อาชีพหลังเกษียณ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=0760151059&srcday=2016-10-15&search=no

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 22 ฉบับที่ 407

อาชีพที่ไม่เหมือนเรา

ไมตรี ลิมปิชาติ

อาชีพหลังเกษียณ

คนที่เกษียณอายุจากงานหลวงส่วนใหญ่จะอยู่เฉยๆ ไม่ค่อยทำอะไรมาก นอกจากเลี้ยงหลาน

คนที่มีหลานให้เลี้ยงไม่ค่อยจะเดือดร้อน เพราะนอกจากได้บำนาญทุกเดือนแล้ว อาจได้เงินค่าเลี้ยงหลานจากลูกอีก

ที่ว่านี้ หมายถึงคนที่เกษียณแล้วได้บำนาญ แต่ถ้าเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจอาจมีปัญหาบ้าง ถ้าได้บำเหน็จมาแล้วต้องใช้หนี้จนหมด เพราะต่อจากนั้นจะต้องหาเงินใช้เอง ไม่มีบำนาญให้เหมือนข้าราชการ

คนที่ปลดเกษียณมาที่ไม่อยากอยู่เฉยๆ ก็จะหาอาชีพให้กับตัวเอง เช่น ขับแท็กซี่บ้าง ทำขนมบ้าง และมีอยู่ไม่น้อยที่เอาเงินบำเหน็จที่ได้ไปลงทุนปลูกต้นไม้ ปลูกกล้วย ปลูกมะละกอ ปลูกมะนาว

บางคนไปเช่าที่ดินปลูกสับปะรด ก็ได้ผลพออยู่ได้ คือบางปีไม่ได้กำไร แต่เป็นหลักประกันว่าตัวเองมีงานทำ

เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งพอเกษียณก็ได้เป็นหมอดูลายมือ ถือเป็นอาชีพที่ดีอย่างหนึ่งของคนสูงอายุเพราะทำให้ไม่เหงา จะมีคนมาหาให้ช่วยทำนายชะตาชีวิตทุกวัน อยู่เฉยๆ ก็มีคนเอาเงินมาให้ถึงบ้าน

อาชีพหมอดูที่ว่านี้ผมเคยเอามาเขียนลงเส้นทางเศรษฐีหลายปีมาแล้ว

สำหรับเส้นทางเศรษฐีฉบับนี้ผมก็จะขอนำเสนอเพื่อนรุ่นพี่ของผมอีกคนที่มีอาชีพน่าสนใจทีเดียว

คนที่ว่านี้มีชื่อว่า สุเทพ สังข์เพ็ชร ปัจจุบันอายุเกือบ 80 ปีเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังยึดอาชีพวาดรูปได้อย่างเหนียวแน่น เพียงแต่เจ้าตัวไม่ยอมรับว่าเป็นอาชีพเท่านั้น

คุณสุเทพปลดเกษียณในตำแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าการมาจากการประปานครหลวง

เขาเรียนจบจากวิทยาลัยเพาะช่าง รุ่นเดียวกับ ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติที่คนไทยรู้จักดี

หลังจากคุณสุเทพเรียนจบจากเพาะช่างก็ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบจากธรรมศาสตร์ก็ได้ทำงานที่กรมนิเทศสหการ และการประปานครหลวง ตามลำดับ

คุณสุเทพเล่าให้ผมฟังว่า เขาไม่กล้าที่จะยึดอาชีพวาดรูปเหมือน ถวัลย์ ดัชนี และใครต่อใครมาตั้งแต่จบเพาะช่าง เพราะต้องมีภาระเลี้ยงดูน้องๆ หลายคน

“วาดรูปมีรายได้ไม่แน่นอน จึงต้องหางานหลวงทำเป็นหลัก” เขาให้เหตุผล

ทว่าขณะคุณสุเทพทำงานหลวง เขาไม่เคยหยุดเขียนรูป หรือจะเรียกให้สูงขึ้นมาหน่อยก็ได้ว่า

เขาไม่เคยหยุดทำงานศิลปะ

เขาจะเดินทางไปไหนก็ตาม ทั้งภายในและต่างประเทศจะต้องติดสมุดไปสเก็ตภาพแทนการถ่ายรูปเสมอ (มีพฤติกรรมคล้ายๆ กับอดีตนายกชวน หลีกภัย)

แต่ถ้าอยู่บ้านคุณสุเทพจะวาดรูปสีน้ำมัน และสีอะครีลิกลงบนผืนผ้าใบอย่างเป็นเรื่องเป็นราว จนมีผลงานเต็มบ้าน

ผมเคยไปถึงบ้านคุณสุเทพจึงได้เห็นผลงานทั้งป้ายสีน้ำวาดทิวทัศน์ สีอะครีลิกเป็นรูปเหมือนใบหน้าคน และภาพสมัยใหม่ ติดตั้งโชว์อยู่ที่ผนังเกือบทุกด้านของบ้าน นอกนั้นกองเป็นตั้งอยู่บนพื้นบ้าน

เนื่องจากเวลาของคุณสุเทพถูกงานหลวงแย่งไปจนเกือบหมด เขาจึงไม่สามารถที่จะนำผลงานออกแสดง หรือจัดนิทรรศการแบบเดี่ยว หรือเฉพาะของตนเองได้ นอกจากนำไปแสดงร่วมกับศิลปินคนอื่นเป็นครั้งคราว

จนกระทั่งคุณสุเทพเกษียณ เขาจึงมีเวลาเต็มที่ และเต็มที่จริงๆ เพราะไม่มีหลานให้เลี้ยง เหตุที่ไม่มีก็เพราะตัวเองไม่มีลูกนั่นเอง

