น้ำพริกกุ้งกรอบฯ “Munchies Buzz” ความพยายามครั้งใหม่ ของ “พิมพ์มาดา”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=0762151059&srcday=2016-10-15&search=no

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 22 ฉบับที่ 407

อาชีพคนดัง

กัญญ์วรา ศิริสมบูรณ์เวช

น้ำพริกกุ้งกรอบฯ “Munchies Buzz” ความพยายามครั้งใหม่ ของ “พิมพ์มาดา”

นอกจากรอยยิ้มสดใส และการมองโลกในแง่ดีอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เชื่อว่าสิ่งที่มีไม่แพ้กันในตัวดารา-ผู้จัดคนดัง พิม-พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร คือความเก่งและแกร่ง เพราะหลังจากเอาชนะเจ้ามะเร็งรังไข่มาได้ไม่นาน สาวเจ้าก็ปลุกปั้นธุรกิจใหม่ “น้ำพริกกุ้งกรอบครอบจักรวาล Munchies Buzz” ให้กลายเป็นอาหารคู่ครัวของหลายๆ บ้านไปเรียบร้อยแล้ว

“ที่มาเริ่มจากเราอยากทำอะไรกับเพื่อนๆ จริงๆ ทำอะไรหลายอย่างมาแล้ว และเมื่อปีที่แล้วคิดว่าจะทำสแน็กอย่างหนึ่งก็เลยไปติดต่อทำโลโก้ ทำอะไรมาเรียบร้อย ทีนี้คุยไปคุยมาสินค้านั้นมีปัญหา มันไม่เกิด ในใจก็เลยคิดแค่ว่าล้มอีกแล้ว อะไรที่ทำกับเพื่อนไม่ค่อยเกิดสักทีเลยต้องทำอะไรสักอย่างให้ได้ค่าโลโก้คืน เพราะจ่ายค่าโลโก้ไปแล้ว” สาวยิ้มสวยวัย 35 ว่าพลางขำกับจุดเริ่มต้นที่ตั้งใจแค่อยากถอนทุนคืน

โดยคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ลงเอยกับน้ำพริกกุ้งกรอบสูตรเด็ดของแม่บ้านที่บ้าน ที่ไม่ว่าจะกินกับอะไรก็อร่อยเพลินจนแทบหยุดไม่ได้

ซึ่งพิมว่า “พูดถึงมันเป็นอะไรที่เก็บรักษาไม่ยาก แต่วิธีการทำค่อนข้างยุ่งยากเลยมานั่งคุยกันว่าจะทำได้ไหม แต่เพื่อนๆ ใจสู้มาก เลยลองทำบรรจุกระปุกน่ารักๆ ขาย อย่างน้อยจะได้ค่าโลโก้คืน ก็เริ่มต้นจากตรงนั้น”

“สุดท้ายพอทำออกขายจริงๆ ฟีดแบ็กมันดีมาก อย่างที่พิมบอกว่ามันเป็นของเด็ดประจำบ้านเรา มันอร่อยจริง ดีใจที่คนกินแล้วรู้สึกเหมือนกันว่าของอร่อยจริง เป็นที่มาของการซื้อแล้วซื้ออีก ปากต่อปากไปเรื่อยๆ กลายเป็นประสบความสำเร็จในระดับเท่าที่เราเกินคาด มันไม่ได้ประสบความสำเร็จแบบเป็นเศรษฐี แต่มันเกินสิ่งที่เราคิดเอาไว้ ถ้างั้นเราต้องมาทำจริงจังแล้วแหละ”

ดังนั้น จากที่แรกๆ ขอให้แม่บ้านช่วยทำแล้วจ่ายเงินพิเศษ หลังๆ เมื่ออีกฝ่ายอนุญาตให้นำสูตรไปใช้ พวกเธอจึงจ่ายเงินตอบแทนแล้วนำสูตรมาปรับปรุงพัฒนาให้ได้คุณภาพคงที่สมชื่อ “น้ำพริกกุ้งกรอบครอบจักรวาล Munchies Buzz”

