ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
http://www.posttoday.com/travel/restaurant/423496
25 มีนาคม 2559 เวลา 17:00 น

โดย…ปณิฏา สุวรรณปาล
เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นแท้ๆ แถมได้ไปชิมเนื้อวางุระดับ A5 สุดฟินในราคาที่จับต้องได้ (เป็นอันปิดจ๊อบ To Do List in Japan อย่างงดงาม) แต่พอสยามแอ็ทสยาม ดีไซน์ โฮเต็ล กรุงเทพฯ ชวนไปเป็นพยานเปิดตัวสุดยอดเนื้ออาคิตะ เนื้อระดับแชมเปี้ยนจากจังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น มาสู่รสสัมผัสคนไทยครั้งแรก อู๊ย… อยากไปญี่ปุ่นอีกแล้ว เพื่อไปลิ้มรสเนื้ออาคิตะให้ถึงถิ่นเกิด
คิดฝันเสียเวอร์วังต้องรีบตื่นขึ้นมารับความเป็นจริง ไหนๆ บริษัท โนเบิลโมโน เขาก็ร่วมกับจังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น และธนาคารโฮคุโตะ นำพาเนื้ออาคิตะเข้ามาถึงเมืองไทยแล้ว จะต้องบินไปให้เหนื่อยทำไม
ก่อนจะชิมเนื้อวางุของอาคิตะจำเป็นจะต้องเกริ่นถึงจังหวัดนี้เล็กน้อย เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับความอร่อยของเนื้อวัวที่ออกมาด้วย หลายคนอาจจะรู้จักกับจังหวัดอาคิตะจากพันธุ์สุนัขชื่อดังชื่อเดียวกับจังหวัด อันเป็นพันธุ์เดียวกับเจ้าฮาชิโกะ สุนัขแสนรู้เจ้าของตำนานและรูปปั้นที่สถานีรถไฟชิบูย่า ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

นอกจากสุนัขพันธุ์ดังแล้ว จังหวัดอาคิตะที่อยู่ติดกับทะเลญี่ปุ่น ได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของ 4 ฤดูกาลได้ชัดเจนที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ที่นี่เป็นแหล่งออนเซ็นอายุร้อยปี มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายอย่าง ทั้งแม่น้ำและภูเขา ด้วยความที่มีน้ำมีท่าเยอะแยะ ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว อาคิตะปลูกข้าวเยอะมาก และมีชื่อเสียงว่าเป็นข้าวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากจะนำไปผลิตสาเกระดับพรีเมียมแล้ว ยังนำข้าวนี้ไปเลี้ยงวัวด้วย
เนื้ออาคิตะเป็นเนื้อวัวสายพันธุ์ขนดำ หรือเรียกว่า คุโรเกะ-วางุ (Kuroge-Wagyu) กินแต่ข้าวพันธุ์ดี เลยได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดและมีคุณภาพสูง ไม่ต่างจากเนื้อโกเบ หรือมัทสึซากะเลย โดยสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศจากการแข่งขันประกวดวางุโอลิมปิกในปี 2012 จึงกลายเป็นที่จับตามองจากเมืองอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่น และได้มีการติดต่อขอซื้อน้ำเชื้อจากพ่อพันธุ์ของวัวอาคิตะนำไปผสมเพื่อเพิ่มคุณภาพ
เดิมนั้นวัวอาคิตะเป็นสายพันธุ์เดียวกับโกเบและมัทสึซากะ แต่หลังจากนำมาเลี้ยงที่จังหวัดอาคิตะ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและอาหารอย่างข้าวพันธุ์ดีอย่างที่บอก นอกจากนี้ยังจำกัดการเลี้ยงแค่ 3,000 ตัว/ปีเท่านั้นเพื่อควบคุมคุณภาพ วัวอาคิตะและเลี้ยงด้วยรำข้าวของข้าวอาคิตะและน้ำแร่ธรรมชาติ ทำให้กลายเป็นพ่อพันธุ์วัวที่เลื่องชื่อขึ้นมา แล้วยังเลื่องชื่อในด้านรสชาติ และการเลี้ยงดูที่พิถีพิถัน โดยเนื้อวัวอาคิตะจะมีเพียงแค่เกรด A3, A4 และ A5 (วัดได้จากการแทรกของไขมัน) ซึ่งความสว่างของเนื้อ ที่ถูกเลี้ยงแบบอุดมสมบูรณ์ การให้อาหารและการเลี้ยงดูเป็นพิเศษ ทำให้ได้คุณภาพของเนื้อที่มีคุณภาพสูงนั่นเอง

