยกับทั้ง 2 ผู้ประกอบการซึ่งสนใจเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้รับรู้ถึงปัญหา และมองไปในแล็บก็รู้ว่ามีงานวิจัยอะไรออกมา พอยื่นเสนอสิ่งนี้ออกไป จึงได้ตู้เก็บกระเป๋าที่ใส่นวัตกรรมแก้ปัญหาความอับชื้น ยืดอายุการใช้งานของกระเป๋า”

ต่อยอดตู้รองเท้า

กลิ่นหาย ไม่มีฝุ่น

หลังประสบความสำเร็จกับตู้เก็บกระเป๋า การต่อยอดไปสู่ตู้เก็บรองเท้าจึงตามมา ซึ่ง ดร.รณันธร ว่า

“รองเท้ารับบทหนักยิ่งกว่ากระเป๋ามาก เพราะต้องสวมใส่อยู่กับเท้าอาจตลอดทั้งวัน ปัญหาความอับชื้นสูง และแน่นอนสิ่งที่ต้องเจอคือ กลิ่น ซึ่งลูกค้าที่นำรองเท้าเข้ามาให้ MyBagSpa Thailand แก้ไขคือ อับชื้น กลิ่น ต่อให้ราคาแพงขนาดไหน ก็มีกลิ่น เรียกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เลย ฉะนั้น จึงคิดถึงตู้เก็บรองเท้าช่วยลดปัญหา ซึ่งเมื่อคุยกับ ดร.วิวัฒน์ ก็รู้ว่าสามารถนำนวัตกรรมมาใช้ได้”

ประสบการณ์ทำงานด้านไอทีทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น เรื่องเทคโนโลยีใหม่ จึงเป็นสิ่งที่ ดร.วิวัฒน์ เข้าใจและมองเห็นโอกาส

“ก่อนอื่นเราต้องรู้ถึงปัญหาก่อน แล้วหยิบเทคโนโลยีใส่ลงไป อย่างรองเท้า กลิ่นนี่ปัญหาใหญ่เลย และทางแล็บเองก็มีเทคโนโลยีกำจัดกลิ่นอยู่แล้ว ก็ได้เสนอกับผู้ประกอบการทั้งสอง จึงเกิดความลงตัว ซึ่งนวัตกรรมที่นำมาใช้กับตู้รองเท้าที่ช่วยสลายกลิ่นและแบคทีเรียนี้เรียกว่า โฟโต้ แคตทาลิสต์ (Photo Catalyst) เป็นการทำงานร่วมกันของนาโนเทค (Nanotech) และสารไทเทเนียม ไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) ที่เร่งปฏิกิริยาให้แสงช่วยย่อยกลิ่นและแบคทีเรียต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของรองเท้า”

ดร.วิวัฒน์ ยังกล่าวขยายความถึงนวัตกรรมดังกล่าวว่าเป็นสารเคมีที่เคลือบอยู่บนพื้นผิวโดยจะจับกันเป็นผลึกระดับนาโน ซึ่งมีคุณสมบัติในการย่อยสลายกลิ่นและฝุ่นเมื่อได้รับแสงอัลตราไวโอเลต

“เท่ากับว่าแสงอัลตราไวโอเลตคือตัวกระตุ้นให้สารเคมีแตกตัว เราเรียกว่า แคตทาลิส ซึ่งสามารถอยู่ได้นานนับสิบปี โดยการเสียบปลั๊กไฟด้านหลังตู้ เทคโนโลยีที่ซ่อนอยู่ในตู้ก็จะทำงาน ส่วนค่าไฟฟ้าก็เพียงวันละประมาณ 8 บาท โดยอายุการใช้งานประมาณ 10 ปี เมื่อหมดลงก็สามารถเปลี่ยนได้ในราคาไม่แพง”

พัฒนาก้าวต่อไป

รองเท้าผ้าใบไม่มีกลิ่น

สำหรับระยะเวลาย่อยสลายกลิ่น ขึ้นอยู่กับระดับความมากน้อยของกลิ่น “จากที่เคยทดลองในห้องแล็บ ผ่านไปราวครึ่งวัน กลิ่นลดลงเหลือไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างที่ ดร.รณันธร ทดลองใส่รองเท้าเข้าไป ภายใน 2 ชั่วโมงไม่มีกลิ่นแล้ว ซึ่งสาเหตุที่มาของกลิ่นคือเหงื่อซึมผ่านหนังรองเท้า การซึมผ่านจะเป็นลักษณะค่อยๆ ซึม ฉะนั้น เวลาสลายก็ต้องค่อยๆ สลายเช่นกัน”