“ชื่อ “มั๊นชี่ บัซ” อย่างที่บอกว่าแบรนด์นี้เกิดขึ้นจากที่เราตั้งใจจะทำผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่งคือสแน็ก เลยคิดกันว่าเอาให้มันมีความหมายกับพวกเราละกัน “มั๊นชี่” รู้อยู่แล้วว่าความหมายคือกินแล้วอร่อย กินแล้วเพลิน ส่วน “บัซ” มาจากเสียงผึ้ง คือพวกเรา 4 คนที่เป็นหุ้นกัน รู้จักกันเพราะว่าเรียนที่โรงเรียนสายน้ำผึ้ง เลยรู้สึกว่าเรา 4 คนเหมือนเป็นลูกผึ้ง 4 ตัวที่โตมาด้วยกัน ทุกวันนี้ก็อยากจะโตไปด้วยกันอีกกับขนม กับของอร่อยที่เราจะนำสู่ทุกคน” พิม แจงถึงชื่อแบรนด์

ก่อนจะเล่าให้ฟังถึงหน้าที่ว่า “เรามีการแบ่งเป็นเรื่องเป็นราว พิมดูมาร์เก็ตติ้ง-พีอาร์ ดูสิ่งที่เราถนัด ติดต่อหาคอนเน็กชั่น แต่พอมาทำจริงๆ กำลังการผลิตของเราค่อนข้างเป็นโฮมเมด ในช่วงแรกต้องทำกันทุกหน้าที่ ช่วยกันทุกอย่าง ยืนทอดเอง ทำเองตั้งแต่ต้น บรรจุของใส่กระปุก ส่งไปรษณีย์เขียนหน้าซอง ทำเองทุกอย่างเลย”

แม้นั่นจะค่อนข้างเหนื่อย แต่ก็เป็นข้อดี โดยเฉพาะในวันนี้ที่กิจการเริ่มขยายต้องจ้างพนักงานมาช่วยอีก 2-3 คน

“เรารู้สึกว่าวันที่เราว่างเราก็ทำกันเอง เรารู้ขั้นตอนทุกอย่างก่อน จนวันนี้เรามีพนักงานเราจะได้สอนเขาได้ว่ามันต้องทำอะไรบ้าง เมื่อไหร่ที่เราทำเองเป็นทุกอย่างเพราะว่ามันเป็นของ ของเรา พิมรู้สึกว่าเราต้องรู้จักสินค้าเราให้ดีที่สุดก่อน”

ขณะเดียวกัน ก็เปิดใจรับกับทุกคำติชม เพราะนั่นจะทำให้สินค้าพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีที่สุด

ด้วยเธอว่า “พิมเองอยู่ในจุดผู้ผลิตก็อยากจะรับฟัง เพราะว่าเมื่อไหร่ที่เราคิดว่าเราเจ๋งแล้ว เราเก่งแล้ว แน่นอนมันไม่มีวันที่เราจะพัฒนาตัวเองได้ สินค้าเริ่มต้นเรามั่นใจอยู่แล้วว่าของเราอร่อย แต่ถ้ามันมีคำติชมที่มันเข้ามาเยอะๆ แล้วมันพัฒนาต่อไปได้อีกมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร เรายินดีรับฟัง”

เช่นแรกๆ ที่มีเสียงสะท้อนเรื่องน้ำพริกยังไม่แห้งกรอบมากนัก ตอนหลังคนทำเลยซื้อเครื่องสลัดน้ำมันมาช่วยแก้ปัญหา นอกจากนี้ ยังเพิ่มเครื่องคั่วกรอบ เพราะสงสารพนักงานที่ต้องยืนคั่วทั้งวัน ขณะเดียวกัน ก็เพื่อรองรับออร์เดอร์ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“ตอนนี้ผลิตทุกวัน ยอดตอนนี้รับออร์เดอร์ครั้งหนึ่งประมาณ 500 กระปุก ก็จะอาทิตย์ชนอาทิตย์ ก็คือขายหมดตามที่เราตั้งใจไว้ เราผลิตได้มากสุดที่เราทำคือเท่านี้” พิม บอกถึงธุรกิจที่ดีวันดีคืน

ซึ่งแม้กำลังผลิตจะทำได้เท่าที่ว่า แต่เธอก็เปิดรับออร์เดอร์ผ่านไลน์และเฟซบุ๊ก “munchies_buzz” ตลอด โดยขายในราคากระปุกละ 90 บาท น้ำหนัก 60 กรัม