ปัชฌา ปราชญาวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิลโมโน ผู้นำเข้าเนื้อวัวอาคิตะเพียงรายเดียวของประเทศไทย บอกว่า จุดเด่นของเนื้ออาคิตะ คือ ความนุ่มและการมีสมดุลที่ดีระหว่างไขมันและเนื้อแดง ซึ่งเป็นความลงตัวที่โดดเด่นอีกทั้งยังมีความหอมของเนื้ออาคิตะที่เป็นเอกลักษณ์ให้ชวนหลงใหล
“จากการวิจัยพบว่า ผู้ที่กินเนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยกรรมวิธีเดียวกับที่จังหวัดอาคิตะ จะช่วยสามารถลดคอเลสเตอรอล เนื่องจากเนื้อวัวนั้นจะมีกรด Oleic ซึ่งเป็นกรดที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย”
อูยแค่บรรยายถึงเนื้อก็เริ่มน้ำลายสอกันแล้ว งานนี้เนื้ออาคิตะยังได้รับการสร้างสรรค์ออกมาเป็นเมนูพิเศษ ในแบบฉบับของเอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟจิลล์ พอยทิวิน์ พ่อครัวใหญ่ชาวฝรั่งเศสอีกต่างหาก โดยเชฟระดับอาจารย์ได้สร้างสรรค์เมนูเป็นพิเศษในสไตล์ Akita Beef Degustation ถึง 4 เมนู ให้แฟนพันธุ์แท้เนื้อวางุได้สัมผัสรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน ด้วยเทคนิคเฉพาะและการปรุงแต่งอย่างละเอียดอ่อนในสไตล์ฝรั่งเศสต้นตำรับ

เรียกน้ำย่อยกันที่เมนูแรก Akita Chuck Beef & Salmon Soft Roe Tartare, Spices Herbs, Hazelnut & Redcurrant Senses ที่เชฟนำเนื้อส่วนหนอก (Chuck Beef) มาหั่นสไลซ์หนาประมาณ 3 มม. แล้วตัดเป็นเส้นคล้ายเส้นปลา หลังจากนั้นนำมาคลุกเคล้าปรุงรสด้วยโป๊ยกั้ก (หรือจันทน์แปดกลีบ หรือ Star Anise) เกลือ ผลไม้ป่าแดง (Redcurrant) ให้เข้ากันพร้อมเสิร์ฟ เมนูนี้โชวความหอมและรสชาติของเนื้อแบบเต็มๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทาน เสิร์ฟคู่กับสาเกสไตล์จุนไม กินโจ จากโรงสาเกยูกิโนะโบฉะ
เสิร์ฟมาในถ้วยชาแบบเก๋ กับ Slice of Raw Akita Rump, Horseradish Sense, Scalded by Its Consomme เมนูนี้นำเนื้อส่วนของสะโพก มาหั่นสไลซ์จนบางเฉียบ และการนำเอามันของเนื้ออาคิตะมาปั่นจนเหลว ปรุงรสด้วยไข่กุ้ง และฮอร์สราดิช หลังจากนั้นนำด้ายมาวางแล้วนำไปแช่แข็ง เมื่อแข็งได้ที่นำเนื้อที่สไลซ์เตรียมไว้มาห่อ และนำมาจัดวางในแก้ว รอเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปคอนซอมเมใสๆ
สำหรับขั้นตอนการเตรียมน้ำซุป นำเนื้อบดผสมไข่ขาว และสมุนไพร มาต้มกับน้ำซุปผสมน้ำแข็ง (ใส่น้ำแข็งเพื่อทำให้เย็นจัดเพื่อจะได้น้ำซุปที่ใส) ใช้ไฟกลางรอจนเดือด กรองน้ำออก และจากนั้นพร้อมเสิร์ฟคู่กับเนื้อที่เตรียมไว้ในแก้ว เมนูนี้เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทาน ควรเสิร์ฟคู่กับสาเกสไตล์ยามะไฮ จุนไม จากโรงสาเกยูกิโนะโบฉะ