ดร.วิวัฒน์ ยังกล่าวด้วยว่า กับนวัตกรรมย่อยสลายกลิ่นและแบคทีเรียนำมาใช้กับตู้เก็บรองเท้า ถือว่าประเทศไทยและอาจเรียกได้ว่าในโลก MyShoes Cabinet คือรายแรก

“การพัฒนาและนำมาใช้ต้องดูให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ กับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งการพัฒนายังคงต้องทำอย่างต่อเนื่อง อย่างปัจจุบันผู้หญิงชอบออกกำลังกายมากขึ้น รองเท้าผ้าใบรับบทหนัก การสลายกลิ่นก็อาจต้องพัฒนาให้เร็วขึ้น ระบายความอับชื้นได้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อรองเท้าแห้ง สลายแบคทีเรียได้ อายุการใช้งานของรองเท้าก็ยาวนาน”

รู้จักนวัตกรรมกันไปแล้ว คราวนี้คงต้องมาพูดถึงเรื่องออกแบบ ซึ่ง MyShoes Cabinet ยังคงเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เป็นมากกว่าตู้เก็บรองเท้า

“รองเท้า ก็เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของผู้เป็นเจ้าของ ต้องการโชว์ ฉะนั้น การออกแบบตู้จึงทำหน้าบานเป็นกระจกใส ส่งผลเวลาเลือกรองเท้ามาสวมใส่ได้ง่ายขึ้นด้วย และต้องสวยกว่าตู้ทั่วไป เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งสามารถตั้งไว้ในบ้าน โดยจะออกแบบให้ออกแนวโมเดิร์นเรียบง่าย เส้นสายไม่มากนัก ใช้วัสดุแปลกตา อย่างหนังจระเข้เทียม และแบบคลาสสิก เรียบง่ายแต่เน้นสีแปลกตา อย่าง ทองแดง และสีดำขัดถลอกให้ดูเก่า มีลูกเล่นบ้าง ซึ่งทั้ง 2 แบบเหมาะกับการแต่งบ้านในยุคนี้ และเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายทั้งหญิงและชาย”

ออกแบบเข้ากับบ้าน

ถูกใจทั้งชาย หญิง

ดร.รณันธร ยังได้กล่าวเสริมถึงรูปแบบสินค้าของ MyShoes Cabinet ออกแบบและผลิตโดยคำนึงถึงความร่วมสมัย มี 2 คอลเล็กชั่น ได้แก่ “แมนฮัตตัน” (Manhattan) เน้นความเรียบหรู ผลิตจากไม้บีชและวีเนียร์ซานโตสโรสวูด มี 2 สี คือ ขาวในชื่อ ฟิฟท์ อเวนู (5th Avenue) ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราแต่เรียบง่าย ส่วนสีดำเป็นบานประตูหนังจระเข้เทียม ชื่อ โซโห (Soho) เน้นความโมเดิร์นหรูหราด้วยหมุดเหล็ก

ส่วนคอลเล็กชั่น “ทัสคานี” (Tuscany) จะมีรูปแบบคลาสสิก สวยงาม ลายเส้นต่อเนื่องเพื่อให้ดูเรียบหรู มี 2 สี ได้แก่ ฟลอเรนซ์ (Florence) ใช้สีเข้มตัดสีทองให้ความรู้สึกสุขุม และเซียน่า (Siena) ใช้สีทองแดงสว่าง สำหรับราคาขายตั้งไว้เริ่มต้น 45,000 บาท และ 55,000 บาท

ด้วยเพราะเป็นสินค้าใหม่ อีกทั้งยังจัดเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม การบอกกล่าวเพื่อสร้างการรับรู้จึงเป็นสิ่งควรทำ ซึ่งทั้ง 2 ผู้ประกอบการวางแผน โดยเน้นสื่อสารไปยังช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์

นอกจากนั้น ยังจัดกิจกรรมร่วมกับสถาบันการเงิน กลุ่มโรงแรม เพื่อพุ่งตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายทั้งหญิงและชายในระดับบน และกับอีกหนึ่งช่องทางที่มองข้ามไม่ได้คือ ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อให้การขายเกิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง

“MyShoes Cabinet คือสินค้าใหม่ แต่ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นของสินค้า บวกกับแผนการตลาดที่วางไว้ เราจึงเชื่อว่าในปีนี้ (2559) คาดจะมีรายได้ประมาณ 10-15 ล้านบาท” ดร.รณันธร กล่าว

สนใจผลิตภัณฑ์ ติดต่อเดินทางไปได้ที่โชว์รูม Mc Michael ย่านพระราม 9 โทรศัพท์ (02) 731-6951, (02) 731-6952 และ MyBagSpa สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ โทรศัพท์ (02) 646-1229, (083) 096-2097 หรือติดต่อผ่านทาง facebook.com/ My Bag & Shoes Cabinet

Leave a comment