“เรารับออร์เดอร์ตลอด แต่เหมือนถ้ารอล็อตนี้ไม่ทันก็รอล็อตหน้าให้ลงชื่อเอาไว้ แล้วเราก็จะต้องละเอียดเรื่องการจดออร์เดอร์ส่งของ ลูกค้าจ่ายเงินแล้ว เขาก็รอคอย เหมือนว่าเราก็เป็นหนึ่งในคนที่ชอบช็อปปิ้งออนไลน์ ต้องรู้ว่าเวลาเราจ่ายเงินแล้ว เรารอของ เราอยากได้ของเร็วที่สุด เพราะฉะนั้น เราต้องจริงใจกับลูกค้าตรงนี้ด้วย รอบนี้ไม่ทัน บอกว่ารอบหน้าได้ก็ต้องได้จริงๆ” สาวเจ้าย้ำถึงสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ

ก่อนจะเผยถึงแผนขยายกิจการที่ตั้งใจจะนำไปวางขายในร้านค้าต่างๆ ซึ่งตอนนี้ก็ได้ทดลองวางขายไปแล้วใน 12 ร้านค้า ได้แก่ ร้าน Good Health สาขาพัฒนาการ 53 สาขาพรีเมียร์ เพลส ศรีนครินทร์ สาขา Belle Condo พระราม 9, Grab & Green ที่ Interchange 21 Tower ชั้น G สุขุมวิท 23, Nature Farm ดินแดง, Healthy Teller เพชรเกษม, Punsuk สาธุประดิษฐ์ ซอย 6, Health Corners โครงการอมาติโอ ชิลล์ ปาร์ค ชลบุรี, Organic to You โครงการ The Seasons พหลโยธิน, Double T Coffee จามจุรีสแควร์ ชั้น G, Antical เชียงราย, Imjai มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, @ talatphlu ตลาดพลู และ me-nat @ Phawana ลาดพร้าว 41

และเมื่อเห็นช่องทางเติบโต เธอจึงบอกเลยว่า จริงจังกับธุรกิจนี้มาก เพราะครั้งก่อนๆ พอร่วมหุ้นกับเพื่อน ไม่ว่าจะคัพเค้ก, เสื้อยืด ฯลฯ ก็มีอันต้องเลิกราด้วยความที่ติดขัดหลายอย่าง บวกกับไม่ถนัดเรื่องค้าขาย ทว่าครั้งนี้กลับรู้สึกสนุก และยิ่งคนตอบรับดี ยิ่งมีกำลังใจพัฒนา

อย่างเช่น การเตรียมพัฒนาน้ำพริกให้มีมากกว่าแค่ “กุ้ง” เป็นวัตถุดิบ เพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มอื่นๆ แต่นั่นอาจต้องใช้เวลาสักนิด

“พอมันมาได้ดีเราก็ยังไม่ได้ตั้งตัวมาก ตอนนี้ก็เริ่มเป็นกุ้งกรอบ คนแพ้กุ้งก็เยอะ คนบอกว่าขอให้เป็นปลาบ้างอะไรบ้าง ตอนนี้ก็อยู่ในกระบวนการเพิ่มไลน์ว่ามีกุ้ง แล้วก็มีปลาให้ลูกค้าเลือก หรืออาจจะมีน้ำพริกตัวอื่นในอนาคตซึ่งต้องทำการบ้านค่อนข้างหนัก เพราะว่าเราก็ไม่ได้เป็นแม่ค้ามืออาชีพเนาะ มันกำลังเพิ่งเริ่มต้องทำการบ้านนิดหนึ่งว่าต้องเน้นของอร่อยและของดีจริง” แม่ค้าว่า

ก่อนเล่าถึงแผนอนาคต “เป้าหมายก็หวังว่าเราจะเป็นโรงงานเล็กๆ ในขนาดย่อมๆ ของเราที่เราพอจะรับผิดชอบไหวได้ 1 อย่าง และอีกอย่างคืออยากจะกระจายสินค้าให้มากขึ้น มีเอาไปร่วมกับที่นู่น ที่นี่ หรือเอาไปวางขายตามห้างเล็กๆ หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต หวังว่าจะได้ไปขนาดนั้น”

“ตอนนี้ก็กำลังจะเดินไปถึงตรงนั้น เป็นเป้าหมายที่น่าจะเป็นไปในเร็ววันนี้ อยากทำให้มันถูกต้อง ส่งขายกระจายสินค้า อาจจะถึงขั้นส่งออกต่างประเทศได้เลยอะไรอย่างนี้ พยายามทำไป”

เป็นความพยายามครั้งใหม่ของ “พิมพ์มาดา” ที่หวังให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด

Leave a comment