จานนี้น่าจะเป็นที่ป๊อปปูลาร์ Recto Verso de Filet de Boeuf au Foie Gras, Sauce Miroir de Vin Rouge au Wasabi ที่เชฟจิลล์นำเนื้อสันใน มาย่างสุกปานกลาง เพิ่มอรรถรสด้วยซอสที่นำไวน์แดงผสมกับน้ำสต๊อกเคี่ยวจนงวด แต่งรสด้วยวาซาบิให้ซ่าๆ ที่ปลายลิ้น เสิร์ฟพร้อมกับฟัวกราส์แสนอร่อย เป็นจานง่ายๆ ที่คลาสสิก อร่อยแน่นอน โดยสามารถเสิร์ฟคู่กับสาเกสไตล์ยามะไฮ จุนไม จากโรงสาเกยูกิโนะโบฉะ
เมนูสุดท้าย Akita Shank Beef Old Fashioned Carrot Stew เมนูคลาสสิกจากยุคกลางแบบชาวบ้านๆ จุดเด่นอยู่ที่การตุ๋นโดยไม่ใช้น้ำ ซึ่งจะนำเนื้ออาคิตะน่องลายมาตุ๋นทั้งน่อง ปรุงรสด้วยการวางแครอต หอมใหญ่ สมุนไพร ไวน์แดง ไว้ที่ชั้นรองชั้นล่าง ก่อนนำเนื้อน่องมาวาง แล้ววางทับด้วยผักและสมุนไพรอีกครั้ง การปรุงต้องอาศัยไฟอ่อนมากๆ ซึ่งวิธีนี้จะได้รสชาติของส่วนผสมทุกอย่างในเนื้อที่ตุ๋นเพราะเครื่องปรุงจะค่อยๆ ซึมเข้าเนื้อ
หลังจากสุกแล้ว นำขึ้นทั้งชิ้นแช่เย็นเพื่อรอตัดเป็นชิ้นๆ น้ำที่ได้จากการตุ๋นนำมาใช้ราดเป็นน้ำซอส พร้อมเสิร์ฟคู่กับ สาเกสไตล์จุนไม ไดกินโจ จากโรงสาเกทาคาชิมิสึ
ทั้ง 4 เมนูพร้อมเสิร์ฟ ตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย.นี้ มาเปิดประสบการณ์ความอร่อยครั้งแรกในประเทศไทย กับสุดยอดเมนูเด็ดจากเนื้อวัวอาคิตะ ซึ่งทางโรงแรมยังได้จัดทำเมนูเนื้ออาคิตะเพิ่มขึ้นอีก 2 เมนูพิเศษ คือ A4 Braised Akita Shank in Carrot Stew และ A4 Akita Rump Sashimi ด้วย โดยเมื่อสั่งเมนูเนื้ออาคิตะตลอด 3 เดือนนี้ รับคูปองเพื่อลุ้นตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-โตเกียว จำนวน 1 รางวัล สำหรับ 2 ที่นั่ง พร้อมบัตร JR East เพื่อใช้เดินทาง 1 สัปดาห์ สำหรับ 2 ท่าน ที่เดอะรูฟ แกสโตร ชั้น 25 เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.30–23.00 น. โทร. 02-217-3000 หรืออีเมล fbrsvn@siamatsiam.com