ถึงไม่มีลูก แต่ก็มีรูป คือเขามักจะอยู่กับรูป เขียนรูปทุกวันก็ว่าได้

เมื่อคุณสุเทพมีเวลาว่างพอ เขาจึงได้นำผลงานจัดนิทรรศการเดี่ยวหลายครั้ง โดยเฉพาะล่าสุดก็เมื่อปลายเดือนกันยายนศกนี้ เขาได้นำผลงานแสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติเป็นเวลา 45 วัน

สำหรับการจัดนิทรรศการเดี่ยวของคุณสุเทพได้จัดขึ้นที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติติดต่อกันทุกปี ปีละครั้ง เป็นครั้งที่ 7 เข้าไปแล้ว

ผมได้ไปชมผลงานของคุณสุเทพทุกครั้ง ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของผลงานมาตามลำดับ โดยแต่ละปีจะมีผลงานที่ไม่ซ้ำกัน จะแปลกกว่าเดิมเสมอ

สำหรับเรื่องนี้ คุณสุเทพให้เหตุผลว่า ศิลปินทั่วไปจะต้องสร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

หมายถึงว่าพอใครเห็นงานปุ๊บจะต้องรู้ทันทีว่าเป็นงานของศิลปินผู้ใด แต่สำหรับคุณสุเทพไม่ต้องการเช่นนั้น เขาเปลี่ยนแนวการเขียน การเสนอผลงานแตกต่างออกไปทุกปี

“ผมไม่อยากขึ้นต้นอย่างไรแล้วจบอย่างนั้น ผมจึงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อคนที่ชอบงานศิลปะจะได้ตื่นเต้น ทายไม่ถูกว่าปีนี้งานจะออกมาอย่างไร” เขาให้เหตุผล

ผมก็ไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก แต่ศิลปินทุกคนมาถึงระดับนี้แล้ว ย่อมเป็นตัวของตัวเองเสมอ

สีสันแห่งความสุข เป็นนิทรรศการครั้งล่าสุดของคุณสุเทพ ผมได้ไปชมมาจึงได้เห็นผลงานหลากหลายเช่นเดิม

คุณสุเทพได้อธิบายถึงการเขียนภาพของตัวเองว่า

“วัยเด็ก ชอบวาดรูปด้วยดินสอในสมุดโน้ต พอโตเป็นผู้ใหญ่ชอบศิลปะมากขึ้น จึงวาดภาพให้มีสีสันลอกเลียนให้เหมือนจริงตามธรรมชาติ ปัจจุบันชอบวาดสีโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ติดยึดรูปแบบ กฎเกณฑ์ วาดภาพตามความคิดมากกว่าตาเห็นตามความต้องการของตัวเองอย่างอิสระเสรีเต็มที่ สีสันให้ความรู้สึกที่ต้องสัมผัสด้วยใจ แม้จะรู้ตัวว่าศิลปะและสีสันเป็นเพียงภาพลวงตาก็ตาม แต่ถ้าวาดภาพด้วยสมาธิด้วยจิตใจที่แน่วแน่ก็ให้ความงดงาม ความสุขสงบได้ ผมจึงเป็นเพียงคนวาดสีที่แสวงหาความสุข”

คงเป็นอย่างที่คุณสุเทพว่าจริงๆ ด้วย เพราะผลงานแต่ละชิ้นดูแล้วให้ความรู้สึกมีความสุข ผู้ใดเครียดมาก่อน แต่พอได้มาชมผลงานของคุณสุเทพชุดนี้จะต้องกลับออกไปอย่างมีความสุข

อย่างไรก็ตาม ผมได้รับทราบเป็นที่น่ายินดีว่า

ในการจัดนิทรรศการของคุณสุเทพครั้งนี้ นอกจากมีคนทยอยมาชมแต่ละวันไม่ทำให้เจ้าของผลงานต้องเหงาแล้ว ยังมีผู้สนใจมาจับจองซื้อไปประดับบ้าน คฤหาสน์ และที่ทำงานกันเป็นจำนวนกว่า 20 รูป

ปกติศิลปินทั่วไปจัดนิทรรศการแต่ละครั้ง จะขายผลงานได้ไม่เกิน 10 รูป

แสดงให้เห็นว่า ผลงานของคุณสุเทพเข้าตาผู้สนใจในงานศิลปะแขนงนี้ได้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะภาพเขียนสีรูปดอกไม้ ถึงขนาดว่าคุณสุเทพต้องเขียนมาเพิ่มอีกหลายรูปเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของผู้สนใจ

ปกติถ้าผมเขียนเรื่องลงพิมพ์ที่นิตยสารอื่นๆ ผมก็คงจบเพียงแค่นี้ แต่เมื่อลงพิมพ์ในนิตยสารเส้นทางเศรษฐี จึงจำเป็นต้องบอกผู้อ่านและไม่ได้อ่านว่า

การจัดนิทรรศการของคุณสุเทพสามารถขายรูปได้ทั้งหมด 26 รูป ไม่ต้องมากเพียงแค่รูปละ 30,000 บาท ก็ทำให้เขาได้รับเงินเกือบ 800,000 บาทเลยทีเดียว (ยังไม่หักค่าใช้จ่าย)

นับเป็นรายได้ที่สามารถทำให้คนเกษียณจากงานประจำ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ไม่เดือดร้อน แต่ก็ทำได้ยากสำหรับผู้เกษียณคนอื่นๆ ที่จะเลียนแบบ เพราะการเขียนรูปไม่ใช่การขายน้ำเต้าหู้

Leave a comment